ช่วงเดือนกุมภาพันธ์
วงจรเดือนรอบนี้พ้นจากการจิตตก แต่ก็หวิดไป ด้วยเจอคำพูดพี่ท่านนึงที่เคารพ แล้วอยู่ในช่วง sensitive จึงเก็บมาวนเวียนมาก แต่พอระลึกได้ก็หาย แล้วลองเอามาพิจารณาดูใหม่ (ตอนหาย sensitive แล้ว) ก็รู้สึกว่ามันเป็นคำพูดธรรมดานี่นา ไม่เห็นมีอะไรเลย
สังเกตใน 1 เดือน จะมีวันที่พื้นอารมณ์มัวๆ อยู่ช่วงนึง ที่ต้องระวังเป็นพิเศษ
หลายวันก่อนคุยกับคุณนายมารดา เกิดความรู้สึกว่า ท่านแม่มีอารมณ์อยากช่วยคนอยู่เนืองๆ แต่ไม่ค่อยขวนขวายเท่าไร แล้วก็ย้อนมาหาตัวว่าเราเองก็มีธาตุแบบนี้อยู่เหมือนกัน ฮ่าๆ
17 ก.พ.58
ไปสวนทิพย์งานมุฑิตาหลวงปู่บุญฤทธิ์กับเพื่อนก้อย บรรยากาศสัปปายะมากเข้าไปรู้สึกเย็นปลอดโปร่ง สวนกับครูบาอาจารย์และญาติโยมมากมายเนื่องจากช่วงที่ไปถึงเพิ่งเจริญพระพุทธมนต์เสร็จบางส่วนก็ทยอยกันออกมา เห็นโยมท่านหนึ่งถวายผ้าแก่พระทุกรูปที่เดินผ่าน จิตน้อมอนุโมทนา เกิดปีติง่ายมาก ตื้นตันในอกอยู่ตลอด น้ำตาไหลเป็นพักๆ สักพักก็เห็นครูบาอาจารย์องค์นึงนั่งรถเข็นมีญาติโยมล้อมหน้าหลังก็ยกมือไหว้ท่าน สักพักญาติโยมก็ช่วยกันยกท่านขึ้นรถตู้ แล้วท่านก็โบกมือๆ คือ หนูกะก้อยยืนอยู่หน้าท่านได้ชมบารมีท่านแบบอย่างนาน อิ่มใจ
แล้วก็เข้าไปด้านในฟังพระเทศน์ พร้อมนั่งสมาธิ รู้เลยว่าบรรยากาศและกระแสมีส่วนทำให้จิตสงบเร็ว รวบแต่ไม่รวม อยู่ฟังเทศน์จนถึงสี่ทุ่มครึ่งแล้วกลับบ้าน
ขากลับมาขึ้นรถ เห็นจังหวะบุญเพื่อนก้อยหลายช็อต (เดี๋ยวให้เจ้าตัวมาเล่าเอง) ก็อนุโมทนา
วันอังคารที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558
วันอังคารที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558
สูกรมัทวะ
ในคัมภีร์พุทธวงศ์ ที่พระพุทธเจ้าตรัสเอง ระบุเอาไว้ว่า
เรื่องธรรมดาของพระพุทธเจ้า
บัดนี้ เราจะประกาศธรรมดาทั่วไปของพระ พุทธ เจ้า ทุก พระ องค์ ธรรมดาของ พระ พุทธ เจ้าทุกพระองค์ มี ๓๐ ถ้วน คือ
๒๙. เสวยรสมังสะ ในวันปรินิพพาน.
พุทธปกิรณกกัณฑ์ ว่าด้วยเรื่องเบ็ดเตล็ดเกี่ยวกับพระพุทธเจ้า
๒๙. เสวยรสมังสะ ในวันปรินิพพาน.
