...
ขอนอบน้อมแด่พระพุทธเจ้า พระธัมมเจ้า พระสังฆเจ้า คณาจารย์ผู้สืบทอดพระพุทธพจน์มาจนถึงยุคสมัยปัจจุบัน และครูบาลีทุกแผนกในสยามประเทศ ทั้งบาลีใหญ่ บาลีสนามหลวง และบาลีสากล โดยไม่แบ่งแยก เนื่องจากการศึกษาบาลีในแง่มุมดังกล่าวมานี้ล้วนแต่เกื้อกูลแก่การเรียนพระพุทธพจน์ทั้งสิ้น ฯ ข้าพเจ้าจะกล่าวถึงหลักสูตรพระปริยัติธรรมแผนกบาลีแบบปัจจุบันในสยามประเทศ เพื่อความเข้าใจอันดีของบุคคลทั่วไป ฯ
.
ก่อนจะแสดงทัสสนะว่าหลักสูตรพระปริยัติธรรมแผนกบาลีควรเป็นไปในทิศทางใด ควรปรับปรุงจริงหรือไม่ สิ่งที่จำเป็นต้องเข้าใจคือหลักสูตรนี้สอนอะไร สิ่งใดคือจุดเด่นและสิ่งใดไม่ใช่จุดเด่นในหลักสูตรนี้ ข้อความเรื่องหลักสูตรฯ ดังต่อไปนี้ มาจากประสบการณ์ของคนที่ใช้ชีวิตอยู่กับหลักสูตรนี้มากว่าครึ่งชีวิต เป็นนักเรียนบาลีศึกษาในหลักสูตรนี้นาน ๑๐ ปี เมื่อเรียนจบแล้วก็เป็นครูสอนบาลี วิทยากรอบรมบาลี และกรรมการสอบบาลีศึกษา นอกจากนี้ ยังได้ผ่านการเรียนบาลีในแง่มุมอื่น คือ หลักสูตรอักษรศาสตรบัณฑิต (ภาษาบาลีและสันสกฤต) อักษรศาสตรดุษฎีบัณฑิต (ภาษาบาลี-สันสกฤต และพุทธศาสนศึกษา) และทำงานด้วยภาษาพระปริยัติธรรมอื่นที่มิใช่ภาษาบาลีอีกด้วย
.
โดยสรุป หลักสูตรบาลีสนามหลวงคือหลักสูตรที่สร้างพื้นฐานอันดีในการศึกษาพระพุทธพจน์อย่างเป็นขั้นเป็นตอน
.
- เริ่มต้นตั้งแต่สอนบาลีไวยากรณ์ฉบับ simplified ที่ปรับให้มีระบบคล้ายกับตะวันตก ไม่ใช่ไวยากรณ์ตามจารีตบาลีใหญ่ และไม่ใช่ไวยากรณ์ที่อิงภาษาศาสตร์แบบบาลีสากล แต่เป็นทางลัดที่สร้างขึ้นมาเพื่อให้เรียนรู้และฝึกแปลได้โดยใช้เวลาไม่นานนัก (เมื่อเรียนรู้ตามวัตถุประสงค์ได้แล้ว จะไปเรียนบาลีในมุมอื่นๆ เพิ่มเติมก็จะเป็นประโยชน์ยิ่งขึ้น)
.
- สอนเรื่องความสัมพันธ์ (syntax) เพื่อใช้ในการแปล
.
- สอน “วิธีการเข้าถึงพระไตรปิฎก” อันประกอบไปด้วยพระวินัย พระสูตร และพระอภิธรรม แม้ว่าจะมิได้เรียนเนื้อหาในพระไตรปิฎกทั้งหมด แต่ก็เป็นการเรียนอรรถกถา (อธิบายความในตัวบทพระไตรปิฎก) และคัมภีร์อธิบายชั้นรองลงมา (ฎีกา อนุฎีกา ปกรณ์วิเสส) ที่จำเป็นต้องทราบเนื้อหาจากพระไตรปิฎกบาลีในฐานะที่เป็นตัวบท
.
