๒. ศึกษาหาความรู้อยู่เสมอไม่หยุดยั้ง นอกจากจะได้จากการฟังการสนทนากับผู้รู้ต่าง ๆ การฟังข่าววิทยุ โทรทัศน์แล้ว ความรู้ที่ได้จากการอ่านสำคัญที่สุด เพราะเสนอวิธีตักตวงความรู้ที่รวดเร็วและรวบรัดที่สุด นักพูดต้องรักการอ่าน มิฉะนั้น การพูดจะวนเวียนอยู่ที่เดิมจะไม่ไปไหน
๓. ยอมรับฟังคำวิจารณ์ นักพูดต้องยอมรับฟังคำวิจารณ์จากผู้อื่น ต้องต้อนรับทั้งคำติและชม ไม่ใช่หลงใหลอยู่กับคำชมคำสรรเสริญเยินยอแต่ฝ่ายเดียว ที่ไม่ให้อะไรมากไปกว่ายาหอมชะโลม มีความสุขชั่วครู่ ชั่วยามเดี๋ยวก็ลืม แต่คำติให้ข้อคิดกับเราไม่ว่าจะเป็นคำติเพื่อก่อ หรือทำลาย เพื่อตั้งสติให้มั่นคง นำมาพิจารณหา ข้อเท็จจริง ให้รีบนำมาปรับปรุงแก้ไขตัวเองใหม่ ถ้าเขาไม่ติเรา แล้วเราจะรู้สึกถึงสัญญาภัยเหล่านี้ได้อย่างไร
๔. เป็นตัวของตัวเอง นักพูดต้องเป็นตัวของตัวเองอย่าเลียนแบบใคร เพราะไม่สร้างสรรค์ ไม่ทำความเจริญให้แก่โลก และไม่ทำความความภาคภูมิใจให้แก่ตัวเอง เราจะเป็นยอดในสิ่งนั้นไม่ได้ เพราะในที่สุดของที่สุดเราจะพ่ายแพ้ คน ๆ หนึ่ง คือ คนที่เราเลียนแบบเขานั่นเอง ให้จับเอาตัวอย่างที่ดี คำพูด ข้อคิดที่ดีมาใช้ และต้องเอ่ยนามเขาด้วย เพราะถือว่าเป็นมารยาทอันงดงาม และยังสามารถถ่ายทอดสิ่งต่าง ๆ เหล่านั้นได้อย่างเต็มปากเต็มคำ ไม่เคอะเขินอีกด้วย
๕. มีความสุขในการถ่ายทอดความรู้ให้กับผู้อื่น คนที่หลงความรู้นอกจากทำให้โลกไม่เจริญแล้ว ตัวเองก็ยังทำให้เจริญไม่ได้ด้วยเพราะถ้าเราปิดบังไม่ยอมถ่ายทอดหรือถ่ายทอดไม่หมด เก็บไว้หากินวันหลังบ้างทำนองนี้ เราก็จะไม่ขวยขวายค้นคว้าหาความรู้ใหม่ในที่สุดความรู้ก็เท่าเดิมไม่พัฒนาขึ้น แต่ให้ถือว่าการพูดทุกครั้งเป็นโอกาสดี ที่เราจะได้ทำประโยชน์ เป็นเกียรติยศที่ผู้ฟังหยิบยื่นให้แก่เรา ความคิดเช่นนี้เป็นความสุขที่มองไม่เห็น เป็นความภาคภูมิใจที่ซ่อนเร้น ซึ่งจะบันดาลให้การพูดเป็นประกอยเฉิดฉาย มีพลังมีศรัทธและมีหัวใจที่ทุ่มเทให้กับการพูดทุกครั้ง
http://7meditation.blogspot.com/2012/01/43.html
1.เป็นคำพูดที่แสดงถูกกาล กล่าวคือ เป็นคำพูดที่พูดถูกจังหวะ ถูกเวลา ถูกสถานที่
1.1.การพูดถูกจังหวะ คนมักชอบ ดังคำที่เคยมีผู้กล่าวไว้ว่า “ พูดมากก็มากเรื่อง พูดน้อยก็พลอยเคียง ไม่พูดก็ไม่รู้เรื่อง แต่การพูดผิดจังหวะคนมักชัง ตัวอย่าง ในการสนทนากัน บางคน พูดไม่ถูกจังหวะ เขาพูดยังไม่จบรีบพูดแทรกในขณะที่คนอื่นพูดไม่จบ การพูดที่ผิดจังหวะนี้เมื่อทำบ่อยๆ คนที่สนทนาด้วยก็มักจะไม่ชอบ แต่เขามักจะชัง
1.2.การพูดถูกเวลา คนมักชอบ แต่การพูดผิดเวลาคนมักชัง ดังนั้น ในบางกรณี ก่อนที่เราจะพูด เราควรถามอีกฝ่ายหนึ่งก่อนว่า “ ขอโทษครับ ผมขอเวลาปรึกษาเรื่อง...ไม่ทราบว่าคุณจะพอมีเวลาว่างให้ผมไหมครับ ”
