อุปมาเหมือน
คนจะเขียนจดหมายตอนกลางคืน
เปิดไฟ แล้วก็เขียนๆๆๆ
พอเขียนจดหมายเสร็จ ก็ปิดไฟ
เมื่อดับไฟ ตัวหนังสือในจดหมายก็ไม่ได้หายไปไหน
อุปมาเหมือน
คนจะเขียนจดหมายตอนกลางคืน
เปิดไฟ แล้วก็เขียนๆๆๆ
พอเขียนจดหมายเสร็จ ก็ปิดไฟ
เมื่อดับไฟ ตัวหนังสือในจดหมายก็ไม่ได้หายไปไหน
ถ้าบอกว่าเราตอนเด็ก กับเราตอนโตเป็นคนละคนกัน
ถ้าอย่างนั้น
ที่บอกว่าเป็นคนเดียวกันตั้งแต่เด็กจนโต
เพราะอาศัยกายเดียวกันนี้แหละ
เหมือนจุดตะเกียง มันย่อมสว่างตั้งแต่หัวค่ำยันรุ่งเช้า
ตะเกียงนี่เป็นอันเดียวกัน
แต่เปลวไฟตอนต้น ตอนกลาง ตอนปลาย ไม่ใช่อันเดียวกัน
เหมือนวิญญาณก่อนเกิดขึ้นแล้วดับไป วิญญาณใหม่เกิดขึ้น
วิญญาณก่อนก็สงเคราะห์ลงกับวิญญาณหลัง
เพราะธรรมมันสืบต่อกัน เกิดขึ้นแล้วดับไปสืบต่อกัน
จึงจะบอกว่าเป็นคนเดียวกันก็ไม่ได้ เป็นคนละคนก็ไม่ได้
***
เหมือนนมสด เมื่อตั้งไว้ ก็ค่อยๆ เปลี่ยนไป กลายเป็น นมส้ม - เนยใส - เปรียง
ถามว่า เป็นอันเดียวกัน หรือเป็นคนละอัน
จะบอกว่าเป็นอันเดียวกันก็ไม่ถูกแน่
แต่นมส้ม ก็อาศัยนมสด
อาศัยนมส้ม จึงเกิดเนยใส
อาศัยเนยใส จึงเกิดเปรียง
คือมันไม่ได้ตัดขาดแบบหายไปจากกันเลย แต่มันอาศัยกันเกิด
คือตามปรมัตถ์ มันเกิดดับขาดกันก็จริง แต่ต้องเข้าใจด้วยว่ามันต่อกันเป็นกระแสและอาศัยกัน
ไม่ใช่ว่าเกิด-ดับแล้วหายเงียบ ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับใคร
เพราะมันสืบเนื่องกันแบบนี้แหละ จะบอกว่าเป็นอันเดียวกันก็ไมได้ จะบอกว่าเป็นคนละอันก็ไม่ได้
ปมุขลกฺขโณ
กุศลทั้งปวง
ลักษณะของศรัทธา
ศรัทธาเมื่อเกิดขึ้น จะข่มนิวรณ์ไม่ให้เกิด
นิวรณ์บังสมาธิมี 5
นิวรณ์บังปัญญามี 1 อวิชชา
เคหสิตอุเบกขา
เห็นรูปแต่ไม่ล่วงเลยรูป
เฉยแบบไม่ล่วงเลยรูป ติดคาอยู่กับรูป
มีรูปเป็นอารมณ์ แต่ไม่เห็นความเป็นจริงของรูป
ไม่รู้ความเกิดความดับของรูป
เรียก อัญญาณอุเบกขา ไม่ยินดี ไม่ยินร้าย แต่หลง
เนกขัมมสิตอุเบกขา
อุเบกขาเกิดขึ้นแก่ผู้ซึ่่งเห็นความไม่เที่ยง
เห็นความแปรปรวนของรูปทั้งหลาย
มีรูปเป็นอารมณ์ แล้วปล่อยรูปไป
อาศัยเรือน คืออาศัยกามคุณ
อาศัยเนกขัมมะ คือ อาศัยวิปัสสนา
ตรงนี้ เอามาจาก "พึงทราบ"
พึงทราบ คือพึงทราบด้วยวิปัสสนาและมรรค
มโนปวิจาร 18
ทวาร 6 และเวทนา 3
แปลโดยคำศัพท์ หมายถึง ความหมุนเวียนไปของใจ
มน ตรงนี้ ใช้คำว่่า ใจ แต่ไม่ได้หมายถึงใจ หมายถึง วิตก
โดยสภาวะหมายถึง วิตก และวิจาร
วิตกกับวิจารนี่เรียกว่าเป็นเท้าของโลก เที่ยวไปเรื่อย
จิตเกิด-ดับ เรียก 1 ขณะจิต
ใน 1 ขณะ แบ่งเป็ฯ 3 อนุขณะ
รูป 1 รูป มีอายุ 17 ขณะจิต
อุปาทักขณะของรูป เท่ากับอุปาทักขณะของจิต
ภังคักขณะของรูป เท่ากับภังคักขณะของจิต
ช่วงตรงกลาง คือ ฐีติขณะของรูป
กัมมชรูปนั้น เกิดขึ้นทุกๆ อนุขณะจิต
กัมมชรูปที่เกิดที่อุปาทักขณะของปฏิสนธิจิต จะไปดับที่ภังคักขณะของจิตดวงที่ 17
กัมมชรูปที่เกิดที่ฐีติขณะของปฏิสนธิจิต จะไปดับที่อุปาทักขณะของจิตดวงที่ 18
กัมมชรูปที่เกิดที่ภังคักขณะของปฏิสนธิจิต จะไปดับที่ฐีติขณะของจิตดวงที่ 18
สังเกตจากการอธิบายอย่างนี้ แปลว่า ภังคักขณะของจิตดวงก่อนหน้า ไม่ใช่เวลาเดียวกันกับอุปาทักขณะของจิตดวงถัดไป แต่มีความห่างของช่วงระยะเวลา ซึ่งเท่ากับ 1 อนุขณะ
จากการอธิบายเรื่องอายุรูป จึงย้อนกลับมาได้ว่า จิตเกิด-ดับ ด้วยความถี่เท่ากัน
จิตชรูป เกิดทุกๆ อุปาทักขณะ
อาหารชรูป เกิดก็ต่อเมื่อได้สารอาหาร และไปบำรุงรูปทุกอนุขณะจิต
รูปทุกรูปในฐีติขณะสร้าง อุตุชรูป หมดเลย
กัมมปัจจยอุตุชรูป คือ อุตุชรูปที่เกิดที่ฐีติขณะของรูปที่เกิดจากรรมเป็นปัจจัย
จิตตปัจจยะอุตุชรูป คือ อุตุชรูปที่เกิดที่ฐีติขณะของรูปที่เกิดจาจิตเป็นปัจจัย
อุตุปัจจยะอุตุชรูป คือ อุตุชรูปที่เกิดที่ฐีติขณะของรูปที่เกิดจาอุตุเป็นปัจจัย
อาหารปัจจยะอุตุชรูป คือ อุตุชรูปที่เกิดที่ฐีติขณะของรูปที่เกิดจาอาหารเป็นปัจจัย