วันอังคารที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2556

23 เม.ย.56

ในตอนแรกที่อ่าน saint young men ก็รู้สึกว่ามันเป็นการ์ตูนเรื่องหนึ่งที่ให้ความบันเทิงดี แต่ลึกๆ ก็คิดว่ามันไม่ได้มีข้อเสียหายสำหรับตัวเอง และก็สงสัยอยู่ว่าจริงๆ แล้วมันมีข้อสงสัยสำหรับสังคมอยู่หรือเปล่า หรือว่ามันทำให้จิตใจหยาบกระด้างไปอย่างไรหรือเปล่า คือนึกไม่ออกถึงผลเสียของมัน จึงตั้งมันไว้ในฐานะ question mark

วันนี้ได้ฟังแง่มุมจากพี่พ.ก็พอจะได้ข้อเสียมาอย่างหนึ่งซึ่งชัดเจนว่า มันทำให้จิตใจ "ฟุ้งซ่าน"

ด้วยส่วนตัวตอนนี้ยังคิดหาเหตุผลไม่ออกถึงข้อที่จะคัดค้านไม่ให้มันออกสู่สังคม ในกรณีที่เรามีอำนาจน่ะนะ แต่อย่างไรก็ตาม ที่ชัดเจนคือผู้เขียนไม่ใช่ผู้ที่ศึกษาธรรมวินัย จะรู้ก็เพียงในกรอบรูปธรรมที่เห็นกันโดยทั่วไปผิวเผิน และหยิบยกมาแซวได้อย่างขำขัน ยังไม่มีความละเอียดในแง่ที่แสดงออกถึงความซาบซึ้ง ความประจักษ์ในธรรม ซึ่งสิ่งที่มืดบอดเช่นนี้ แม้จะยังไม่แสดงตัวออกมา แต่ด้วยเนื้อหาบทตอนที่เพิ่มมากขึ้นสักวันย่อมต้องมีออกมาจนได้ด้วยเหตุแห่งความที่ไม่รู้

ถ้าหากว่าการ์ตูนล้อเลียนลักษณะเดียวกันนี้ออกมาจากผู้มีความเห็นอันตรงแล้ว นั่นคงจะเป็นสิ่งที่งดงาม และวิเศษเป็นอย่างยิ่ง น่าคิดตรงว่า ในความงดงามอันปราณีตนั้น อารมณ์ขันไม่น่าจะอยู่ในขั้นหยาบลักษณะนี้ แม้มีอารมณ์ขันก็จะเป็นไปในทางอันละเอียดอันก่อให้เกิดปีติหล่อเลี้ยง และเพิ่มพูนทั้งศรัทธาและปัญญา เป็นอารมณ์ขันอันมีความโน้มน้อมพาเข้าสู่กระแสธรรม ไม่น่าเกิดขึ้นเป็นก้อนหยาบๆ ลอยๆ ฮาก๊ากแล้วจบ

--------------------------------------
เวลาถามคำถามอะไรใครไป
บางทีก็ไม่ได้ใส่ใจว่าเขาจะตอบเราได้หรือไม่ได้
หลายครั้งที่ถามพี่พ.เธอก็ใช่ว่าจักรู้ทุกสิ่ง
แต่สิ่งที่เธอธรรมคือ วกเข้าสู่แกนหลัก ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ดี และข้าพเจ้าก็มีศรัทธาที่จะฟัง แม้จะฟังมาแล้วหลายครั้ง ก็ยังรู้สึกว่าเป็นสิ่งงดงามที่น่าเน้นย้ำ และแต่ละครั้งก็จะจับสิ่งต่างๆ ได้ต่างๆ กันไป

