29/10/57 - 31/10/57
โดนบุพการีด่ามา
มีผัสสะใหม่ให้เรียน พบว่าเวลาเสียใจสุดๆ พี่จิตนี่มันจะตัดความรับรู้ไปเลย (เอ๊ะแล้วรู้ได้ไงว่ามันเสียใจ 555) ไม่โมโห ไม่โวยวาย ตอนแรกนึกว่ามันอุเบกขายังนึกใจในว่า ดีแฮะไม่โกรธ เงียบสนิทในภายใน แต่มันเฉยแบบจะทำดีด้วยก็ทำไม่ออก เช่นจะหาวิธีพูดขอโทษ หรือหาวิธีทำให้เขารู้สึกดีขึ้นทำไม่ออก ธรรมฝ่ายกุศลพวกเมตตา หรือปีติงี้หายไปอยู่สุดขอบจักรวาล จะให้ทำชั่วด้วย เช่นตอบโต้กลับ สวนกลับ หรือความคิดจะอธิบายชี้แจงแม้ในใจมันก็ไม่ทำ
กราบพระนั่งสมาธิได้เป็นปกติ สามารถน้อมกุศลตอนกราบพระได้ ในชีวิตประจำวันปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นก็ได้ตามปกติ อารมณ์ส่วนนี้ไม่รบกวน แต่พอกลับบ้านรู้สึกเหมือนจิตจะพยายาม delete ตัวละครสาเหตุไป ไม่สนใจ ไม่พูดด้วย เลี่ยงผัสสะฝุดๆ แบบผ่าตัดเอาเฉพาะส่วนนี้ออกไปเป็นช่องว่าง ถึงได้รู้ว่าอุเบกขาขี้หมาน่ะสิ
เช้าวันนี้มาตั้งใจว่า กุศลที่เพียรทำมาตั้งแต่วันแม่จะมาโดนเตะตัดขาอย่างงี้เหรอ ไม่เอาอ่ะ เลยปรับกาย วาจาให้ปกติ ใช้กายวาจาน้อมใจให้เป็นปกติตาม น้อมนึกถึงเรื่องที่หลวงพ่ออำนาจเคยเล่าให้ฟังเรื่องพระโพธิสัตว์ฝึกอุเบกขาบารมี การวางใจของท่านระหว่างคน 4 คน ได้แก่ บิดาที่สั่งประหารท่าน, เพชรฌฆาตผู้ลงมือ, มารดาผู้รักท่าน และตัวท่านเอง ท่านสามารถวางใจได้เรียบเนียนเสมอกันหมด แล้วตอนเช้าพอเปิดฟังธรรมทุกประโยคที่ฟังไปก็เกิดปีติ ให้ใช้ปัญญาให้ผ่านไปทีละขณะๆ ไม่ให้เก็บเอาไว้เป็นนิวรณ์ ก่อนออกจากบ้านก็เลยไหว้แม่ก่อนออกมา
ตอนเดินมาทำงานพี่สติพี่ปัญญาที่หายไปชั่วคราวก็กลับมาสอนวิธีคิดน่ารักๆ เช่น หน่อยแน่ะ มารมันเสียบเราไม่ได้มันก็เสียบคนใกล้ตัวเราเนอะ แล้วก็พูดกะพี่มาร(ในใจ)ว่า นี่หลุดได้คราวนี้รีบๆ อนุโมทนาเลยนะ ^_^
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น