๐ ชั้น ป.ธ.๔ / บ.ศ.๔ เริ่มเรียนคัมภีร์มังคลัตถทีปนี (พระสิริมังคลาจารย์ ชาวล้านนา รจนา) ภาค ๑ เป็นวิชาแปลมคธเป็นไทย นี้คือก้าวแรกที่เป็นการประมวลความรู้ไวยากรณ์ วากยสัมพันธ์ และการแปลเข้าด้วยกันเพื่อจะศึกษาพระไตรปิฎก เนื่องจากคัมภีร์นี้รวมทั้งข้อความจากพระไตรปิฎก รวมทั้งอรรถกถาที่แก้ข้อความนั้นๆ และคัมภีร์อธิบายชั้นรองลงมา อย่างเป็นระบบ พร้อมทั้งอ้างอิงที่มา (อาคตสถาน)
นี้คือขั้นตอนที่ฝึกฝนให้นักเรียนในหลักสูตรนี้สามารถศึกษาพระไตรปิฎกเถรวาท โดยเฉพาะพระสุตตันตปิฎก ในเชิงลึกที่ประกอบด้วยการค้นคว้าคัมภีร์อธิบายในเรื่องนั้นๆ ได้ “ด้วยภาษาบาลีที่บันทึกพระไตรปิฎกเถรวาท” แตกต่างจากการอ่านพระไตรปิฎกฉบับแปลภาษาไทยที่ต้องอาศัยผู้รู้บาลีแปลมาให้อ่าน และผู้อ่านอาจติดขัดในการค้นคว้าด้วยข้อจำกัดทางภาษา
.
๐ ชั้น ป.ธ.๖ / บ.ศ.๖ เริ่มเรียนคัมภีร์สมันตปาสาทิกา อรรถกถาอธิบายพระวินัยปิฎก (พระพุทธโฆสะ ชาวอินเดีย รจนา) ทำให้นักเรียนได้ศึกษาพระวินัยปิฎกในประเด็นต่างๆ พร้อมทั้งคัมภีร์อธิบายในเรื่องนั้นๆ เพื่อนำไปศึกษาค้นคว้าต่อยอดทางพระวินัย
.
๐ ชั้น ป.ธ.๙ / บ.ศ.๙ เริ่มเรียนคัมภีร์อภิธัมมัตถวิภาวินีฎีกา (พระสุมังคลเถระ ชาวลังกา รจนา) หนังสืออธิบายพระอภิธัมมัตถสังคหะ สามารถนำไปศึกษาค้นคว้าต่อยอดเรื่องพระอภิธรรม
.
- สอนการแต่งฉันท์ (ป.ธ.๘ / บ.ศ.๘) และการสอนการแต่งภาษาบาลีให้สละสลวย (ป.ธ.๙ / บ.ศ.๙)
.
จุดเด่นของหลักสูตรนี้คือการเน้นเรื่องภาษาและการแปล (เช่น แปลมคธเป็นไทย แล้วนำกลับมาแปลไทยเป็นมคธ) ทำให้นักเรียนผู้ผ่านหลักสูตรนี้มีพื้นฐานทางภาษาแข็งแกร่งเป็นกุญแจนำไปสู่การค้นคว้าพระไตรปิฎกได้ และเป็นหลักสูตรที่ผลิตนักแปลให้คนไทยอื่นๆ สามารถศึกษาพระไตรปิฎกได้ในภาษาไทย
.