1.3.การพูดถูกสถานที่ การพูดเรื่องบางเรื่องเราก็ไม่ควรนำไปพูดในบางสถานที่ เช่น เขากำลังทำพิธีสวดศพอยู่ เราดันไปพูดเรื่องตลก หัวเราะชอบใจในงานศพ เมื่อเจ้าภาพเห็นเขาอาจ ไม่รู้สึกสนุกเหมือนเราสนุกก็เป็นได้
2.น้ำเสียงสอดคล้องกับเรื่องที่พูด น้ำเสียงมีความสำคัญต่อเรื่องที่พูด มีคนเคยกล่าวว่า “ ภาษาสื่อถึงความหมาย
แต่น้ำเสียงก่อให้เกิดความหวั่นไหวในใจ ” คำพูดดังกล่าวมีความเป็นจริงมากอยู่ทีเดียว เช่น เรากล่าวแสดงความเสียใจในการจากไปของบิดาของเพื่อนสนิท แต่เรากล่าวด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้น ดีใจ ชอบใจ เพื่อนจะมีความรู้สึกเช่นไร ถึงแม้เราจะใช้ภาษาที่บอกว่าเราเสียใจนะ แต่น้ำเสียงเราไม่สอดคล้องกัน อาจทำให้เพื่อนเรา ชังเราได้
3.มีอารมณ์ขันบ้าง การพูดที่ทำให้คนชื่นชอบ มักเป็นคำพูดที่ทำให้คนหัวเราะ ดังนั้น หากผู้พูดท่านใดเป็นนักสะสมอารมณ์ขัน หรือ เรื่องราวที่สนุกๆ คนมักจะชื่นชอบ อีกทั้งทำให้มีเพื่อนมาก คนอยากรู้จัก แต่สิ่งที่ต้องระวังก็คือ ผู้พูดควรต้องรู้จักวิเคราะห์ เนื้อหาในข้อที่ 1 เพิ่มด้วย คือ ควรใช้อารมณ์ขันให้ถูกกาล (ถูกจังหวะ ถูกเวลาและถูกสถานที่)ด้วย
4. พูดให้เนื้อหามีความชัดเจน ชวนติดตาม ผู้พูดที่ผู้ฟังชื่นชอบ มักพูดเนื้อหาให้มีความชัดเจน อีกทั้งยังทำให้เกิดการติดตาม มีการจัดลำดับในการพูดเพื่อให้เข้าใจได้ง่าย ผู้ฟังไม่สับสน มีการพูดเรื่องที่ใกล้ตัวผู้ฟัง ผู้ฟังจึงสนใจที่อยากจะฟัง
5.ภาษาที่มีความเหมาะสมกับเรื่องและผู้ฟัง ไม่ใช้ภาษาต่างประเทศมากจนเกินไปหากพูดกับผู้ฟังที่เขาไม่มีความรู้ในภาษานั้น หรือ คำศัพท์ในวงการนั้นๆ ไม่ควรมีคำฟุ่มเฟือย คำแสลง มากจนเกินไป หลีกเลี่ยงการระบุชื่อ หากสื่อถึงผู้นั้นในทางที่เสียหาย เพราะอาจทำให้เกิดโทษมากกว่า ประโยชน์ บางครั้ง ผู้พูด ใช้คำพูดที่ระบุถึง ความเสียหายของบุคคลโดยระบุชื่อ ก็อาจจะถึงกับขึ้นโรง ขึ้นศาลไปเลยก็มีมาแล้ว เพราะอาจโดนผู้ที่เสียหายฟ้องหมิ่นประมาทได้
6.การให้ผู้ฟังมีส่วนร่วม การพูดโดยเฉพาะการพูดต่อหน้าที่ชุมชน หากผู้พูดเปิดโอกาสให้ผู้ฟังมีส่วนร่วมก็จะทำให้ผู้ฟัง มีความสุขที่ได้แสดงความคิดเห็นของตนเอง ดังนั้น ผู้พูด เมื่อพูดไป ก็ควรตั้งคำถามให้ผู้ฟังตอบหรือขอให้ผู้ฟังแสดงความคิดเห็นต่อเรื่องดังกล่าวที่ผู้พูดพูด เพราะผู้ฟังอาจจะไม่สนใจในสิ่งที่ผู้พูด พูดเลย หากผู้พูดไม่ให้ความใส่ใจในตัวผู้ฟัง
การพูดที่พูดถูกกาล , การใช้น้ำเสียง ,การใช้อารมณ์ขัน , การพูดให้เกิดความชัดเจน , การใช้ภาษาให้ถูกต้องเหมาะสมและการให้ผู้ฟังมีส่วนร่วม ในการพูด จึงเป็นสิ่งที่ผู้พูดที่ฉลาดควรกระทำกัน
http://www.oknation.net/blog/markandtony/2012/01/16/entry-5
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น