วันอาทิตย์ที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2556

คัดลอกจากหนังสือหลวงปู่หล้า


·       การที่พระคุณเจ้าพาสามเณรผ่านมาพักที่บ้านและวัดป่าของพวกข้าพเจ้าโดยมิได้นัดหมาย เป็นของทิพย์มาเองโดยสุภาพ นับว่าเป็นบุญอันล้นเหลือแล้วละ แต่ความประสงค์ของพระคุณเจ้าจะต่อไปในทิศใดๆ ก็ยังไม่ทราบได้ ถ้าหากว่าต้องการพักปฏิบัติอยู่นี้จนกระทั่งพวกกระผมสิ้นลมปราณจนตราบใดๆ ก็ดี พวกกระผมก็จะตั้งใจปฏิบัติ ตามสติกำลังอยู่ตราบนั้น หรือหากว่าจะพักอยู่ต่ำกว่านั้นลงมาก็มอบให้เป็นสิทธิของพระคุณเจ้า แต่ถ้าจะไปวันไหนเดือนไหนปีไหนก็จะตามส่งตามสติกำลังไม่ทอดธุระทั้งจะอยู่และจะไป ขอให้พระคุณเจ้าเป็นหัวหน้าในทางที่เป็นธรรมอันสะดวกต่อข้อวัตรปฏิบัติของพระคุณเจ้าเท่านั้นเป็นเกณฑ์ พวกกระผมมีหน้าที่ปฏิบัติตามไม่แซงออกหน้า (31)

·       กระผมมาไม่ได้เหตุไม่ได้ผลอะไร มาให้พระอาจารย์ยุ่งยากด้วย น่าละอายเทวดามากขอรับ และกระผมเริ่มออกจากอุดรฯ มาก็ได้ตั้งใจไว้ว่าจะเดินด้วยฝีเท้า ไม่ขึ้นรถเรือใด ถ้าคำตั้งในนี้ล้มเหลว ก็เรางว่าจะไม่ปลอดภัยแก่กระผมในอนาคต จะอย่างไรก็ฝากฝังชีวิตกับพุทธ ธรรม สงฆ์ ผูกขาดจองขาด เลือดทุกหยดจะถวายบูชาต่อพุทธ ธรรม สงฆ์นั่นแหละขอรับ คงจะไม่เป็นวาจามุทะลุหรือประการใด (37)

·       ขอมอบกายถวายชีวิตต่อพระอาจารย์ ผูกขาดทุกลมปราณ ตลอดทั้งคณะสงฆ์ในที่นี้ทุกๆ องค์ด้วย ข้าน้อยว่าจะมาแต่ปีกลายนี้ แต่ท่านเจ้าคุณเทพกวีบอกว่าให้ไปหัดภาวนากับหลวงพ่อบุญมีวัดป่าหนองน้ำเค็มเสียก่อนในปีนี้
·       อดีตอนาคตทางพระพุทธศาสนา ไม่ใช่ว่าจะเป็นของไม่มีค่าเหลิงเจิ้งไปหมดโดยส่วนเดียว อดีตที่เป็นประโยชน์ก็จะได้เอามามาเป็นเยี่ยงอย่างในทางดี ที่ไม่เป็นประโยชน์ก็จะได้เข็ดหลาบเว้น แม้อนาคตที่ตั้งสัตย์ไว้สิ่งที่เป็นประโยชน์ก็จะได้เตรียมรักษาไว้ สิ่งที่ไม่เป็นประดยชน์ก็จะได้เว้น เช่น เราเดินทางแม้ขาเราจะยังไม่ก้าวไปถึงก็ตาม ก็ต้องเป็นที่จะก้าวที่จะเหยียบล่วงหน้าก่อนก้าวไป ผู้ปฏิบัติธรรม เพื่อหลุดพ้นจากความหลงและความเข้าในผิดอันมึนงงไม่โยงอดีต อนาคตเป็นพยานกันในปัจจุบันพลันด่วนให้ชัดแจ้ง แม้จะมีนิสัยวาสนาเป็นสุกขวิปัสสโกก็ตาม ก็ต้องบริบูรณ์ด้วยญาณสาม ยกอุทาหรณ์เช่น เห็นไตรลักษณ์ในปัจจุบันชัด ไตรลักษณ์ในอดีต อนาคตก็มาเป็นพยานกันเสมอภาค เมื่อมีพยานสองปาก มิใช่พยานเท็จ พยานปัจจุบันก็ตัดสินพร้อมทั้งเป็นพยานเพิ่มเข้าอีกอยู่ในตัว (106)