นอกจากหลักสูตรพระปริยัติธรรมแผนกบาลี ข้าพเจ้าได้มีโอกาสเห็นหลักสูตรพระปริยัติธรรมภาษาทิเบตในวัดที่ตนเองอยู่ และเห็นจุดเด่นที่แตกต่างอย่างชัดเจน
- นักเรียนพระปริยัติธรรมในวัดทิเบต (นิกายณิงม่า) เรียนพระปริยัติธรรมด้วยภาษาทิเบต เรียนพุทธปรัชญาต่างๆ ตรรกะ และหัวข้อธรรมะที่แตกต่างจากนักเรียนบาลีในไทย สามารถโต้วาทะธรรม (debate) ได้ พวกท่านไม่ได้เรียนพระพุทธพจน์ปิฎกทิเบตทั้งหมด ๑๐๐ กว่าเล่ม แต่เรียนเนื้อหาสำคัญตามหัวข้อที่กำหนดไว้ การที่ท่านเรียนเนื้อหาได้เช่นนี้ เพราะพวกท่านไม่ต้องใช้เวลามาเรียนภาษาดังที่นักเรียนพระปริยัติธรรมในไทยต้องทำ นี้คือหลักสูตรที่มีจุดเด่นด้านเนื้อหา แต่ไม่ใช่หลักสูตรผลิตนักแปลคัมภีร์
- นักเรียนพระปริยัติธรรมแผนกบาลีในไทย ต้องลงทุนเวลาสร้างพื้นฐาน เรียนภาษาและฝึกฝนทักษะการแปล นี้คือหลักสูตรที่มีจุดเด่นด้านภาษาและการแปล ผลิตนักแปลคัมภีร์ไปพร้อมกับการเรียนเนื้อหา ส่วนด้านเนื้อหานั้น เมื่อจบ ป.ธ.๙ / บ.ศ.๙ สามารถค้นคว้าได้ตามที่ตนเองสนใจ
.
จากที่กล่าวมานี้ การจะสร้างหลักสูตรที่มีจุดเด่นทั้งด้านการแปลและด้านเนื้อหาพร้อมกันจึงเป็นไปได้ยาก นักเรียนไม่สามารถเรียนทุกสิ่งทุกอย่าง “ในเชิงลึก” พร้อมกันได้ในขณะเดียวกัน หากท่านต้องการให้หลักสูตรพระปริยัติธรรมแผนกบาลีเน้นด้านเนื้อหาทั้งหมดในพระไตรปิฎก ก็ควรคำนึงถึงว่าจะเพิ่มเติมสิ่งนี้เข้ามาโดยที่สามารถรักษาจุดเด่นด้านภาษาและการแปลไว้ได้อย่างไร แต่การสร้างทักษะด้านการแปลเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลา ไม่ใช่ว่าเรียนแล้วจะทำได้ในทันทีทันใด
.
อนึ่ง เนื่องจากภาษาไทยเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา คำแปลเดิมเข้าใจยากสำหรับคนยุคต่อไป จึงจำเป็นต้องผลิตนักแปลเพื่อสื่อสารส่งต่อพระพุทธพจน์ถึงคนรุ่นต่อไปอย่างมีประสิทธิภาพ การเรียนเนื้อหาในพระไตรปิฎกเป็นเรื่องดี แต่เราจำเป็นต้องผลิตนักแปลให้คนอ่านคำแปลเนื้อหาในพระไตรปิฎกรู้เรื่องด้วย และจำเป็นต้องมีหลักสูตรการศึกษาเช่นนี้ไว้รองรับผู้ที่ต้องการจะศึกษาเนื้อหาในพระไตรปิฎกเป็นภาษาบาลีได้โดยใช้เวลาไม่นานและอยู่กึ่งกลาง ไม่ใช่การศึกษาแบบจารีตทั้งหมด และไม่ใช่สากลทั้งหมด แต่สามารถจะเชื่อมโยงกับการศึกษาแบบจารีต และศาสตร์อื่นที่เป็นสากล เช่น ภาษาศาสตร์ที่มีผลต่อการตีความคำศัพท์บาลี ประวัติศาสตร์ที่เชื่อมโยงกับประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนา ภูมิศาสตร์ที่มีผลต่อการเผยแผ่พระศาสนาและพระวินัย ฯลฯ
.
ข้าพเจ้ามิได้คาดหวังว่าหลักสูตรพระปริยัติธรรมแผนกบาลีจะต้องมีทุกสิ่งทุกอย่าง เมื่อเราเข้าใจวัตถุประสงค์เฉพาะของหลักสูตรนี้ ก็ไม่มีประโยชน์ที่จะนำความต้องการส่วนตนไปเรียกร้อง เมื่อข้าพเจ้าต้องการศึกษาสิ่งที่ไม่มีในหลักสูตรนี้ ข้าพเจ้าก็ไปศึกษาตามหลักสูตรนั้นๆ ต่างหาก พวกเรามีเสรีภาพทางการศึกษา ไม่มีใครสามารถห้ามพวกเรามิให้เรียนวิชาใดๆ ได้มิใช่หรือ?
