วันพฤหัสบดีที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2557

29/10/57

29/10/57 - 31/10/57

โดนบุพการีด่ามา

มีผัสสะใหม่ให้เรียน พบว่าเวลาเสียใจสุดๆ พี่จิตนี่มันจะตัดความรับรู้ไปเลย (เอ๊ะแล้วรู้ได้ไงว่ามันเสียใจ 555) ไม่โมโห ไม่โวยวาย ตอนแรกนึกว่ามันอุเบกขายังนึกใจในว่า ดีแฮะไม่โกรธ เงียบสนิทในภายใน แต่มันเฉยแบบจะทำดีด้วยก็ทำไม่ออก เช่นจะหาวิธีพูดขอโทษ หรือหาวิธีทำให้เขารู้สึกดีขึ้นทำไม่ออก ธรรมฝ่ายกุศลพวกเมตตา หรือปีติงี้หายไปอยู่สุดขอบจักรวาล จะให้ทำชั่วด้วย เช่นตอบโต้กลับ สวนกลับ หรือความคิดจะอธิบายชี้แจงแม้ในใจมันก็ไม่ทำ

กราบพระนั่งสมาธิได้เป็นปกติ สามารถน้อมกุศลตอนกราบพระได้ ในชีวิตประจำวันปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นก็ได้ตามปกติ อารมณ์ส่วนนี้ไม่รบกวน แต่พอกลับบ้านรู้สึกเหมือนจิตจะพยายาม delete ตัวละครสาเหตุไป ไม่สนใจ ไม่พูดด้วย เลี่ยงผัสสะฝุดๆ แบบผ่าตัดเอาเฉพาะส่วนนี้ออกไปเป็นช่องว่าง ถึงได้รู้ว่าอุเบกขาขี้หมาน่ะสิ

เช้าวันนี้มาตั้งใจว่า กุศลที่เพียรทำมาตั้งแต่วันแม่จะมาโดนเตะตัดขาอย่างงี้เหรอ ไม่เอาอ่ะ เลยปรับกาย วาจาให้ปกติ ใช้กายวาจาน้อมใจให้เป็นปกติตาม น้อมนึกถึงเรื่องที่หลวงพ่ออำนาจเคยเล่าให้ฟังเรื่องพระโพธิสัตว์ฝึกอุเบกขาบารมี การวางใจของท่านระหว่างคน 4 คน ได้แก่ บิดาที่สั่งประหารท่าน, เพชรฌฆาตผู้ลงมือ, มารดาผู้รักท่าน และตัวท่านเอง ท่านสามารถวางใจได้เรียบเนียนเสมอกันหมด แล้วตอนเช้าพอเปิดฟังธรรมทุกประโยคที่ฟังไปก็เกิดปีติ ให้ใช้ปัญญาให้ผ่านไปทีละขณะๆ ไม่ให้เก็บเอาไว้เป็นนิวรณ์ ก่อนออกจากบ้านก็เลยไหว้แม่ก่อนออกมา

ตอนเดินมาทำงานพี่สติพี่ปัญญาที่หายไปชั่วคราวก็กลับมาสอนวิธีคิดน่ารักๆ เช่น หน่อยแน่ะ มารมันเสียบเราไม่ได้มันก็เสียบคนใกล้ตัวเราเนอะ แล้วก็พูดกะพี่มาร(ในใจ)ว่า นี่หลุดได้คราวนี้รีบๆ อนุโมทนาเลยนะ ^_^

วันอาทิตย์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2557

15-26 ต.ค.57

15-26 ต.ค.57

นั่งสมาธิเช้าเย็น ไปสวดมนต์ที่วัดตามโอกาส สภาวะราบเรียบ ไม่มีผัสสะแรงๆ แต่บางครั้งที่ทำกิจกรรมอะไรซ้ำๆ แบบจังหวะคงที่จะเห็นว่าโมหะแทรกง่ายมาก แล้วก็จะถูกดึง ถูกดูดเข้าไปเรื่อยๆ ก็รีบออกมาไวๆ หันหลังให้ความคิดนั้นทันที บางวันนอนนานไปก็โดนมารเสียบให้หงุดหงิดง่ายก็มี

วันก่อนมีโอกาสได้ดูโขน แล้วรู้สึกว่าศิลปะการแสดงของไทยนี่ดีจัง ไม่มีอารมณ์กระชากไปมาเหมือนกับดูหนังหรือละคร ดูแล้วรู้สึกอิ่ม เสียงคนพากย์จังหวะการหายใจฟังดูคล้ายเสียงสวดมนต์ ดนตรีคนเป่าปี่ก็เป่าได้ละเมียดละไมเหลือเกิน มีจังหวะกลองแล้วก็เสียง "เฮ่ย!!" เรียกสติเป็นพักๆ การเคลื่อนไหวของตัวหนุมานรวดเร็ว คล่องแคล่ว แต่ไม่วุ่นวาย ส่วนนางสีดาก้าวย่างแต่ละก้าวราวกะจะลอยได้ ดูจบมีความสุข ก่อนนอนวันนั้นนั่งสมาธิรู้สึกนั่งได้นาน ขนลุกเย็น มีสติตื่นมากกว่าปกติไม่ง่วงเลย

