ภิกษุทั้งหลาย ในบรรดาองค์เจ็ดแห่งอริยสัมมาสมาธินั้น
สัมมาทิฏฐิเป็นธรรมนำหน้า นำหน้าอย่างไร?
คือ เขารู้มิฉาอาชีวะ ว่าเป็นมิจฉาอาชีวะ
รู้สัมมาอาชีวะ ว่าเป็นสัมมาอาชีวะ
ความรู้ของเขานั้น เป็นสัมมาทิฏฐิ
ภิกษุทั้งหลาย "มิจฉาอาชีวะ" เป็นอย่างไรเล่า?
การพูดโกหก, การพูดหลอกลวง, การพูดหว่านล้อม, การพูดทำให้เจ็บใจจนต้องยอมตกลง, การล่อลาภด้วยลาภ ภิกษุทั้งหลาย นี้คือ มิจฉาอาชีวะ
ภิกษุทั้งหลาย "สัมมาอาชีวะ" เป็นอย่างไรเล่า?
ภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวแม้สัมมาอาชีวะว่ามีอยู่ ๒ ชนิด คือ
๑. สัมมาอาชีวะที่ยังเป็นไปด้วยอาสวะ เป็นส่วนแห่งบุญ มีผลเนื่องอยู่กับของหนัก และ
๒. สัมมาอาชีวะอันเป็นอริยะ ไม่เป็นไปด้วยอาสวะ เป็นองค์ประกอบแห่งหนทางเพื่อนิพพานก็มีอยู่
ภิกษุทั้งหลาย
สัมมาอาชีวะที่ยังเป็นไปด้วยอาสวะ เป็นส่วนแห่งบุญ มีผลเนื่องอยู่กับของหนัก
นั้นเป็นอย่างไรเล่า?
ภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกในกรณีนี้ละมิจฉาอาชีวะแล้ว สำเร็จการเป็นอยู่ด้วยสัมมาอาชีวะ ภิกษุทั้งหลาย นี้คือ สัมมาอาชีวะที่ยังเป็นไปด้วยอาสวะ เป็นส่วนแห่งบุญ มีผลเนื่องอยู่กับของหนัก
ภิกษุทั้งหลาย สัมมาอาชีวะอันเป็นอริยะ ไม่เป็นไปด้วยอาสวะ เป็นองค์ประกอบแห่งหนทางเพื่อนิพพาน นั้นเป็นอย่างไรเล่า?
ภิกษุทั้งหลาย
ธรรมคือ การงด การเว้น การเว้นขาด และเจตนาเป็นเครื่องเว้นจากมิจฉาอาชีวะ ของผู้มีอริยจิต ของผู้มีอานาสวะจิต ของผู้เป็นอริยมัคคสมังคี ผู้เจริญอยู่ซึ่งอริยมรรคใดแล ภิกษะทั้งหลาย นี้คือสัมมาอาชีวะอันเป็นอริยะ ไม่เป็นไปด้วยอาสวะ นำขึ้นสู่ระดับเหนือโลก เป็นองคืประกอบแห่งหนทางเพื่อนิพพาน
เขานั้น เพียรพยายามละเสียซึ่งมิจฉาอาชีวะ เพื่อทำสัมมาอาชีวะให้ถุงพร้อม ความพยายามของเขานั้น เป็นสัมมาวายามะ
เขามีสติละเสียซึ่งมิจฉาอาชีวะ มีสติทำสัมมาอาชีวะให้ถึงพร้อม แล้วแลอยู่ สติของเขานั้นเป็นสัมมาสติ
ด้วยอาการอย่างนี้ เป็นอันว่า ธรรม ๓ อย่างนั้น ย่อมติดตามแวดล้อม ซึ่งสัมมาอาชีวะ
สามอย่างนั้นได้แก่ สัมมาทิฏฐิ สัมมาวายามะ สัมมาสติ