.
เมื่อเห็นว่ามีสิ่งอื่นที่นักเรียนควรทราบเพิ่มเติมจากหลักสูตร ครูผู้สอนก็สามารถสอนเพิ่มเติมได้ทันทีแม้ว่าจะไม่ได้เปลี่ยนแปลงหลักสูตรก็ตาม เมื่อข้าพเจ้าสอนนักเรียนในแผนกบาลี บางครั้งข้าพเจ้าก็บอกนักเรียนว่าการสร้างคำนี้ ตำราในหลักสูตรเรามองว่าอย่างนี้ แต่หากวิเคราะห์ด้วยบาลีแบบสากล จะมีมุมมองอีกอย่างหนึ่ง คนสอนเพียงแต่นำเสนอให้ทราบไว้ว่าผลลัพธ์เดียวกันนี้ ทฤษฎีต่างกันทำให้มีมุมมองและวิธีการหาคำตอบต่างกัน แต่นักเรียนจะเชื่อตามทฤษฎีใดนั้นเป็นการตัดสินใจของนักเรียนเอง
.
การวัดคะเนว่าหลักสูตรพระปริยัติธรรมแผนกบาลีมีเนื้อหาพระไตรปิฎกกี่เปอร์เซ็นต์เป็นเรื่องที่ทำยาก มิใช่เพียงแต่ดูหัวข้อแล้วเทียบเปอร์เซ็นต์เท่านั้น แต่ยังต้องดูเนื้อหาทุกเล่ม “แต่ละเรื่อง แต่ละคำ” ซึ่งอยู่ตามที่ต่างๆ ในพระไตรปิฎกด้วย และจะวัดค่ากันเป็นอักษรใด อักษรไทย อักษรโรมัน อักษรเทวนาครี หรืออักษรอื่น? จะวัดค่ากันเป็นหน้าตามหน้าฉบับใด เมื่อพระไตรปิฎกบาลีมีฉบับพิมพ์เผยแผ่หลากหลายที่มิใช่แต่พระไตรปิฎกบาลีในไทยอย่างเดียว
.
การศึกษาพระไตรปิฎกเป็นเรื่องสำคัญยิ่ง แต่หนทางธรรมไม่อาจวัดค่าได้ด้วยตัวเลข จริงอยู่ว่าเราต้องรักษาเนื้อหาพระพุทธพจน์ที่สืบทอดมาจนถึงปัจจุบันให้ครบถ้วนเท่าที่ได้รับมาและส่งต่อสู่คนรุ่นต่อไป แต่มิได้หมายความว่าทุกผู้คนบนหนทางธรรมจะต้องเรียนทุกศาสตร์ทุกสิ่งในพระศาสนานี้ แต่ละคนสามารถเรียนและปฏิบัติตามความถนัด ความสนใจ และจริตของตน แม้มิได้เจนจบทุกคำสอนในบรรดา ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ แม้จะศึกษาเพียงคำสอนเดียว แต่หากปฏิบัติให้ความโลภ โกรธ หลง ลดน้อยลงจนกระทั่งสิ้นสุดได้ ผู้นั้นก็ชื่อว่าสืบทอดคำสอนของพระพุทธเจ้าโดยแท้จริง มิพักต้องสงสัยและวัดค่าด้วยตัวเลขใดๆ
.
.
