วันอังคารที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2556

13 ส.ค. 56 มุฑิตาลพ.อำนาจ

ไม่ใช่แค่ทุกข์ แต่สุขเองรวมทั้งเฉยๆ ก็เกิดจากตาหูจมูกลิ้นกายใจ
ถ้ามันรู้ที่มาขนาดนี้จะไม่ไปทำอะไรแปลกด้วยหวังว่าจะมีความสุข
อย่างนั่งสมาธิท่านู้นท่านี้ ต้องทำอันนั้น ต้องท่องอันนี้ ทำแล้วจะสุข
สีลัพพตปรามาสเท่านั้นเอง ถ้าไม่เห็นเป็นอัตตาไปเรื่องศีลพรตจะไม่เกิด
จะไม่มีคร่ำครวญไม่สงบ จะต้องให้สงบ อยากหาย... อันนี้ไปไกลแล้ว คร่ำครวญปริเทว

ผู้ใดยังไม่เห็นปฏิจจสมุปบาท ผู้นั้นพึงไปเจริญสติปัฏฐานก่อน

เมื่อสุขก็เกิดจากตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ยังจะเอาศีลพรตกฏกติกามาทำอะไร

ก่อนไปใจดิ้นรน ใจมันเฉยเฉื่อยเนือยหน่าย อ้อยๆ อิ่งๆ ลังๆ เลๆ ไปๆ มาๆ สุดท้ายก็กึ่งขากึ่งใจสลับกันทำงานฉุดๆ ลากๆ กันไปถึงจนได้ ด้วยความที่เป็นที่ๆ ไม่ได้ไปทุกวันมัน แถมไม่ใช่เป็นวัดหรือสถานปฏิบัติธรรมอะไรคิดแล้วจะมีแรงฝืดเทียบกับวัดปทุมที่เข้าไปเกือบทุกวันแล้วก็ใกล้เหมือนไปขำๆ ไปแล้ว เหอๆ

ระหว่างลังเลเห็นความดิ้นของใจ ซึ่งก็คิดว่าต่อให้ตัดสินใจอะไรไปหรือไม่ไปก็คุ้มว่ะ ดูมันดิ้นพล่านชัดเลย 5555 ตอนลังเลอยู่ก็คิดว่าจะหมุนเหรียญ แต่แรงจะตั้งอธิษฐานยังไม่มีเรยว่ะ ก๊ากก

คิดๆ ดู ไปถึงได้ยังไงยังไม่แน่ใจ

  • ลืมมาทั้งวันมานึกได้ประมาณบ่าย 3 แถมนึกได้แล้วยังมีสลดหน่อยด้วย (ขี้เกียจไป) แต่ก็คิดว่าตรูอุตส่าห์โทรไปขอแลก จะทิ้งไปฟรีๆ เหรอ....
  • พอเลิกงานก็ยังคิดเบาๆ ว่าจะไป พอไปหาท่านแม่คุยด้วยยาว + ช่วยทำงาน (มันก็แอบเอางาน + คุยนั่นเป็นข้ออ้าง ถามตัวเองเบาๆ จะไปมั้ยวะ)....
  • จนถึงวินาทีที่ถ้าจะไปก็ต้องออกจากสถานที่ตอนนี้แหละ มันก็ยังลังเล อ้อยอิ่งจะกลับบ้านดีมั้ย ไปวัดปทุมดีมั้ง.....
  • ด้วยความที่คิดว่า ตัวเลือกการกลับบ้านเป็นอะไรที่แย่ที่สุดเลยตัิดทิ้ง (เบาๆ) ไม่ดาบเดียวสะพายแล่ง ประมาณไม่ได้บีบคั้นตัวเองหากจะเปลี่ยนใจอ้อยสร้อยกลับบ้านก็ไม่ว่ากัน .....ดูมัน
  • ถ่วงเวลาจนว่าเอาไว้กินข้าวเสร็จแล้วค่อยว่ากันใหม่ ตัดสินใจพาตัวไปกินที่พารากอนเพราะใกล้ต่อการเลือกทั้ง 2 ช้อยส์
  • สุดท้ายก็คิดแบบเนือยๆ ว่า ไอ้สภาพจิตตอนนี้จะปล่อยให้เนือยต่อไปก็ใช่ที่ ไปแปลกที่แปลกถิ่นอาจจะตื่นตัวมากขึ้น ใช้เหตุผลนี้เดินขึ้นรถไฟฟ้าไป และก็ดีจริงซื้อตั๋วได้เร็วดี ไม่ต้องต่อแถว
  • ตอนจะเข้ารถไฟฟ้ายังมีความคิดเลื้อยๆ ยุรยาตรออกมาว่าเออ รถเต็มก็ไม่เป็นไรรอคันหลังก็ได้
  • ช่วงนี้นับเป็นโหมดอ้อยสร้อยกันสุดๆ ไปเรย แอบมีอยากหายด้วยนะ กลัวติด 5555


