ทุกการปฏิบัติธรรมก็เพื่อไปดับสังขต (ความปรุงแต่ง)
ปรุงแต่งแปลว่าไม่จริง แต่มันทำงานอย่างนั้นได้อย่างไร
ทำไมปรุงเรื่องไม่จริงขึ้นมา
อวิชชามันต้องทำให้เชื่อให้ได้ก่อนว่า รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส ธรรมารมณ์มีตัวตน
มันไม่รู้ข้อนี้ว่า รูปมันไม่ใช่รูป
การประชุมของความปรุง ไมไ่ด้ปรุงข้อเดียว
ใช่เสียงหรือ
ใช่คำพูดหรือ
มันเป็นของว่างเปล่า
ปรุงแต่งว่ามีตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ มีจริงๆ
เวทนามีจริงๆ
ความจำมีจริงๆ
ความรับรู้มีจริงๆ
จึงขายขันธ์ 5 ได้ว่ามีจริงๆ
การปฏิบัติมันคือการดับเหตุแห่งทุกข์อยู่ในตัว
อานาปานสติ กำลังดับเหตุ และเดินมรรคอยู่ในตัว
พอไม่รู้ ว่าอายตนะ 6 ไม่ได้มีอยู่จริงๆ
เลยไปเชื่อว่าขันธ์ 5 ที่รับรู้ผ่านอายตนะ 6 นั้นมีจริงๆ ไปด้วย
เลยไม่รู้อีกว่า ความไปยึดในความไม่มีจริงๆ ของขันธ์ 5 นั้น เป็นทุกข์
ไม่รู้ในอริยสัจว่ามันล้วนเกิดจากเหตุปัจจัยแล้วมันก็แปรปรวน เวทนาก็ดี สัญญาก็ดี สังขารก็ดี
มันกำลังยึดกับตัวทุกข์ เพราะมันอยากให้เที่ยง อย่างให้ถาวร
กำลังหาความสุข
แต่ไม่รู้ว่าความสุขแท้จริงคืออะไร
ความสุขแท้จริงคือการไม่ปรุงแต่ง
กายไม่ได้ไปเอง
มันถูกความปรุงแต่งภายในผลักดัน
ที่ปรุงแต่งอยากได้บุญก็เพราะปรุงว่ามีตัวตนในร่างกาย
มีเราได้เวทนา
มีเรามีความจำ
มีเรามีความคิด
มีเราที่อยู่ในวิญญาน
มีเราเห็น
มีเราได้รับรส
มีเราได้กลิ่น
สังขาร = กิริยาที่ปรุงแต่งรูปให้สำเร็จว่าเป็นรูป
รูปก็เป็นสังขตธรรม อาศัยความเกิดแล้วก็อาศัยความเสื่อม
เพียงแต่ไปตั้งชื่อเรียกว่า อันนี้รูป อันนี้ัเวทนา
ขันธ์ 5 ว่างเปล่า เพราะไม่ได้มีตัวตนอยู่ข้างใน แล้วก็น้อมจิตไปสู่ความไม่ปรุงแต่ง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น