ถึงผู้ที่เสนอให้ปรับปรุงหลักสูตร ขอขอบพระคุณสำหรับความคิดเห็นและน้ำใจปรารถนาดี แต่จะเป็นการดีกว่านี้หากการข้อเสนอในการปรับปรุงหลักสูตรจะมาจากบุคลากรและนักเรียนผู้ใช้ชีวิตอยู่กับหลักสูตรนี้เอง หากท่านผู้เสนอให้ปรับปรุงหลักสูตรพระปริยัติธรรมแผนกบาลีได้เข้ามาศึกษาหลักสูตรนี้ มองเห็นแจ่มแจ้งประจักษ์ถึงจุดเด่น จุดที่ควรแก้ไข วิธีที่ควรปรับปรุง และสามารถเสนอหลักสูตรที่ผลิตบุคลากรได้ทั้งด้านเนื้อหาและภาษาพร้อมกันในเวลาอันจำกัด เพิ่มเติมสิ่งสำคัญอื่นๆ โดยที่ยังคงจุดเด่นของการศึกษาหลักสูตรนี้ไว้ได้ ก็จะเป็นคุณูปการนัก แต่หากยังหาทางแก้ไขปัญหาด้วยวิธีนี้ไม่ได้ ก็มีวิธีอื่น คือนำเสนอหลักสูตรการศึกษาแบบอื่นที่เพิ่มเติมสิ่งสำคัญนอกจากหลักสูตรนี้ เพื่อผลิตบุคลากรตามวัตถุประสงค์เฉพาะ เป็นทางเลือกให้นักเรียนบาลีสามารถศึกษาเพิ่มเติมได้ตามความสมัครใจของตนเอง
.
ขออนุโมทนาในกุสลเจตนาของทุกท่านที่พากเพียรศึกษาคำสอนในพระพุทธศาสนาในแผนกต่างๆ และทุกท่านที่ปฏิบัติธรรมในสายการปฏิบัติต่างๆ พวกเราล้วนแต่ดำเนินตามคำสอนของพระพุทธองค์ “ตามจริตและหนทางที่เหมาะสมกับเรา” มิใช่จะมีทางใดดีกว่าทางใด และไม่จำเป็นต้องเปรียบเทียบกัน ในฐานะเพื่อนมนุษย์ เราเคารพเสรีภาพทางศาสนาของกันและกัน และในฐานะศาสนิกร่วมพระศาสนา เราเคารพคำสอนเรื่องความเมตตากรุณา มุ่งเน้นการเรียนการปฏิบัติของตนเอง และเคารพการเลือกหนทางธรรมของบุคคลอื่น
.
ด้วยบุญกุศลอันเกิดจากการชี้แจงนี้ ขอให้ทุกท่านประสบความสำเร็จถึงที่สุดในด้านปริยัติและปฏิบัติตามหนทางที่ตนได้เลือกแล้วเถิด ฯ
.
ป.ล. วิทยานิพนธ์ ป.เอก ของข้าพเจ้า เรื่อง “พระสูตร 9 เรื่องใน BKA' 'GYUR และพระปริตรบาลี : การศึกษาเปรียบเทียบ (9 SUTRAS IN BKA' 'GYUR AND PALI PARITTAS: A COMPARATIVE STUDY)” ที่เป็นการศึกษาเปรียบเทียบพระสูตร 9 เรื่องในพระพุทธพจนปิฎกทิเบต กับพระปริตรบาลีที่คาดว่าเป็นต้นฉบับ สำเร็จได้เพราะความรู้ที่ได้เรียนมาจากทั้งหลักสูตรพระปริยัติธรรมแผนกบาลี, หลักสูตรภาษาบาลี-สันสกฤต และพุทธศาสน์ศึกษา คณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ และศูนย์พุทธศาสน์ศึกษารังจุง เยเช ม.กาฐมาณฑุ ฯลฯ ข้าพเจ้ามิได้เรียกร้องให้หลักสูตรพระปริยัติธรรมแผนกบาลีต้องสอนทุกสิ่งแทนทุกหลักสูตรที่กล่าวมา ข้าพเจ้าเรียนหลักสูตรอื่นเพิ่มเติมจากพระปริยัติธรรมแผนกบาลีตามฉันทะของตนเอง และยังได้ใช้ความรู้จากหลักสูตรพระปริยัติธรรมแผนกบาลีเป็นพื้นฐานตั้งต้นสำหรับการศึกษาหลักสูตรอื่นๆ ด้วย
...
ดร.สุกัญญา สุขธรรมิกา เจริญวีรกุล บ.ศ.๙, สำนักเรียนวัดสามพระยา
ครูสอนพระปริยัติธรรมแผนกบาลี สำนักเรียนวัดสามพระยา
๒ เมษายน พ.ศ.๒๕๖๗ ณ กาฐมาณฑุ ประเทศเนปาล
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น