การที่รู้แล้วแต่ยังไม่ได้ทำ อาจเป็นเพราะ
- รู้ไม่หมด ไม่ครบถ้วน เช่น อาจจะยังรู้ไม่ชัดถึงคุณค่าของสิ่งนั้น
หรืออาจยังไม่ทราบซึ้งถึงโทษภัยที่จะได้รับถ้าไม่รีบทำสิ่งนั้น
- ที่รู้ที่ทำไปบ้าง อาจยังไม่ตรงกลางเป้า หรือยังไม่มากไม่แรงพอ
ผลที่ได้จึงยังไม่ต่อเนื่อง ไม่เกิดศรัทธาที่มากพอที่จะไปต่อ
- เมื่อความเชื่อ..ศรัทธายังไม่มากพอ การปฏิบัติ..ศีลจึงยังไม่เต็มที่
การสละ..ละกิเลสจึงไม่ชัดเจน ความรู้..ปัญญา จึงคลุมเครือ
- ยังรักกิเลสอยู่ จึงยังไม่ฉันทะที่จะละกิเลสไปนิพพาน
เมื่อไม่ฉันทะที่จะละกิเลส จึงไม่มีวิริยะในการปฏิบัติเพื่อละกิเลส
และยิ่งไม่ได้เอาใจใส่ที่จะหาวิธีละกิเลส หรือใคร่ครวญทบทวนการปฏิบัติ
ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ เท่านั้นยังไม่พอ ต้อง ปฏิบัติถูก ปฏิบัติตรงด้วย
ปฏิบัติสองข้อนั้นได้ก็ดีมากๆแล้ว แต่ก็มีโอกาศหลุดล่วงถอยลงมาได้
แม้จะปฏิบัติอย่างนั้นมาถึงสามสิบกว่าปี ถ้าไม่ . . . . .
ปฏิบัติธรรมอันเป็นเครื่องออกจากทุกข์ เข้าสู่สัมมาปฏิบัติ อย่างที่ท่านว่าไว้ ว่า
สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า เป็นผู้ปฏิบัติดี
สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า เป็นผู้ปฏิบัติตรง
สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า เป็นผู้ปฏิบัติถึงความรู้ธรรม เป็นเครื่องออกจากทุกข์
สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า เป็นผู้เข้าถึงสัมมาปฏิบัติ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น