ช่วงนี้ที่บ้านคุณนายน่ารักขึ้นทุกวัน เรียกได้ว่าไม่มีวันไหนไม่ถามหาเสียงพระเทศน์ บางทีลืมเปิดก็ยังสะกิดให้เปิด สิ่งที่เคยฟังไม่ได้ท่านก็ฟังได้มากขึ้น ไม่มีปฏิฆะต่อการฟังเหมือนเมื่อก่อน บางทีเหนื่อยหงุดหงิดก็มีโทสะหลุดพลั้งปากบ้าง แต่ก็เห็นว่าเกิดสติแล้วหลุดได้เร็ว ไม่บ่นไม่รู้จบเหมือนเมื่อก่อน แซวอะไรก็รู้ทันมากขึ้น

อีกหน่อยสงสัยได้ส่งการบ้านรายปักษ์ 5555

วันศุกร์ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2557

สังขาราปัจจยา นามรูปัง

1. ลักษณะของมัน ไม่เหม่อ ไม่เผลอ ไม่ล่องลอย ไม่เบลอ ไม่เอ๋อ
2. มีที่ตั้ง
3. มีผลลัพธ์ คือการรักษาให้ปกติ ทีละขณะๆ
4. เกิดจากความจำที่ถูกต้อง


วันอังคารที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2557

14/10/57

14/10/57

วันนี้เตรียมตัวตั้งสติแต่เช้า คิดแต่เรื่องดีๆ ทำจิตให้สบายๆ เพราะจะเจอผัสสะแบบเมื่อวาน พอไปถึงที่ทำงานก็พร้อม ... ปรากฏเจ้าตัวยังไม่มา รู้สึกแป้กเล็กน้อย ก็ทำงานไปเรื่อย ถึงตอนบ่ายนั่งทำคอมอยู่ พี่แกก็ปรากฏตัว รู้สึกเหมือนมีตะขาบไต่ที่หัวใจขึ้นทันที T_T แต่ยังไม่ทันอะไร นางก็ต้องไปธุระก่อนแล้วบอกเดี๋ยวกลับมาใหม่ พอกลับมาก็ได้คุยกันไม่มาก เพราะเหมือนมีคนอื่นมาช่วยขัดจังหวะตลอดเวลา ราวกับเทวดาช่วยไว้

กลับบ้านนั่งสมาธิก่อนนอน

วันจันทร์ที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2557

12 - 13 ต.ค.57

12/10/57

ไปกฐินวัดสวนสันติธรรม ต้องออกบ้านแต่เช้าประมาณตีสี่ ได้พี่+เพื่อนก้อยผู้ใจบุญมารับถึงบ้าน แต่คืนก่อนหน้ากว่าจะเสร็จภาระกิจพักผ่อนได้ก็ปาเข้าไปตีสอง เลยเอาวะคืนนี้ไม่ต้องนอนมันแระ นั่งสมาธิรอ ผลคือกรรมฐานคอหัก 5555 ตั้งใจไปจนเสร็จงานกลับจากวัดว่าจะ ไม่เอาไม่หลับ ง่วงขนาดไหนก็จะเรียกให้ตื่น มันก็อยู่ของมันได้ค่ะ มีความทุรนทุรายจะนอนโผล่ประปรายก็ดูไป ระหว่างวันใจค่อนข้างจะอุเบกขา มีปีติตอนระลึกหยอดตู้ทำบุญ

13/10/57

มาทำงาน เจอผัสสะเป็นมนุษย์ขี้เหงา รู้สึกสงสาร เคยเจอกันมาหลายครั้งแล้ว ปกติเขาเล่าอะไรเราก็ฟัง แรกๆ ก็ฟังดี แต่พอเห็นนางเริ่มเวิ่นเว้อ เราก็เริ่มรำคาญ พอรำคาญแบบไปไหนไม่ได้มันก็หลบสายตา เพราะมันรู้สึกเหมือนถูกดูดพลังชีวิตแล้วไม่ชอบ พอเป็นต่อไปเรื่อยๆ คราวนี้เกิดจิตขยะแขยง  555 ปัญญาดับ ทำตัวไม่ถูก คราวนี้การแสดงออกมันก็ไม่อยู่แค่ที่จิตแล้ว เริ่มตัดบทการสนทนา ตามด้วยตัวเองก็รู้สึกผิดที่เหมือนไปมีไมตรีกับเขาไว้แล้วตัดฉับอย่างนั้น ... กลับมานั่งทบทวนตัวเอง นี่หนูควรทำยังไงดีเนี่ย พรุ่งนี้ต้องเจออีกแล้ว เรามันมนุษย์แรงน้อย~~~

ระหว่างที่คิดถึงเขา ใจก็เกิดความขยะแขยงขึ้นมา เลยเลิกคิด เพื่อนก้อยให้ข้อธรรมเสริมมาว่าการคิดถึงความไม่ดีคนอื่นก็เหมือนขับไล่พุทธองค์ออกจากหัวใจ ใช่เลย คาถานี้แหละ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ


