ปัญหาของการปฏิบัติโลก ของคนที่มีธรรมเป็นปกติ คือมันคล้ายๆ จะตายด้าน (ฮา) หรือเหมือนแอนดรอยในร่างคน
ประการแรก มันเห็นทุกอย่างเป็นเรื่องธรรมดา ใครจะเกิดใครจะตาย มันก็เออ ตายแล้วเรอะ เกิดแล้วเรอะ แล้วก็เฉยๆ ถ้าไม่ได้อยูในภาวะที่เอื้อให้ปรุงแต่งต่อ มันก็ลืมไปว่าคนเราฟังข่าวแล้วต้องมีอารมณ์ซะหน่อย หรือวันสำคัญปีใหม่ วันเกิด คือถ้าไม่เตือนจะหาว่าใจดำ ขนาดเตือนมา วันนี้วันเกิด ถ้าจิตนิ่งๆ อยู่ มันไม่แปลความให้ ก็จะแบบ เหรอ..เออดี...
บางทีผ่านไปสองวัน เพิ่งเก็ท คนนั้นเค้าว่าวันเกิด คือเมิงต้องอวยพร ตื่นเต้นยินดีนะ คือความรู้สึกช้าไปเยอะ
ประการที่สอง สังขารมันไม่ทำงานเยอะ ถ้ากำลังดีๆ สมาธิเยอะ มันจะไม่คิด ไม่ปรุงนะ ถ้าสมาธิไม่เยอะ ก็คล้ายๆ คนปกติ ถ้าสติเยอะจะดูสตรองมาก แต่ถ้าสติอ่อน จะดูเอ๋อๆ เบลอๆ ถ้าสมาธิเยอะ สติเยอะ มันจะเหมือนหุ่นยนต์ มันคิดอะไรไม่ออก อย่าซับซ้อนด้วย เพราะมันจะไม่เข้าใจ
แบบถามหิวมั้ย ถ้าหิวต้องบอกตรง ชอบไม่ชอบจะให้ทำอะไร แบบบอกอ้อม หรือเกรงใจพูดให้ตีความมันจะไม่เข้าใจนะ
บางทีกายมันทำงานตามสั่ง แบบต้องสั่งทีละคำสั่ง สั่งเยอะมันเออเร่อ หรือสมมติมันจะไปกินข้าว มันไปถึง กินๆๆ อ้าว ลืมรอคนอื่น
ลืมมารยาทสังคม บางทีลืมถามสารทุกข์สุกดิบ คิดเอาแต่งาน เพราะมันโปรแกรมไว้อย่างนั้น แล้วมันอยู่กับปัจจุบันน่ะ อยู่เฉพาะหน้าไง ใครมาข้างหลังมันไม่ได้สนใจ
ยิ่งช่วงจิตเค้าวิเวกนี่ เหมือนเค้าอยู่อีกโลกนึงเลย บางทีเค้าหลบเวทนายิ่งเอ๋อไปใหญ่ เหมือนคนขาดสติ แต่จริงๆ สติทั้งหมดไปรวมอยู่ที่จิตแล้วทิ้งกาย
มันจะเป็นอย่างนี้จนกว่าตบะจะเพิ่ม แล้วสามารถปรับความสมดุลได้ การทำงานของร่างกายก็จะเสถียรขึ้น แต่มันก็ไม่ได้ตลอดนะ มันทำงานแบบหุ่นยนต์จริงๆ
แต่ถ้าอยู่ในโลกนานๆ ก็จะกลับมาเป็นชาวโลกเหมือนเดิมนะ แต่ก็จะมีผลกับระบบธรรมอยู่ดีล่ะ
ปฏิบัติดี เป็นคนดี แต่จำนวนเพื่อนมนุษย์อาจน้อยลงทุกวัน และเพื่อนอาจเห็นว่าเราเป็นคนแย่ นิสัยไม่ดี หรือเห็นแก่ตัวมากๆ ได้เลย
คือสังขารปรุงแต่งมันก็วุ่นไปอย่าง พอมันไม่ค่อยปรุงแต่งก็ต้องลำบากไปอีกทางนึงนะ สังเกตไหม หลวงพ่อใหญ่เหมือนยุให้เรามีกิเลส ให้แต่งตัว ทำกิจกรรมอย่างๆ โลกๆ นอกจากจูงใจชาวโลก ท่านก็ปรับอินทรีย์ให้ชาววัดด้วย
เพราะถ้าอยู่วัดนานๆ มันอยู่นิ่งๆ ในสภาพแวดล้อมของฌาน มันจะหงอยเลย กลายเป็นพระอิฐพระปูน แล้วมันจะโง่ได้ จะยึดไม่ค่อยยืดหยุ่น ปัญญามันจะไม่แตกฉาน
ประโยชน์ส่วนตน เกิดรู้ไปแล้วก็จริง ถ้าเป็นพระอิฐพระปูน ยุคนี้ถือว่าทำประโยชน์ได้น้อยนะ
ตอนแรกภาวนาให้ออกจากโลก เป็นมนุษยอวกาศแล้ว ก็ต้องกลับมาฝึกให้อยู่กับโลกได้ใหม่
เพราะถ้าอยู่วัดนานๆ มันอยู่นิ่งๆ ในสภาพแวดล้อมของฌาน มันจะหงอยเลย กลายเป็นพระอิฐพระปูน แล้วมันจะโง่ได้ จะยึดไม่ค่อยยืดหยุ่น ปัญญามันจะไม่แตกฉาน
ประโยชน์ส่วนตน เกิดรู้ไปแล้วก็จริง ถ้าเป็นพระอิฐพระปูน ยุคนี้ถือว่าทำประโยชน์ได้น้อยนะ
ตอนแรกภาวนาให้ออกจากโลก เป็นมนุษยอวกาศแล้ว ก็ต้องกลับมาฝึกให้อยู่กับโลกได้ใหม่
เทวดากรี๊ด ให้จับได้สร้อยทองด้วย แต่ไม่สำคัญเท่าหลวงพ่อขำ ท่านบอกต้องได้สามรส รสมันส์ก็ต้องมี ก็จริงของท่าน
แล้วท่านก็สอนว่า แก่กล้าเมื่อไหร่ ก็ล้อเล่นกับโลกได้ แต่ไม่ติดโลก ไม่เปื้อนฝุ่น
แต่เรายังขี้เกียจละอ่อนอยู่มาก
ถ้าโลกเยอะ เครื่องน้อคเลย
แล้วท่านก็สอนว่า แก่กล้าเมื่อไหร่ ก็ล้อเล่นกับโลกได้ แต่ไม่ติดโลก ไม่เปื้อนฝุ่น
แต่เรายังขี้เกียจละอ่อนอยู่มาก
ถ้าโลกเยอะ เครื่องน้อคเลย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น