อรรถกถา ขุททกนิกาย พุทธวงศ์
คำขอเป็นศิษย์ภาษาบาลี
คำขอเป็นศิษย์
ศ. อาจริโย เม ภนฺเต โหหิ (ขอท่านจงเป็นอาจารย์ของข้าพเจ้า)
อ. ปาสาทิเกน สมฺปาเทถ (เธอจงอยู่ในอาการอันน่าเลื่อมใส)
ศ. นมาม (มิ) ภนฺเต (ข้าพเจ้าขอนอบน้อมท่านผู้เจริญ)
ถ้าไม่ใช้ "ปาสาทิเกน สมฺปาเทถ" อาจใช้ "อปฺปมาเทน สมฺปาเทถ"
ศ. อาจริโย เม ภนฺเต โหหิ (ขอท่านจงเป็นอาจารย์ของข้าพเจ้า)
อ. ปาสาทิเกน สมฺปาเทถ (เธอจงอยู่ในอาการอันน่าเลื่อมใส)
ศ. นมาม (มิ) ภนฺเต (ข้าพเจ้าขอนอบน้อมท่านผู้เจริญ)
ถ้าไม่ใช้ "ปาสาทิเกน สมฺปาเทถ" อาจใช้ "อปฺปมาเทน สมฺปาเทถ"
ปฏิบัติ
ธาตุใดมีอรรถว่าไป ธาตุนั้นมีอรรถว่า
- ถึง
- รู้
- บรรลุ
ปฏิบัติ = ปติ + ปท (คติมหิ ในการไป) + ติ
มีความหมาย 4 สถาน คือ การเดินทาง, ถึง, รู้, บรรลุ
----
มรรค 8 เป็นเจตสิก มรรคมีองค์ 8 คือสิ่งที่จะเกิดในจิต เป็นกุศลเจตสิก
มรรค 4 เป็น มรรคจิต เป็นกุศลจิต เป็นจิตที่เกิดขึ้น
ขณะที่มรรค 4 เกิดขึ้น มี "นิพพาน" เป็นอารมณ์
วันจันทร์ที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558
บาลี
(คุณศัพท์ ที่หมายถึง ประเสริฐ ดีเลิศ สูงสุด)
อุตฺตม อนุตฺตร วร มุขฺย ปมุข ปวร เชฏฺฐ ปธาน ปาโมกฺข คามณิ เสฏฺฐ ปร
สตฺตม ปณีต อคฺค อคฺคญฺญ เสยฺย อุตฺตร วิสิฏฺฐ นาค ปุงฺคว เอก อริย อุสภ สีห
สทฺทูล กุญฺชร และ ปรม (๒๘ ศัพท์)
สตฺตม ปณีต อคฺค อคฺคญฺญ เสยฺย อุตฺตร วิสิฏฺฐ นาค ปุงฺคว เอก อริย อุสภ สีห
สทฺทูล กุญฺชร และ ปรม (๒๘ ศัพท์)
(คุณศัพท์ ที่หมายถึง บัณฑิต นักปราชญ์)
ปญฺญ สนฺต โปริส ปณฺฑิต พุธ โกวิท วิทฺวา วิภาวี ธีมา สุธี กวิ วิสารท พฺยตฺต สปฺปญฺญ วิจกฺขณ พุทฺธ ทพฺพ วิทฺทสุ โทสญฺญู วิทุร วิทู เมธาวี มติมา ธีร
วิปสฺสี และ ธิติมา (๒๗ ศัพท์)
วิปสฺสี และ ธิติมา (๒๗ ศัพท์)
(พระพุทธเจ้า ๓๕ พระนาม)
พุทฺโธ สพฺพญฺญู ทิปทุตฺตโม โลกนาโถ อนธิวโร นรสีโห นรวโร มารชิ สตฺถา ทสพโล ภควา มุนินฺโท ธมฺมราชา นาโถ สยมฺภู สมฺมาสมฺพุทฺโธ ภูมิปญฺโญ
จกฺขุมา องฺคีรโส มุนิ มหามุนิ สุคโต สมนฺตจกฺขุ มเหสี วินายโก โลกครุ เทว-
เทโว ธมฺมสฺสามิ ตถาคโต นายโก ชิโน วรปญฺโญ สมฺพุทฺโธ ติโลกนาโถ
และ อนุตฺตโร
จกฺขุมา องฺคีรโส มุนิ มหามุนิ สุคโต สมนฺตจกฺขุ มเหสี วินายโก โลกครุ เทว-
เทโว ธมฺมสฺสามิ ตถาคโต นายโก ชิโน วรปญฺโญ สมฺพุทฺโธ ติโลกนาโถ
และ อนุตฺตโร
(พระนิพพาน ๔๖ ศัพท์)
โมกฺโข นิโรโธ นิพฺพานํ ทีโป ตณฺหกฺขโย ปรํ ตาณํ เลณํ อรูปํ สนฺตํ สจฺจํ
อนาลยํ อสงฺขตํ สิวํ อมตํ สุทุทฺทสํ ปรายนํ สรณํ อนีติกํ อนาสวํ ธุวํ อนิทสฺสนํ อกตํ อปโลกิตํ นิปุณํ อนนฺตํ มกฺขรํ ทุกฺขกฺขโย อพฺยาปชฺฌํ วิวฏฺฏํ เขมํ เกวลํ อปวคฺโค วิราโค ปณีตํ อจฺจุตํ ปทํ โยคกฺเขโม ปารํ มุตฺติ สนฺติ วิสุทฺธิ วิมุตฺติ
อสงฺขตธาตุ สุทฺธิ และ นิพฺพุติ ฯ
อนาลยํ อสงฺขตํ สิวํ อมตํ สุทุทฺทสํ ปรายนํ สรณํ อนีติกํ อนาสวํ ธุวํ อนิทสฺสนํ อกตํ อปโลกิตํ นิปุณํ อนนฺตํ มกฺขรํ ทุกฺขกฺขโย อพฺยาปชฺฌํ วิวฏฺฏํ เขมํ เกวลํ อปวคฺโค วิราโค ปณีตํ อจฺจุตํ ปทํ โยคกฺเขโม ปารํ มุตฺติ สนฺติ วิสุทฺธิ วิมุตฺติ
อสงฺขตธาตุ สุทฺธิ และ นิพฺพุติ ฯ
8-9 ก.พ.