วันพฤหัสบดีที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2557

8/10/57

8/10/57

เกิดภาวะหิวแบบกินอะไรก็ไม่อิ่ม แปลงร่างเป็นมนุสสเปโต ใจที่ไม่พอนี่ทรม๊าน ทรมาน กลับบ้านสวดมนต์หลายบท พอถึงบทเมตตปริตรรู้สึกดีกว่าบทอื่น

วันอาทิตย์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2557

6/10/57

6/10/57

ระหว่างเดินทางกลับบ้าน อยู่ๆ ก็นึกถึงเพลงๆ หนึ่งขึ้นมาที่ไม่ได้ฟังมานานแล้ว เพลงนี้ตอนเด็กๆ ติดใจ ฟังทีไรก็เศร้า หดหู่ แต่วันนี้นึกขึ้นมาก็เฉยๆ ไม่อิน ห่างๆ ออกมา แต่เห็นมันรีเพลย์ซ้ำไปมาและมีความรู้สึกว่าขาดอะไรไปสักอย่าง ดูเป็นความพยายามระลึกว่าเดิมมันเคยรู้สึกยังไงเมื่อฟังเพลงนี้

สักพักก็นึกถึงสภาวะเดียวกันที่เจอระยะนี้แต่ด้วยเหตุอื่น มันมีสภาพรีเพลย์ซ้ำแล้วก็รู้สึกเหมือนขาดอะไรสักอย่างไปเหมือนกัน เลยเทียบว่า อ่อ มันคงเป็นภาวะที่จิตมันพยายามระลึกอะไรล่ะมั้ง แล้วก็เอะใจว่า เดี๋ยวนะ...เราไม่เคยมีเหตุการณ์ให้เกิดสภาวะอะไรแบบนั้นนะจากเหตุที่ว่านี้นะ 555 คิดแล้วขนลุก หลอนตัวเองก็เป็น :P

ตอนเย็นไปสวดมนต์นั่งสมาธิที่วัดปทุม ก่อนนอนนั่งสมาธิ 20 นาที


3-5 ตุลาคม 57

3-5 ตุลาคม 57

ระหว่างวันหรือระหว่างเดินทางเป็นธรรมเสียบหูฟังไปเรื่อยๆ เริ่มเกิดความรู้สึกละอายที่จะส่งการบ้าน เพราะไม่ได้ทำ ไม่มีส่ง ครั้นจะบรรยายสภาวะก็รู้สึกถึงการเจือความคิดอยู่มาก แง ขอโทษค่ะ T_T


5/10/57

5/10/57

วันอาทิตย์ไปฟังธรรม หลวงพ่อท่านพูดถึงไตรลักษณ์ รู้สึกถึงความสั่นไหวของทุกขัง คนทำบุญหน้าตาอิ่มเอิบจริง

มีคำพูดนึงที่เกิดปีติ "ภาวนาไปจะได้ความสุขจากการปล่อยวาง ใหม่ๆ ปล่อยอารมณ์ก็มีความสุข ภาวนาต่อไปจนปล่อยขันธ์ได้ก็จะมีความสุขยิ่งกว่านี้อีก มีแต่พระพุทธเจ้านะที่สอนแบบนี้ได้"

เจอองค์ประกอบที่จะก่อรูปเป็นราคะแระ มันคือ "春" มิน่าจึงต้องพิจารณาอสุภะตัดกัน ให้เกิดเป็นมรณานุสติ พอจิ๊กซอว์ต่อติดแบบนี้ขอให้ระวังกามวิตกไว้

จริงกิเลสมันก็ไม่ได้เกิดง่ายๆ นะ องค์ไม่ครบ ผัสสะไงก็ไม่เกิด เจอสุภะนิมิตทีเดียวได้เรื่องเลย ดูมันหาช่องไปของมันจนได้นะ ราคะเกิดแล้ว รู้สึกราวเป็นแหล่งพลังงานเอื่อยๆ ไม่รู้ว่าจิตจะลงสมดุลของพลังงานองค์รวมรึป่าวเลยออกมาแบบนี้ เนื่องจากเห็นอีกฝ่ายกำลังตก

วันพุธที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2557

1/10/57

1/10/57

นั่งอ่านบทสนทนาธรรมของเพื่อนสองคน เกิดปีติ ^_^

2/10/57

หลังเลิกงานรู้สึกง่วงนอน คำตัดพ้อน้อยใจไหลมาสารพัด ทำไมชีวิตตรูมันบัดซบงี้ว๊า จะกินไม่ได้กิน จะนอนไม่ได้นอน บลาๆ ก็ดูมันไป เหมือนส่วนหนึ่งมันก็บ่นไป ส่วนกายก็ขยับเคลื่อนไหวไป สงสัยง่วงเกินกว่าจะเอาเรื่องเอาราว เห็นคนใกล้ตัวสภาพไม่ต่างกัน ง่วงแสนง่วงแต่ไม่ยอมนอน เพราะรู้สึกว่าทำงานมาทั้งวันยังไม่ได้เสพอะไรเลย เห็นแล้วสงสารมาก