บทแปลพระมาลัย
พระมาลัย(บทสวดสังคหะ-แปล)
โอ้โอ๋อนิจจา สังขาราไม่เที่ยงตรง
หนุ่มแก่ย่อมจักปลง ชีวิตม้วยอย่าสงกา
อุบัติเกิดแล้วก่อกลับ วิญญาณดับจากสรีรา
ขาดสิ้นแห่งปาณา วิการกายก็เป็นไป
บ่เที่ยงบ่ทนทาน บ่อยู่นานสักเพียงใด
ย่อมเสื่อมย่อมสิ้นไป ทุกคณานิกรชน
สิ่งสุขอันประเสริฐ สุขล้ำเลิศสถาผล
คือจิตอย่ากังวล เบญจกามคุณา
ดับสนิทในสังขาร ที่จิตสร้านคือตัณหา
ไม่ใคร่ในภาวะ วิภาวะประเสริฐแล
โอ้กายไม่นานหนอ บังเกิดต่อแล้วกลับกลาย
ดุจฟองแห่งน้ำหมาย ย่อมแตกดับโดยฉับพลัน
สิ้นลมแห่งหายใจ ชีพบรรลัยบ่กลับหัน
ห่อนมีสิ่งสำคัญ เพื่อประโยชน์สักนิดเดียว
ทอดทิ้งดุจท่อนฟืน กลิ้งเหนือพื้นสุธาเทียว
ฟองช้ำเน่าดำเขียว สิ่งกลิ่นฟุ้งบ่เว้นวาย
ดูเถิดท่านทั้งหลาย บุรุษนายคณานาง
ควรปลงปัญญาทาง ปรมัตอัตถธรรม
พยาปรากฏแก่ จักษุแท้บ่ปิดงำ
ควรคิดวินิจจำ หีบศพนั้นอันเห็นแล
ชีวิตความเป็นอยู่ ใครห่อนรู้กำหนดการ
เพียงแต่จะประมาณ เร็วและช้าก่อนหน้าหลัง
ความตายบ่เลือกหน้า กษัตราพราหมณัง
มีจนชนทุพลัง และเรืองฤทธิ์อิสโร
หรือใครจะโกรธกริ้ว ชักหน้านิ่วทุโมโห
หรืออ่อนหย่อนกาโย น้อมคำนับอภิวันท์
หรือให้แก้วเงินทอง เป็นก่ายกองมากครามครัน
หรืออ้อนวอนจำนรรจ์ ด้วยคำหวานสมานใจ
มัจจุราชไป่ยำเยง และบ่เกรงผู้ใดใด
ไปรับคำนับใคร และบ่เอื้อกรุณา
ถึงคราวแล้วเร่งรีบ เข้าค้นชีพดวงชีวา
ดุจเพชฌฆาตฟัง คำบัญชาไม่รารอ
ลงดาบโดยทันใด ฟันลงไปที่ตรงศอ
เชือดช้ำกระหน่ำคอ แห่งนักโทษก็ปานกัน
โอ้สัตว์ทั้งหลายเกิด เอากำเนิดมาเป็นคน ย่อมจะบันลุตน มลชีพทำลายราน…….
หรือสัตว์ที่ตายอยู่ อีกสัตว์ผู้ที่วายปราณ ก็ไม่ยืดไม่ยืนนาน เหมือนกันสิ้นบ่เว้นวาย….
แม้เราก็ฉันนั้น บ่ผิดผันหรือกลับกลาย เราคงจะต้องตาย ตามไปดุจพิมพ์เดียว…….
เออเราไม่สงสัย ไม่ตกใจแลหวาดเสียว เห็นแท้แน่ใจเจียว แลบ่มีที่สงกา……..
นี่แหละท่านทั้งหลาย ฟังบรรยายที่กล่าวมา จงเร่งพิจารณา เมื่อแจ้งแล้วบ่กลัวตาย…….
ความที่ได้เกิดยากนักหนา และตัวของเต่าตน แอกน้อยลอยล่องชล ใช่ว่าพ้นให้เกิดไป……
ประเภทสัตว์อุบัติตน ทั้งว่ายคลานบินเวหน สุดจะร่ำพรรณาเผ่าพันธุ์ พื้นสัตวาจะนับถ้วน-
ประมวลมี ได้แคล้วคลาดจากโรคี โดยยากจะรอดมา อีกได้ฟังคำพระ สัทธัมมะเทศนา…..
พบองค์พระสัมมา สัมพุทธอรหันต์ นานนับด้วยกัปป์กัลป์ จึงจะตรัสอุบัติมี…….
นี่แหละท่านทั้งหลาย ทั้งผู้ชายและนารี ฟังแล้วเร่งยินดี จงชื่นชมสมมนา……..
