ข้อสังเกตจากการเกิดผัสสะการรับรู้ที่ไม่โสภาขึ้น
การรับรู้แบ่งเป็นหลายช่วง
1st contact คือ ก็เฉยๆ เป็นการรับรู้เรื่องราวปกติ ไม่มีเสียดาย ไม่มีไม่น่าเลย สะท้อนความน่ากลัวของสังสารวัฏ ไม่ได้อยากรู้อะไรมากขึ้นกว่านี้ จิตเฉย
2nd impression กายนครมีความเคลื่อนไหว ราวกับแต่ละเซลล์มีความคิดเล็กๆ น้อยๆ ของตนเอง ไม่สนใจ แต่พบว่าสังขารก็ปรุงแต่งไปตามธรรมชาติ ด้วยความที่เป็นเรื่องที่ไม่เจอ จึงเกิดการวิจัย-วิจาร เกิดการทบทวนเรื่องราว มองหาความไม่ uniformity ของข้อเท็จจริง มองหาโอกาสเข้าใจคลาดเคลื่อน หรือสิ่งที่อาจจะเป็น exaggeration ทบทวนสิ่งที่ต้องจัดการหรือไม่ต้องจัดการเมื่อรับทราบเรื่องราวดังกล่าว จะมีความลังเล ความชั่งน้ำหนัก ว่าอะไรควร / ไม่ควร
3rd impression เมื่อชัดว่าต้องสื่อสารต่อ ก็สื่อสารต่อไป เลือกคน เลือกระดับการสื่อสาร
4th impression รับรู้ข้อมูลเพิ่มเติมที่เป็นหลักฐานที่น่าสังเวชใจ
5th impact รับทราบข้อมูลจากอีกฝั่งที่ claim ว่า มันไม่ได้อะไรอย่างนั้น ซึ่งขัดแย้งกับ purposely prepare solid evidence สิ่งที่รับรู้ขณะรับฟังคือ ความขนลุกและน่ากลัว สัมผัสได้ถึงความพยายาม discredit กันไปมา 2 ฝ่าย กายนครปั่นป่วนจากภายนอกเข้าสู่ภายใน ราวเป็นกระแสน้ำวนเล็กๆ ที่มุ่งเข้าสู่จิตตนครในใจกลาง และนำมาสู่การตอบสนองเพื่อป้องกันนครทั้งหมดคือ Desensitization
6th Response เลิกสนใจ เมื่อเกิดความกลัวทั้งคู่และจิตตัดสินใจที่จะเลิกยุ่งกับวงจรกรรมทั้ง 2 คน มันทำการ Disintegrate ข้อมูล และ Desensitize ตนเองอัตโนมัติ คือ วางการรับรู้ข้อมูลทั้งหมด ไม่สนใจว่าสิ่งที่ได้รับมา และสิ่งที่มีโอกาสจะได้รับต่อไปจะเป็น fact / fiction ถือเป็นเพียงแค่ Data ที่ทำให้เกิดความรู้สึกเท่านั้น กระจายทุกอย่างลงเป็นผัสสะ แค่ผัสสะและเวทนา มีการตัดสินใจที่ไม่รับรู้ข้อมูลใดๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้อีกต่อไป มีการตัดสินใจที่จะไม่เกี่ยวข้องกับตัวละครที่เกี่ยวข้องอีกต่อไปในทุกฝ่าย มีความคิด back and forth ว่าควรจะติดตามข้อเท็จจริงบางประเด็นเพิ่มเติมที่ sounds unlikely และน่าจะ find out ได้ไม่ยาก แต่จิตก็ desensitize และเห็นว่าไม่จำเป็นอีกต่อไป
ผลติดตามที่พบคือ
- ใบหน้าของตัวละครถูกเบลอ และถูกกันระยะออกจากการรับรู้ในจิต
- memory ทั้งหมดที่ดีๆ แม้เกิดขึ้นไม่นาน ถูกกันระยะออกราวกับเป็นเรื่องเมื่อชาติที่แล้ว รับรู้แต่ไม่ระลึก ไม่ร่วมรู้สึก
- Devalue บทสนทนาตัวละครทั้ง 2 ฝ่าย
- Stop contact ทันทีที่จิตตัดสินใจ "เลิกยุ่ง" แม้มีบทสนทนาต่อจากการตัดสินใจนั้น คือ keep it short with no empathy whatsoever ยอมทิ้งแม้กระทั่งสิ่งที่รับปากว่าจะช่วย หยุดทันทีทั้ง 2 ฝ่าย
- มันไม่ได้เป็นผัสสะที่รุนแรงต่อจิตในเบื้องแรก แต่คลื่นกระทบมันค่อยๆ ก่อตัวเล็กๆ มาจากฝั่งกลาย แล้วขยายวงเข้าสู่ใจกลางในที่สุด
- สังเกตเห็นความทำงานโดยธรรมชาติของสังขารที่ปั่นต่อ ที่แยกขาดจากเวทนาที่เฉยสนิท
- การตัดสินใจของจิตที่เลิกยุ่งและใส่เกียร์หมาแบบ ASAP
- ความสังเวชในความไม่ปลอดภัย และความเอาเป็นที่พึ่งพาอาศัยอะไรไม่ได้ของสังขาร
- ความสังเวชในความถดถอยของปณิธานการเป็นนักบวชที่ถูกกัดกร่อนด้วยกาลเวลา
- ความเข้าใจในความยากของการครองเพศพรหมจรรย์ที่ไม่ได้ง่าย
- ขอบคุณและขออุทิศบุญจากการเรียนรู้นี้ให้กับผู้ประสบภัยทั้งหลาย ที่โคจรมาเป็นที่แสดงกรรมให้เห็นต่อหน้าต่อตา ขอเธอทั้งปวงจงพ้นจากทุกข์เถิด