·       ไม่ว่าธรรมส่วนใดถ้าสำคัญตนว่าเสวยเป็นอันผิดทั้งนั้น
·       หลักพิสูจน์ของการปฏิบัติก็มีอยู่ว่าสิ่งใดที่เป็นการส่งเสริมให้กิเลสมากขึ้นสิ่งนั้นไม่ถูก ถ้าประพฤติถูกกิเลสก็ห้ามล้อหรือเบาลงหรือเหือดแห้งหายขาดไป ผลรายรับต้องปรากฏอย่างนี้แก่ผู้ปฏิบัติขณะที่ทวนดูตนดูใจ

วันพฤหัสบดีที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2556

18 เม.ย.56

ทึ่งแหว๋
นั่งเล่นเก้าอี้ล้อเลื่อนไปมา ร่วงตกพื้นอย่างสวยงาม
รีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็วแล้วบอก "ไม่เป็นไรๆ เจ็บนิดหน่อย"
-----------------------

หลายวันนี้มีข้อมูลฟุ้งซ่านลอยไปๆ มาๆ เต็มหัว
ยิ่งนอนมาก ยิ่งฟุ้งซ่านมาก นอนคิดเรื่อยเปื่อย เพลิน
ง่วงบ้างลุกขึ้นมาขยับแข้งขาดีกว่า (น่าจะ)
-----------------------

พากย์ตัวเองเป็นอย่างหนึ่งว่า
ไม่ใช่ผู้ที่ยินดีในการจะอยู่
แต่ก็ไม่ใช่ผู้ที่พร้อมในการจะไป
ยังติดในอะไรก็ไม่รู้ ไม่ชัดเจน อาจจะเป็นความกลัว
กลัวการเปลี่ยนแปลง
กลัวการไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวก
หรือเหล่านี้เป็นเพียงดราม่า?
-----------------------

สิ่งที่เสียใจจากนายเมื่อวันก่อนจนรู้สึกว่าไม่น่าจะกลับไปพูดจาด้วยท่าทีปกติ
แต่จนแล้วจนรอด เมื่อเวลาผ่านไป
อะไรบางอย่างก็กลับมา "เพลิดเพลิน" เหมือนเดิม
แล้วก็เหมือนจะรู้ว่า เมื่อความเพลินได้ที่แล้ว
สักวัน เมื่อเผลอ มันจะเหยียบย่ำให้จมดินลงไปอีกครั้ง

วันอังคารที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2556

คั่งค้าง 10 เม.ย.56

เวลาเจอคำพูดแรงๆ จากนายจะมีปฏิกิริยานิ่งไป ด้วยเสียใจมาก เห็นอย่างชัดเจนว่าสติสามารถกู้ได้ฉับพลัน แต่แค่ฉับพลันเท่านั้นจริงๆ มันมักจะรอดตายในรอบแรก แต่รอบสองมักจะไม่ค่อยรอด ถึงจะหลงไปไม่นานเท่าไรในแต่ละรอบ แต่เห็นเงารางๆ ว่าอนุสัยมันสั่งสมลงเลย

มันจะหลีกเลี่ยงในการเข้าหาผัสสะอย่างชัดเจน มันไม่ไว้ใจสิ่งที่ทำให้มันบาดเจ็บ หลีกเลี่ยงการปฏิสัมพันธ์ด้วย และไ่ม่สามารถวางใจให้สนิทชิดเชื้อได้ดังเดิม