8 ก.พ.58
เดินออกมาด้านนอกรู้สึกร้อนบอกไม่ถูก เหมือนมีไข้ผ่าวๆ แต่ไม่ใช่ เห็นทิวทัศน์สยามกลางคืนแล้วจิตถูกดูด ต้องเดินปิดใจจึงรอดมาได้
9 ก.พ.58
รู้สึกตัวว่าเป้าหมายมรรคผลนิพพานหายไปแล้ว คือทางมันก็เดินอยู่ แต่ความอยากได้ผลนั่นนี่ไม่มี หรือไม่เด่นชัด รวมทั้งความพยายามด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตามรู้สึกว่าต้องออกกำลังกาย
เดินออกมาด้านนอกรู้สึกร้อนบอกไม่ถูก เหมือนมีไข้ผ่าวๆ แต่ไม่ใช่ เห็นทิวทัศน์สยามกลางคืนแล้วจิตถูกดูด ต้องเดินปิดใจจึงรอดมาได้
9 ก.พ.58
รู้สึกตัวว่าเป้าหมายมรรคผลนิพพานหายไปแล้ว คือทางมันก็เดินอยู่ แต่ความอยากได้ผลนั่นนี่ไม่มี หรือไม่เด่นชัด รวมทั้งความพยายามด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตามรู้สึกว่าต้องออกกำลังกาย
วันพฤหัสบดีที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558
ครูเจี๊ยบเขียนตอบเรื่องปฏิฆะ อัตตา
ตัวอัตตานี่จริงๆ ถ้าเราใส่ใจมากมันยิ่งมีกำลัง แต่มันจะแพ้ตัวเมตตา คือถ้าอัตตาจัดๆ ต้องซัดด้วยเมตตา ถ้าอัตตาขึ้น ท่องเมตตาไปซักร้อยแปดจบ เอาให้เข็ด
ถ้าอัตตาไม่มาก เอาอัดฮาก็ได้ คือ อัตตา มันจะแพ้ความฮา เราลองปรับใจเราให้มันปล่อยวางง่ายๆ มีอารมณ์ขันให้บ่อยขึ้น อันนี้ก็ช่วยได้
ลองพิจารณาอัตตาดู คือมันตลก มันจริงจังไปทุกเรื่อง มันโดนหยามไม่ได้ มันต้องถูกเสมอ บางทีเราหักเลย คือใจมันเต็มไปด้วยอัตตา แตสติแว้บมา เราคว้าเลย เราหักหลัง ขอโทษ หรืออ้อนเค้าไปแทน หักหน้าอัตตากันแบบไม่ให้รู้ตัวเลย
อย่างที่ทำอยู่นี่แหละ ใช้ได้ เผลอไปแล้ว ก็ตามง้อสิ 555 มึงกล้าปฏิฆะใส่ใคร กรูก็กล้าง้อ กล้าขอโทษอ่ะ เอากะกรูสิ
23 ม.ค.58
23 ม.ค.58
ต้องมีประชุม นั่งเตรียมเรื่องมาเป็นเดือน เรื่องเนื้อหาไม่มีปัญหา ตั้งแต่ขั้นเตรียมการก็ไปถามคนนู้นคนนี้ทั่วไปหมด ว่าควรเดินแบบไหน อะไรยังไง แรงไปมั้ย เบาไปมั้ย ทำยังไงให้ลุล่วง ไม่แตกแยก พอดีพองาม พอดำเนินขั้นเตรียมการเสร็จ ก็ยังกลัวอยู่เพราะรู้ตัวว่าแพ้ทางคนสไตล์รู้ว่าหน้าที่ตัวแต่ไม่ทำ เห็นแล้วโทสะจะขึ้นเร็วสุดๆ งานรอบนี้ดันเกี่ยวแบบนี้โดยตรง กลัวใจเกิดโทสะพาปัญญาดับ กลายเป็นนัดประชุมมาตีกันฟรีๆ ฟาล์วงานไป เลยไปขอคำปรึกษาบุคคลที่สามอยู่หลายคน มีตั้งแต่คนที่แนะการพูด การคิด การวางใจ ฯลฯ เรื่องพวกนี้ก็เตรียมมาเป็นสัปดาห์