ไปแล้วได้ฟังก็ดี ดีแบบกึ่งเฉยๆ ไม่ได้ดีฉูดดีฉาดอะไร ที่แน่ๆ คือดีกว่าไม่ไป 5555
ธรรมที่ออกจากท่่านมันตรงประเด็นเดินเข้าบ้านดี ไม่อ้อมเลาะกำแพงไปๆ มาๆ แต่อย่างใด
ท่านยังฝากว่าพวกเราที่ฟังมามากหลาย แต่ไม่รู้เรื่องสักทีเพราะัฟังเสร็จไม่เอาไปใช้
ไปหาของเรียนเพิ่มนู่นนี่นั่นเยอะแยะ ไม่เอามาสังเกตุสังกา มันเลยไม่ไปไหนสักทีแค่นั้นแหละ
เจอพี่บัวก็บังเอิญได้ดอกไม้จากพี่บัว อะไรที่ลังๆ เลๆ แกก็สอนให้เอาเหตุผลเป็นเครื่องมือ
ลังเลด้วยดิ้นรน ยังไม่เป็นกลาง เป็นคุณพี่ที่น่ารักเสมอเรย ^ ^

เจอพี่ซา แกก็เรียกไปเข้าแถว "รดน้ำศพ" (ลพ.พูดเอง) นะ

ได้ไปดูฉากเด็กร้องแฮปปี้เบิร์ทเดย์แล้วก็รู้เรยว่า สุขมันก็เกิดจากผัสสะนี่แหละ ^_^

ตอนรดน้ำท่านก็ไม่ได้คิดอะไร ออกมาจึงนึกได้ว่าอยากจะกล่าวขอบคุณท่าน
ธรรมที่ท่านนำมาบอกต่อช่วยให้พ้นทุกข์ได้มากหลาย เป็นปัญญา เป็นกำลัง ได้อย่างดี

ขากลับบ้านจะข้ามถนนมีมอไซค์มาจากไหนก็ไม่รู้เล่นเอาตกใจ แต่ตกใจวงแคบเว้ยเฮ้ย
ใจยืดไปไม่ไกล กลับบ้านอย่างรวดเร็ว ไม่มีโทสะต่อ แต่มีระลึกต่ออีกนิดหน่อย

ตอนเดินเข้าซอย เห็นแระมีรถสวนมา ซอยแคบไม่นึกว่ามันจะขับเร็ว
น้ำกระเซ็นไปครึ่งขา (แต่กระโปรงไม่เปียกแฮะ ดีจัง) มีโทสะจางๆ หรือไม่มี
สติไปโฟกัสอยู่ที่ขาเย็นๆ เพราะน้ำ ยังนึกอยู่ว่าขอบคุณคนขับที่ทำให้มีอะไรให้ดู

หลังๆ วาจาเริ่มเรียบร้อยขึ้นตามอัตภาพ