- ง่วงมาตั้งแต่ช่วงปีใหม่ นอนหลับไม่ฝันแต่ตื่นมาเหมือนยังไม่ได้นอน มาหายตอนที่ได้ไปหาหลวงพ่อสมบูรณ์ เข้าใจว่าเป็นเพราะดูความรู้สึกไม่ชัด พอท่านบอกว่ามันง่วงก็ดูไป ความง่วงมันมีลักษณะเป็นอย่างนี้นั่นแหละ มันก็เป็นอย่างเงี้ยๆ มันก็วางได้
- ข้อสังเกตที่ได้ก็คือ ช่วงแรกมันมีความไม่แน่ใจว่าเป็นอาการง่วง"ทางกาย" หรือว่า "ทางใจ" เพราะดูจะไม่มีเหตุทั้งสองอย่าง
- แต่พอตอนหลังมาคิดว่า อาการง่วงนั้นไม่ได้อยู่ตลอด เวลาทำงาน หรือตั้งสมาธิจริงจังมันก็พอจะต้านอยู่ได้ ก็น่าจะบอกอะไรบางอย่างได้
- เมื่อคืนขณะกำลังเคลิ้้มๆ จะหลับ ได้ยินนายส่งเสียงเล่าอะไรบางอย่าง พบว่ามันเกิดความรับรู้ขึ้นไม่ใช่แค่เสียง แต่เป็นความรู้สึกว่ามีอะไรถูกใส่เข้ามาร่างกาย เหมือนการเติมสีลงในน้ำแล้วกระจายไปทั่วอย่างนั้น นั่นอาจจะเป็นสาเหตุที่ว่านอนแล้วเหมือนไม่ได้นอน เพราะมันถูกกระตุ้นกวนระบบอยู่อย่างนั้น ความรู้สึกจึงไม่ได้พักอย่างแท้จริง
- เวลาเอาภาพสวยๆ ให้นายดู นายมักจะมีความเคยชินที่ถามกลับมาว่า "นี่ของจริงหรือของปลอม" เป็นที่น่าสังเกตุว่า เป็นกระบวนการตัดสินคุณค่าที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเหลือเกิน
- คำพูดบางอย่างเวลาจะพูดกับใคร หากเขาไม่ได้ปวารณาตัว ก็ไม่ควรพูด ให้อดพูดเสียให้ไ้ด้ ความตัดการพูดไม่ได้ด้วยเกรงใครจะเสียประโยชน์เป็นเพียงกิเลสตัวหนึ่งเท่านั้น เพียงการตัดสินคุณค่าเพียงด้านเดียวว่าดีสำหรับเขาแล้วพูดไปนั้น อาจเสียประโยชน์ เพราะผู้ใหญ่นั้นไม่ใช่เด็ก ความโอนอ่อน ความน้อมรับ ไม่เป็นธรรมชาติเช่นเดียวกับเด็กซึ่งเป็นธรรมชาติที่ยังไงก็ได้ไม่ตัดสิน
- กระแสความไม่รู้บางอย่างเมื่อทำลงไป บางทีมีความเคยชินที่จะหาความชอบธรรม สอบถามหาความเหมือนกับผู้อื่น แอบอ้างเพื่อผลประโยชน์ส่วนรวม ให้คอยระมัดระวังให้ดี
- เมื่อได้พูดบรรยายลักษณะความรู้สึกออกไป ไม่รู้เป็นไงมันกลับมีความรู้สึกว่า "ชัด" ขึ้น น่าแปลกที่ว่าทั้งๆ ที่ "รู้" นั่นก็คือรู้อันเดิม ต่างตรงที่มันพูดหรือไม่พูดออกมา ความ "ชัด" กลับเกิดขึ้น
- รู้แต่ไม่รู้ว่ารู้ นั่นคือความหลงอย่างหนึ่ง
วันจันทร์ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2556
21 มกราคม 2556
21 มกราคม 2556
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น