มาดูกันว่าอะไรเกิดขึ้น .... เท่าที่เห็นได้ก็คือ

  • มันรักตัวเอง และกำลังป้องกันตัวเองแล้ว
  • การหลบเลี่ยงแบบนี้ไม่ทำให้เกิดการเรียนรู้อย่างสร้างสรรค์ทั้งสองฝ่าย ซึ่งก็เริ่มเห็นว่าเป็นวัฏฏะที่ไม่เป็นประโยชน์อีกต่อไป แต่ยังทำอะไรไม่ได้ (ทำไม) ไม่รู้ขาดอะไรไป เหมือนไม่มีเหตุให้ทำเรื่องดีๆ ไม่มีแรงส่ง หรือไม่มีสิ่งแวดล้อม หรือไม่มีอะไรก็ไม่รู้
สองสามวันนี้มีสภาวะ "คันใจ" ไม่รู้ทำไม ดูมันอยากอะไรแบบไม่รู้เรื่อง อยากทำในสิ่งไม่มีประโยชน์ เป็นภาวะที่ทุกข์เอาเรื่องทีเีดียว

วันอาทิตย์ที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2556

นิดๆ หน่อยๆ วันนี้ 7 เม.ย.56

เดินผ่านงานแสดงอักษรท่านติช

  • You are therefore I am
  • Breath and you are home
  • 我已到了,已到家了
นิดๆ หน่อยๆ ที่ไม่เกี่ยวกับท่านติช
  • อวิชชาปัจจยาสังขารา แปลแบบปัญญาบ้านๆ ว่า "มึงถูกหลอกแล้ว" 5555

วันศุกร์ที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2556

เก็บคำเก็บความ - DMG ลพ.อำนาจ

สมาธิภาวนาเราต้องทำไปเพื่ออะไร?

อ่ะลอง พุทโธ พุทโธ พุทโธ พุทโธ พุทโธ สักห้าครั้ง
มันจะไปโกรธใครได้มั้ย ใจมันก็ปกติเห็นมั้ย ถ้าเราไม่ทำสมาธิด้วยความโลภ
ลองคิดถึงชื่อนายก, ชื่อพี่นายก, พุทโธๆๆ ห้าครั้ง เห็นมันหายไปไหม เห็นมันดับไปไหม

แต่ละวันเรารับข้อมูลข่าวสารตั้งเท่าไร
ตากระทบรูป หูกระทบเสียง เก็บเอามาเป็นความจำ
จากความจำก็เอามาคิด
จำมาตั้งแต่เด็ก คิดมาตั้งแต่เด็ก แล้วมันจะเป็นอย่างนี้ไปตลอดทั้งชาติมั้ย?
มันก็จะเป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ นั่นแหละ
หลีกหนีไปไหนได้ไหม?
ไม่ได้หรอก

แล้วเอาความจำมาคิดๆ อะไรเกิดขึ้น?
เกิดความชอบไม่ชอบ
สลับวนเวียนกันอยู่อย่างนี้
เราจะต้องสั่นไหวไปกับความกระเพื่อมขึ้นลงอย่างนี้ไปทั้งชาติหรือ

การภาวนาก็เลยทำไปเพื่อให้รู้ว่าไอ้ที่เป็นอย่างนี้มันมีเหตุนะ
มันเป็นธรรมดาของมันอย่างนั้นนะ
เมื่อเห็นใหม่ จำใหม่ ก็คิดใหม่ ไอ้ชอบไม่ชอบมันก็เปลี่ยนแปลงไป
เป็นการเข้ามาเรียนรู้ก่อน เข้ามาเตรียมพร้อม
ว่าถ้าหากเราไปเห็นอะไร เราจะได้ระลึกได้ว่ามันเป็นอะไร
เรียกว่ามันเกิดสติขึ้น

