วันอังคารที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2562

非以无人而不芳

夫芷兰生于深林
非以无人而不芳

不负心中坚持
努力向前

我敬殿下为人
才为殿下的安慰考虑

殿下心深似海
我所能窥见的
也许只是你让我看见的东西

เธอย่อมไม่ติดอยู่ด้วย

อะนิสสิโต จะ วิหะระติ
เป็นอยู่อย่างไม่อิงอาศัย
เป็นอยู่อย่างไม่ขึ้นต่ออะไร
ไม่ต้องฝากความสุขไว้กับตัณหาและทิฏฐิ

ตัณหาทิฏฐิ มาช่วยวาดภาพระบายสีให้เคลิ้มไป
เราก็สุขทุกข์เต้นไปตามมัน

รู้ตามเป็นจริงอย่างนี้เพื่ออะไร

อัตถิ กาโยติ วา ปะนัสสะ สะติปัจจุปัฏฐิตา โหติ. 
อนึ่งสติปรากฏชัดว่า กายมีอยู่ (คือกายมีอยู่ ไม่ใช่นาย ก.มีอยู่)
เห็นเป็นธรรมชาติล้วนๆ อย่างที่ว่า "เห็นแต่ธรรมท.เป็นไป" คือเห็นแต่รูปธรรม-นามธรรมเป็นไป


การรู้เช่นนี้ คือรับรู้สิ่งนั้นตามเป็นจริง ที่เป็นอย่างนั้นของมัน
โดยไม่เอาความรู้สึกสมมติ และความมั่นหมายต่างๆ เข้าไปสวมใส่ให้มัน


ยาวะเทวะ ญาณะมัตตายะ ปะติสสะติมัตตายะ. 
เพียงสักว่าเป็นที่รู้ เพียงสักว่าเป็นที่อาศัยระลึก

ท่านว่าเพียงเพื่อญาณ และเพื่อสติ
เพื่อเป็นข้อมูลความจริงสำหรับเข้าใจ และระลึกใช้ประโยชน์

ประโยชน์ก็คือว่า สิ่งเหล่านี้เข้ามาสู่เราในฐานะข้อมูลความจริง
รู้เข้าใจแล้วสามารถระลึกใช้ประโยชน์
ยิ่งเข้าใจชัดเจน ยิ่งระลึกใช้ประโยชน์ได้มาก
นี่คือการรับรู้ที่ถูกต้อง (รับรู้ naked fact)

ข้อมูลที่รับเข้ามาจะใช้ประโยช์ได้จริง
ตามความมุ่งหมายของการรับรู้นั้น
ไม่เข้ามาในลักษณะละเมอเพ้อพกก่อให้เกิดความทุกข์

วันเสาร์ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2562

ดิน น้ำ ลม ไฟ

ดิน Extension
น้ำ Cohesion
ลม Vibration
ไฟ Heat

ทั้ง 4 เป็นส่วนของรูปขันธ์

รูป ไม่ใช่แค่หมายถึงเนื้อวัตถุ
แต่หมายถึง ส่วนประกอบของอาการทั้งหมดของมัน
ความเคลื่อนไหวต่างๆ ของมันด้วย
ลักษณะอาการ ความเป็นไปของวัตถุ

วันเสาร์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2562

วินัยเพื่อสังวร

วินัยเพื่อสังวร
ไม่ใช่เพื่อจับผิด

ตั้งมั่น

สมาธิ เป็นศักยภาพในการรับอารมณ์
ไม่ใช่ศักยภาพในการหนีอารมณ์

อารมณ์ดีก็รับได้ โดนด่าก็รับได้
เมื่อรับอารมณ์อย่างนี้ได้ จึงรับปัญญาได้
สามารถสังเกตได้ว่าสุขก็ไม่เที่ยง

นิพพานมีอยู่

นิพพานมีอยู่จริง ไม่ได้มีอยู่ลอยๆ
มีจริงในฐานะที่เชื่อมต่อกับจิตเราได้ ถ้าจิตเราพร้อมก็เชื่อมต่อได้

เป็นแบบอายตนะ
...อายตนะนั้นมีอยู่

ความหมายคือ มีอยุ่ในฐานะที่สามารถเชื่อมกับจิตได้ (อายตนะ)

อายตนะนิพพาน ไม่มี
แต่นิพพาน เป็นอายตนะ คือสามารถเชื่อมกับวิญญาณได้

นิพพานเป็นอัตตา?
ตอบ ไม่เป็น

อัตตานั้นใช้กับสมมติ ใช้เพียงระดับขันธ์เท่านั้นเอง
เช่น ขันธ์ 5 มาประกอบรวมกัน สมมติว่าตัวตนก็เลยมี
คำว่า อัตตา หรืออนัตตานั้น เอาไว้แก้ความเห็นผิดเรื่องขันธ์ 5 เท่านั้น

อัตตานี่มันใกล้กับขันธ์
ขันธ์มาผสมกันเมื่อไร มีแนวโน้มที่จะเกิดยึดถือ "อัตตา" ขึ้น
แต่ถ้าขันธ์ไม่ผสมก็จะไม่เกิด

เรื่องไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่ใช่ตัวตน
เอามาแค่พิจารณาขันธ์ 5 ก็พอแล้ว ให้เลิกยึดถือ
จริงๆ แค่พิจารณาธาตุ 4 นี่อัตตาก็หายแล้ว ไม่รู้จะเอาอัตตาไปไว้ตรงไหน

พื้นๆ ขนาดนี้ยังหาย
ยิ่งละเอียดขึ้นไป ถึงระดับนิพพานยิ่งเรียกว่า ไม่จำเป็นต้องพูดถึงอัตตา