พอถึงวันจริงมันก็เจอจริงๆ เห็นตอนแรกว่า บุคคลต้นเรื่องจะไม่เข้า เราก็แอบสบายใจ ที่ไหนได้ถึงเวลาจริงมา พูดเตะตัดขาทุกดอก โยนงานทุกประโยค ได้มีสายตาเปรี๊ยะๆ ไป 1 ดอก (สอบตกค่ะ 5555) สักพักหัวหน้าเขาเข้ามา เป็นหัวหน้าใหม่ สวรรค์ส่งมาช่วยชีวิตได้ทันเวลา นางน่ารักมากมีใจมารับฟัง ร่วมคิดร่วมแก้ เสร็จงานเลยแฮปปี้กันไป มีแอบสะใจที่ระหว่างการประชุม ไม่มีใครใส่ใจมนุษย์ต้นเรื่องที่พูดเป็นแต่อัปปิยะวาจาตั้งแต่เดินเข้ามา (อันนี้ก็สอบตกอีก 1 ดอก)
เสร็จงานเลยเดินไล่ขอบคุณเหตุปัจจัยผู้ให้คำแนะนำทั้งหลาย
นั่งย้อนดู เห็นว่าช่วงระหว่างที่ทำงานดังกล่าว จิตจับความกังวลจางๆ แทบจะตลอด ปล่อยไม่ออก แถมเป็นช่วงที่มีเหตุอื่นๆ ให้ได้พักล้างจิตได้น้อยอีก ไม่รู้จะทำไง
24 ม.ค.58
เมื่อคืนเพื่อนก้อยโทรมาเตือนว่าเช้านี้ไปสวนสันติธรรมกัน แล้วบอกให้ปลุกด้วย เพราะคราวที่แล้วก้อยไม่ตื่น ผลปรากฏคราวนี้นิ้งไม่ตื่นแทน รู้สึกตัวอีกทีก็ตี 5 ทำอะไรไม่ทันแล้ว (ยังดีที่ก้อยได้ไป ^_^) เลยนั่งสมาธิต่อ
แว่บแรกที่สะดุ้งตื่นขึ้นมา ไม่มีความงัวเงีย ไม่ตระหนกตกใจว่ากี่โมงแล้ว หันไปหยิบนาฬิกามาดูไม่รีบร้อน พอรู้ว่าไม่ทันก็เฉยๆ โทรหาก้อยไม่ติด
ทำอะไรไม่ได้เลยนั่งสมาธิต่อ ช่วงแรกราบเรียบ หลังจากนั้นความคิด ความเสียดายเล็กๆ น้อยๆ ก็เป็นคลื่นยุ่บยั่บมารบกวน มีแว่บนึกถึงการประชุมเมื่อวาน อยู่ๆ สติก็ตั้งมีกำลังตัดคลื่นเหล่านั้นวจีสังขารขาดกลางคำ แล้วก็นั่งสงบได้พักนึง มือถือก็ดังว่าก้อยติดต่อได้แล้ว มีเมสเซจว่าโทรมาตั้งแต่ตี 3 กว่า จึงสรุปได้ว่าก้อยตื่น อนุมานต่อได้ว่าก้อยไป ก็อนุโมทนา และขอให้พระคุ้มครองให้การเดินทางปลอดภัยดีทุกประการ พอหกโมงกว่าก้อยก็โทรมาว่าถึงวัดแล้ว ขณะรับโทรศัพท์รู้สึกถึงความสงบเย็นของปลายทาง ได้อนุโมทนาอีกรอบ
^_^ คราวหน้าต้องไม่พลาด