อย่างเราคิดดี อารมณ์เราก็ดี หน้าตาเราก็ดี
คิดไม่ดี หน้าตาก็ดูไม่ได้ อารมณ์ก็ไม่ดี
กลับกัน ตอนนี้อารมณ์ไม่ดี ก็สาวไปหาเหตุได้ว่า อ่อ ก็คิดไม่ดีอยู่น่ะสิ
ตอนนี้อารมณ์ดีแจ่มใสเบิกบาน ก็สาวไปถึงเหตุได้ว่า อ่อ เพราะมันคิดดีอยู่นั่นเอง
มันเชื่อมเหตุเชื่อมผลได้เช่นนี้บ่อยๆ ก็จะเกิดเป็นความจำที่ถูก
หาเหตุหาผลที่มาที่ไป ไอ้สิ่งอะไรที่มันส่วนเกินไม่จำเป็นเช่นความโกรธอะไรนี้มันจะสลัดทิ้งไปอัตโนมัติ
เพราะไม่รู้จะทำไปทำอะไร

หลวงพ่อชวนคนอธิษฐานไม่โกรธตลอดชีวิต
ไอ้การอธิษฐานนี่มันประกอบไปด้วย 4 องค์ประกอบนะ
  1. อย่างแรกคือปัญญา คือมันเห็นประโยชน์ของความไม่โกรธ และมันเห็นโทษของความโกรธ มันจึงรู้ว่าอะไรที่ควรทำ อะไรที่ไม่ควรทำ
  2. อย่างที่สองคือ สัจจะ เมื่อเห็นอย่างนั้นจึงตั้งใจเอาไว้ว่า จะไม่โกรธนะ
  3. อย่างที่สามคือ จาคะ แต่ถ้าเผลอโกรธ หงุดหงิดขึ้นมา ก็จะรีบสละทิ้งทันที ไม่เก็บเอาไว้ ให้รำคาญใจ
  4. อย่างที่สี่คือ อุปสมะ นั่นคือ เพียรรักษาใจอันปกติที่ไม่โกรธเอาไว้
อย่างเราเป็นคนธรรมดานะ ลองคิดแบบพระโสดาบัณก็ได้
ไม่เกี่ยวกับว่าเราเป็นหรือไม่เป็นนะ แค่ลองคิดแบบท่าน ลองดูสักสามเดือนก็จะรู้ว่าชีวิตเปลี่ยนมหาศาล
พระโสดาบัณเขาคิดอย่างนี้นะ
  1. เขาคิดแบบเห็นอกเห็นใจผู้อื่น และ
  2. เขาไม่คิดว่าความทุกข์นั้นเกิดจากผู้อื่นทำ (รวมทั้งไม่คิดว่าเกิดจากเราทำเอง)
ในเรื่องการเห็นอกเห็นใจ มุมมองมองโลกในแง่ดี แบ่งปันกัน จิตใจอันละเมียดละไมมันมีอยู่แล้วไม่ได้หายไปไหน ไอ้เรื่องราวพวกแรงบันดาลใจให้เก็บใส่ในคอลเล็กชั่นเอาไว้เรย อย่างหลวงพ่องี้มีคอลเล็กชั่นเรื่องเหล่านี้เยอะแยะไปหมดเลย เป็นสิ่งที่ได้ยินได้ฟังแล้ว โอ้โห มันช่างเป็นจิตใจที่ยิ่งใหญ่ ละเอียดอ่อน อ่อนโยนอะไรขนาดนี้นะ ลองคิดดุสิ ถ้าเราได้ยินได้ฟังเรื่องนี้ ความจำมันก็จะเป็นเรื่องดีๆ ความคิดก็จะเป็นเรื่องดีๆ การกระทำเราก็จะเป็นเรื่องดีๆ แล้วก็เล่าต่อบอกต่อเป็นเรื่องดีๆ จากเล็กมันก็จะขยายสู่มหภาค เราอย่าคิดว่าเราทำอะไรไม่มีผลกระทบต่อคนอืนนะ มันมี ในรุปแบบที่เราคาดไม่ถึงเลยล่ะ