ที่ได้เกิดเป็นคน และรอดพ้นจากตายมา ได้ฟังเทศนา ของพระพุทธอรหันต์……..
เป็นลาภอันประเสริฐ แสนล้ำเลิศอนันต์ครัน อย่าหลงคิดสำคัญ ว่าเกิดง่ายหมายผิดครัน ฯลฯ….
ยากมีฉันใด ชีวิตไซร้อุประมา ดุจนายโคปาลา จูงโคชักสู่หลักพลัน…….
ก้าวไปก็ใกล้ถึง ที่คำนึงจะอาสัญ นายโคคาดคอยฟัน ชีวิตม้วยด้วยอาญา…….
ด้วยเราทุกผู้คน ปฏิสนธิเกิดมา คืนวันอันชรา นำยาตรเยื้องเปลืองสิ้นไป……
มัตยุราชคือความตาย ดุจดาบร้ายคมเหลือใจ ห่อนเลือกว่าใครใคร
หนุ่มแก่เด็กและปานกลาง……. เชือดแหวะชำแหละจิต ให้ปลดปลิดชีวาวาง
ทอดทิ้งสรีร่าง ทุกถ้วนหน้าคณาชน ฯลฯ……..
ชีวิตเป็นอยู่นั้น ส่วนของมันน้อยนักหนา เพราะเหตุความชรา เร่งเร้ารีบบีบคั้นกาย…….
จะร้องให้ใครช่วย ไม่ให้ม้วยชีวาวาย ญาติมิตรสิ้นทั้งหลาย อีกบิดรและมารดา…….
เมียมิ่งและบุตรรัก อยู่พร้อมพรักทั้งซ้ายขวา มรึตตะยูอาจจู่มา ปลดชีวิตให้ปลิดปลง…..
ดูก่อนท่านทั้งหลาย ที่มุ่งหมายตัดความตรง ให้เร่งคิดจิตจำนง สิ่งใดดีให้เร่งทำ……
ความดีคือบุญนั้น จะป้องกันช่วยแนะนำ ให้สบสุขเลิศล้ำ พ้นสิ่งชั่วไม่กลัวตาย……
อย่าฟังแต่สนุก คิดว่าสุขสบาย รื่นเริงบันเทิงกาย หัวเราะร่าเฮฮาครืน…….
ควรรู้สึกสำนึกตัว อย่าเมามัวคิดฝ่าฝืน ชีวีไม่ยั่งยืน ทุกถ้วนหน้าคณาชน ฯลฯ……..
โลกคือเบญจขันธ์ ชรามันนำเข้าไป ใกล้ต่อความบัลลัย อนาถแท้บ่มั่นคง……..
โลกนะใช่ใหญ่ยิ่ง บ่มีสิ่งต้องประสงค์ จำต้องวายชีวง ของทั้งสิ้นละทิ้งไป…….
โลกนั้นมักพร่องอยู่ จึงไม่รู้เบื่อเบือนไป เพราะมันไม่เป็นไทย มันเป็นธาตุแห่งดับ……..
ควรท่านผู้เป็นปราชญ์ ผู้ฉลาดซึ่งปัญญา เร่งคิดพิจารณา ให้เห็นแท้เป็นแน่นอน…….
อย่าฟังแต่เสียงเพราะ และเสนาะด้วยคำกลอน จงฟังคำสอน แล้วตริตรึกระลึกตาม ฯลฯ…….
ความไม่เมาทั่วไป คือแจ้งในกองสังขาร ไม่เมาไม่ทะยาน ในรูปรสแลกลิ่นเสียง…..
เป็นทางบทจร สู่อมรนิเวศน์เวียง มัตยุราชหรืออาจเมียง และจะมองบ่แลเห็น…….
ความทั่วไปนั้น คือใฝ่ฝันทุกเช้าเย็น เมายิ่งในสิ่งเบ็ญ- จกามะคณารมณ์……..
เป็นทางจะก้าวสู่ มรึตตะยูประสบสม ความตายตามระดม ติดตามปรับชีวาวาย…….
นรชาติทั้งหลายใด ผู้มีใจเองเมามาย แม้ชีพบ่ทำลาย ประดุจม้วยซึ่งชีวี……..
นี่แหละท่านทั้งหลาย คณาชายหมู่สตรี ฟังแล้วจงได้มี กมลมุ่งกำหนดจำ……
………………..สังคหะ(สงเคราะห์)จบบริบูรณ์……………….
ของโบราณถ่ายทอดจากหลวงตาแสง
วัดราษฎร์บำเพ็ญ อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา(9กย2510)
ตรวจสอบทานสำนวน แล้วโดย ฐีติญาโณภิกขุ ปรากฏว่าเป็นสำนวนของพระอาจารย์สิงห์
ขันธยาคโม นั่นเอง