ต้องมีประชุม นั่งเตรียมเรื่องมาเป็นเดือน เรื่องเนื้อหาไม่มีปัญหา ตั้งแต่ขั้นเตรียมการก็ไปถามคนนู้นคนนี้ทั่วไปหมด ว่าควรเดินแบบไหน อะไรยังไง แรงไปมั้ย เบาไปมั้ย ทำยังไงให้ลุล่วง ไม่แตกแยก พอดีพองาม พอดำเนินขั้นเตรียมการเสร็จ ก็ยังกลัวอยู่เพราะรู้ตัวว่าแพ้ทางคนสไตล์รู้ว่าหน้าที่ตัวแต่ไม่ทำ เห็นแล้วโทสะจะขึ้นเร็วสุดๆ งานรอบนี้ดันเกี่ยวแบบนี้โดยตรง กลัวใจเกิดโทสะพาปัญญาดับ กลายเป็นนัดประชุมมาตีกันฟรีๆ ฟาล์วงานไป เลยไปขอคำปรึกษาบุคคลที่สามอยู่หลายคน มีตั้งแต่คนที่แนะการพูด การคิด การวางใจ ฯลฯ เรื่องพวกนี้ก็เตรียมมาเป็นสัปดาห์
พอถึงวันจริงมันก็เจอจริงๆ เห็นตอนแรกว่า บุคคลต้นเรื่องจะไม่เข้า เราก็แอบสบายใจ ที่ไหนได้ถึงเวลาจริงมา พูดเตะตัดขาทุกดอก โยนงานทุกประโยค ได้มีสายตาเปรี๊ยะๆ ไป 1 ดอก (สอบตกค่ะ 5555) สักพักหัวหน้าเขาเข้ามา เป็นหัวหน้าใหม่ สวรรค์ส่งมาช่วยชีวิตได้ทันเวลา นางน่ารักมากมีใจมารับฟัง ร่วมคิดร่วมแก้ เสร็จงานเลยแฮปปี้กันไป มีแอบสะใจที่ระหว่างการประชุม ไม่มีใครใส่ใจมนุษย์ต้นเรื่องที่พูดเป็นแต่อัปปิยะวาจาตั้งแต่เดินเข้ามา (อันนี้ก็สอบตกอีก 1 ดอก)
เสร็จงานเลยเดินไล่ขอบคุณเหตุปัจจัยผู้ให้คำแนะนำทั้งหลาย
นั่งย้อนดู เห็นว่าช่วงระหว่างที่ทำงานดังกล่าว จิตจับความกังวลจางๆ แทบจะตลอด ปล่อยไม่ออก แถมเป็นช่วงที่มีเหตุอื่นๆ ให้ได้พักล้างจิตได้น้อยอีก ไม่รู้จะทำไง
24 ม.ค.58
เมื่อคืนเพื่อนก้อยโทรมาเตือนว่าเช้านี้ไปสวนสันติธรรมกัน แล้วบอกให้ปลุกด้วย เพราะคราวที่แล้วก้อยไม่ตื่น ผลปรากฏคราวนี้นิ้งไม่ตื่นแทน รู้สึกตัวอีกทีก็ตี 5 ทำอะไรไม่ทันแล้ว (ยังดีที่ก้อยได้ไป ^_^) เลยนั่งสมาธิต่อ
แว่บแรกที่สะดุ้งตื่นขึ้นมา ไม่มีความงัวเงีย ไม่ตระหนกตกใจว่ากี่โมงแล้ว หันไปหยิบนาฬิกามาดูไม่รีบร้อน พอรู้ว่าไม่ทันก็เฉยๆ โทรหาก้อยไม่ติด
ทำอะไรไม่ได้เลยนั่งสมาธิต่อ ช่วงแรกราบเรียบ หลังจากนั้นความคิด ความเสียดายเล็กๆ น้อยๆ ก็เป็นคลื่นยุ่บยั่บมารบกวน มีแว่บนึกถึงการประชุมเมื่อวาน อยู่ๆ สติก็ตั้งมีกำลังตัดคลื่นเหล่านั้นวจีสังขารขาดกลางคำ แล้วก็นั่งสงบได้พักนึง มือถือก็ดังว่าก้อยติดต่อได้แล้ว มีเมสเซจว่าโทรมาตั้งแต่ตี 3 กว่า จึงสรุปได้ว่าก้อยตื่น อนุมานต่อได้ว่าก้อยไป ก็อนุโมทนา และขอให้พระคุ้มครองให้การเดินทางปลอดภัยดีทุกประการ พอหกโมงกว่าก้อยก็โทรมาว่าถึงวัดแล้ว ขณะรับโทรศัพท์รู้สึกถึงความสงบเย็นของปลายทาง ได้อนุโมทนาอีกรอบ
