วันจันทร์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2564

ภังคญาณ

 เห็นความดับของอารมณ์ และความดับของจิตที่เห็นความดับของอารมณ์นั้น (เห็นสองอย่าง) สิ่งที่ปรากฏคือ ความว่าง (สุญญโต)

จะละเอียดกว่าอุทยพยญาณ

สิ่งที่ปรากฏคือความว่าง = ว่างจากความเที่ยง ว่างจากความงาม ว่างจากความสุข ว่างจากความเป็นตัวตน

อนุปัสสนา วิปัสสนา และการละ

การใช้คำในปฏิสัมภิทามรรค

ถ้าอนุปัสสนา จะหมายถึง  ไตรลักษณ์ ได้แก่ อนิจจานุปัสสนา, ทุกขานุปัสสนา, อนัตตานุปัสสนา

ถ้าใช้คำว่าวิปัสสนา จะหมายถึง นิพพิทา..., วิราคา..., นิโรธา..., ปฏินิสสัคคานุปัสสนา (เริ่มที่ภังคญาณ จึงเรียกว่าวิปัสสนาจริง)

  1. อนิจจานุปัสสนา ละความเห็นว่าเที่ยง (นิจจสัญญา)
  2. ทุกขานุปัสสนา ละความเห็นว่าสุข (สุขสัญญา)
  3. อนัตตานุปัสสนา ละความเห็นว่าเป็นอัตตา (อัตตสัญญา)
  4. นิพพิทานุปัสสนา ละนันทิ (หมายถึง ตัณหาที่ประกอบด้วยปีติโสมนัส, เบื่อก็ละความเพลิน)
  5. วิราคานุปัสสนา ละราคะ (หมายถึง ตัณหาที่นอกจากนันทิ, เมื่อคลายกำหนัดย่อมละราคะ)
  6. นิโรธานุปัสสนา ละสมุทัย (หมายถึง ละความเกิด เกิดอะไรก็เกิดตัณหาแหละ ก็ละเอียดขึ้น หมายเอาตัณหาที่เอาสังขารเป็นอารมณ์, เมื่อตัณหาไม่เกิด ก็ชื่อว่าละความเกิด)
  7. ปฏินิสสัคคานุปัสสนา ละอาทาน (สละคืน มิใช่ถือเอาไว้ ก็คือดับตัณหาได้สนิท ไม่เกิดอีกต่อไป, เมื่อสละออก ก็ไม่ถือ)
อาทาน = ถือ ถือนี้หมายถึง เกิดอยู่เรื่อย ที่ดูเหมือนมันเที่ยงคือตัณหามันเกิดอยู่เรื่อย เกิดตอนไหนก็เกิดตอนมันถือ ตอนถืออันใหม่ก็ไม่ใช่ถืออันเดิม มันคนละถือกัน แต่ถ้าไม่มีญาณเห็นความดับ มันก็จะมั่วว่าที่ถืออยู่เป็นอันเก่า

ปชหติ = ละ หมายถึง มันเกิดลดลง, หรือเกิดก็มีกำลังลดลง ถ้าเกิดเรื่อยๆ เกิดบ่อยๆ ก็เรียกว่า ละไม่ได้

วันพฤหัสบดีที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2564