วันอาทิตย์ที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2560

21 พ.ค.60 เมตตาสมาธิ

การดึงเมตตามาทำสมาธิต้องอาศัยต้นทุนคือประสบการณ์ ดึงสภาวะความสุขจากการให้มาเป็นอารมณ์ ดังนั้นถ้าให้ได้บ่อย และมีความสุขในที่จะให้ มีความเคยชินที่จะให้ จะระลึกอารมณ์แบบนี้ได้ง่าย ความสงบเกิดได้ไว ขณะที่ถ้าเงื่อนไขมาก ให้ยาก ต้องแบบโน้น ต้องท่านี้ จะนึกอารมณ์แบบนี้ก็ยากตาม เป็นเหตุเป็นผลที่สมควรแก่กัน

---
Ek Pinkcow คำถามคือเราเห็นหรือสัมผัสความสุขในการให้นั้นแล้วหรือยัง? อาการที่เรียกว่าสุขนั้นคือแบบใด? ทุกคนเหมือนกันหรือไม่? เราจะสามารถจดจำอารมณ์นั้นจนนำมาเป็นสมาธิไหวรึเปล่า?
.
ถ้ายังไม่เห็นหรือรู้สึก จะดึงมาเป็นอารมณ์ทำสมาธิได้หรือไม่? หรือมีทางอื่นไหม? นั่นคือคำถามต่อเนื่อง

Nathakorn Buff คำตอบง่ายๆครับ.. ถ้าถาม..นั่นคือยังไม่เห็น.. อารมณ์เกิดด้วยอิทัปปจยตา กล่าวคือเกิดตามสภาวะธรรมชาติ กระทบสฬายตนะเกิดเป็นอารมณ์ขึ้นมาก่อนที่จะทันเกิดความคิดเสียอีก.. ถ้ามีคำถามที่จะเกิดได้จากการรับรู้สัมผัสเหล่านั้น.. ควรเป็นคำถามว่าสภาวะอารมณ์นี้คืออะไร? มากกว่าที่จะเป็นคำถามที่ย้อนจากปลายมาต้นแบบ "นี่คือความสุขหรือไม่?" เพราะนั้นหมายความว่าเราปรุงแต่งถึงคำว่าสุข ตามจินตนาการ ไม่ใช่จากการเห็นอารมณ์สุขจากการวิปัสนา


Ning Cholatit หนูว่าคำถามพี่เอกนำไปสู่การแยกระหว่าง สิ่งที่มีประโยชน์ กะสิ่งที่สมควรแก่ตนนะคะ แน่นอนว่าต้องเห็นความสัมพันธ์ระหว่างการให้และความสุขที่เกิดก่อน ถ้ายังไม่เห็น ก็ไม่มีอะไรเป็นสัญญาในการจะดึงขึ้นใช้ หรือเห็นแต่ไม่แม่น ไม่บ่อย นึกยาก วับๆ แวมๆ ไม่แน่ใจ ก็เอาสิ่งนี้มาเป็นอารมณ์ไม่ได้ แต่ทั้งนี้เหตุใกล้สมาธิก็คือความสุข ต่อให้การให้สำหรับคนๆ นั้นไม่สามารถทำให้ระลึกอารมณ์นี้ได้ชัด ก็ไปหาผัสสะอื่นที่ทำให้มีความสุขแบบไม่กระตุ้นกิเลส เป็นทางเข้าแทนก็ได้


Nathakorn Buff แรกๆจะเข้าด้วยแบบนั้นไปก่อนก็อาจจะได้ครับ แต่ที่รู้สึกว่าสำคัญจนต้องพูดถึงคือ.. เรามีคัมภีร์ คำสอนขั้นสูง หาอ่านได้ง่ายทั่วไป โดยไม่มีใครใส่ใจที่จะอธิบายถึงหลักเหตุหรือสภาวะพื้นฐานที่ต้อง "เห็น" จากกำลังของวิปัสนาเสียก่อน ถึงจะสามารถเข้าใจหลักหรือคำอธิบายของระดับถัดๆไปได้.. (เหมือนคนที่นอนฝัน ถ้าไม่ตื่น ความสามารถที่จะเข้าใจความเป็นจริงก็น้อย)

แล้วระหว่างทางไปก็จะผ่านขั้นตอนที่เห็นเอาเองอีกทีว่า... ดีและเลว ทุกข์หรือสุข มันคือแต่ละหน้าของเหรียญเดียวกัน เราเอากิเลสไปจับยึดแต่ละด้านของเหรียญเพื่อพยายามให้มันออกแต่หน้าที่เราชอบหรือหนีจากหน้าที่เราเกลียด... เพื่อที่จะพบว่ามันทำให้เกิดแรงตรงข้ามขึ้นอีกด้านของสิ่งที่เรายึดนั่นแหละ รอคิวที่จะถึงในวิบากถัดๆไป... โดยคนที่จะทราบหรือมองเห็น loop ต้องเห็นมันเอง โดยไม่เผลอยินดียินร้ายกับมันเสียก่อน


Nathakorn Buff Ek Pinkcow Ning Cholatit ขอโทษที เมื่อวานพิมพ์ไปทำงานไป มาดูอีกทีเพิ่งเห็นว่าประโยคมันตัดสลับกัน สงสัยมือไปโดน


Nathakorn Buff จุดที่จะพูดถึงหลักๆคือ.. ระวังในความสุข ความพอใจนั่นแหละ.. ต่อให้เกิดจากทานหรือการให้ แต่มันยังสามารถมีโลภะหรืออัตตาแฝงอยู่ (และส่วนใหญ่มีอยู่ไม่น้อยสำหรับสังคมแบบที่เราเป็น) ตัวนั้นเป็นตัวที่อันตรายกว่าตัวเลวเสียอีก ถ้ามองถึงปลายทางแบบพุทธของตัวเอง... ทั้งๆที่มันดีหมดจดงถ้ามองจากสายตาคนอื่นๆนี่แหละ


Ning Cholatit เออ ใช่ ก็ว่าลืมอะไรไป ขอบคุณค่ะพี่ (แม้ตัวเองจะโอกาสติดยากก็ตาม) ครูบาอาจารย์ว่าระวังติดเป็นเจ้าแม่กวนอิมยิ้มพริ้มทั้งวันก็ไปต่อไม่ได้ ^_^




Nathakorn Buff ตัวเองถ้ารู้จักมันแล้วอาจไม่ต้องระวังมาก.. แต่ระวังกลุ่มมิตรสหายที่นิยมตั้งทีม ติดทีมไว้ให้ดีเถิด.. ปฏิบัติไปไม่ต้องรอทีม.. ไม่ต้องรอคนมา validate ไปเรื่อยๆไม่รีบ ไม่แข่ง รู้เพราะถึงเวลา ไม่ได้รู้เพราะอยากก็พอแล้ว ถึงช้าก็ดีกว่าเร็วแล้ววนนะ :)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น