^_^ คราวหน้าต้องไม่พลาด
การบ้านเก็บน้อยผสมเล็ก ปลายมกราคม - 5 กุมภา 58 + my favourite things
ช่วงนี้ไม่อยากทำอะไรเลยนอกจากให้ทานค่ะครู สวดมนต์ตามโอกาส นั่งสมาธิตามโอกาส แต่อยากฝึกการให้ (เป็นความรู้สึกลึกๆ ว่า ถ้าให้ไม่ได้จะซวยเอา) ฝึกให้แบบให้เนียนๆ ฝึกระลึกให้คนที่ให้ได้ยาก ฝึกให้แบบไม่ต้องเงื่อนไขมาก ฝึกให้รอยยิ้ม ฝึกให้คำตอบแบบไม่ขอไปที ฝึกฟังเจตนาคนที่พูดออกมาไม่ถูก หาข้อมูลเรื่อยเปื่อยพวกคำพูด หรืออารมณ์ขันที่เก็บจะเอาไว้ช่วยชะลอจิตในสถานการณ์คับขันปัญญาดับ ช่วงพักกลางวันก็ไปนั่งสิ้นคิด (รึนั่งเหม่อก็ไม่แน่ใจ 555) ใต้เงาไม้ในสวนสาธารณะ หาสุนทรียะผ่อนคลายความตึง
วันก่อนไปฟังอ.วรภัทร ท่านพูดถึงเรื่องความเป็นอนัตตา ความไม่มี ใจหนูมันก็นั่งแยกตามท่านไป แต่พอเงยหน้ามาสบตาเจอคนมันก็เป็นคนกระทบใจอยู่ดี 555
"กลางวันสงเคราะห์
กลางคืนอยู่กับฌาน
ให้มันบันทึกลงในจิต
ให้จิตอ่อนหวาน
พลิ้วไหวสวยงาม"
"มะลิบาน"
เวลาคุยด้วยมีความต้องการอะไรอยู่ด้วยนี่มันก็ย้าก ยากที่จะทำใจให้เป็นปกติ แต่พอไม่มีความต้องการอะไร นิสัยเรามันก็ไม่ได้อยากจะคุยกะใครซะด้วย ก๊ากก
วันก่อนไปฟังอ.วรภัทร ท่านพูดถึงเรื่องความเป็นอนัตตา ความไม่มี ใจหนูมันก็นั่งแยกตามท่านไป แต่พอเงยหน้ามาสบตาเจอคนมันก็เป็นคนกระทบใจอยู่ดี 555
"กลางวันสงเคราะห์
กลางคืนอยู่กับฌาน
ให้มันบันทึกลงในจิต
ให้จิตอ่อนหวาน
พลิ้วไหวสวยงาม"
"มะลิบาน"
เวลาคุยด้วยมีความต้องการอะไรอยู่ด้วยนี่มันก็ย้าก ยากที่จะทำใจให้เป็นปกติ แต่พอไม่มีความต้องการอะไร นิสัยเรามันก็ไม่ได้อยากจะคุยกะใครซะด้วย ก๊ากก
ยิ่งทำงานบางทีเราก็รู้สึกว่าเราไม่ได้ดีลกะคนในแบบที่เค้าเป็น
แต่ดีลกะคนในแบบที่เราเป็นมากกว่า
แล้วชอบเอาสามัญสำนึกไปใส่ในคนอื่น
คิดว่าคนอื่นมี
55555
สุดท้ายเป็นทุกข์เอง
แถมหลายครั้ง
คิดว่าพูดแค่ 70 สำหรับปัญญาชนระดับนี้พึงจะเข้าใจได้แล้ว
ในใจตัวเองคือคิดว่าให้เกียรติสติปัญญาเขานะ
แต่กลับกลายเป็นว่า อ่าววววว....
55555555
พักนี้เจอเรื่องเงิบๆ แบบนี้เยอะเหมือนกัน
วันอาทิตย์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)