"เรา"
"เราคิด"
ภาวะอุปาทาน ความรู้สึกเหมือนจะเป็น condense แน่นอยู่บริเวณกลางอก ลมหายใจขัด
เมื่อสวดมนต์พระปริตรตามที่อธิษฐานในพรรษา สวดไปก็ยิ้มไปจนปากเมื่อย จนในใจเฉยไปแล้วหน้าก็ยังยิ้มอยู่ สักพักก็กลายสลับสะอึกสะอื้น ตารื้นๆ รู้สึกเหมือนจะขนลุกอยู่ตลอดเวลาแต่ก้มดูก็ไม่มีอะไร
ต่อด้วยฟังลพ.อำนาจสอนนั่งสมาธิ จึงได้ตามเห็นว่า ความสั่นไหวที่รู้สึกโปร่งๆ ตามร่างกายนั้นเรียกว่าภวังค์ "ภวังคุบาท"
เริ่มจากฉากหลังอันโปร่งๆ กว้างขวาง (ถ้าปล่อยทิ้งไปอาจจะไหลเป็นหลับเพราะไม่มีอะไรจะรู้ได้)
จึงไปจับที่ลมหายใจให้เป็นราวเกาะ (เป็นข้อสังเกตุว่าไม่ใช่อยู่ๆ ไปเริ่มทีลมหายใจ แต่ให้เริ่มจากความยิ่งใหญ่ แล้วค่อยเปลี่ยนไปลมหายใจ)
จับลมไปสักพัก ตามมันไปเรื่อย ถึงไหนก็ถึงนั่น สั้นก็สั้น ยาวก็ยาว จิตนิ่งอยู่กับลมหายใจมากยิ่งขึ้น
สักพักเริ่มละ ลมหายใจ แต่ก็คันซะก่อนไปเกา ก็มาเกาะลมหายใจใหม่
ท่านว่า ความคิดอาจมีผุดขึ้นได้เป็นประปราย แต่จิตไม่ได้สนใจมันอีกต่อไป นี่คือจิตหนึ่ง เอกคตา ความคิดที่เกิดมันไม่กินพื้นที่อีกต่อไป "นี่คือความคิด" ที่ไม่ใช่ "เราคิด" เห็นแล้วก็ดับ เป็นอุปจาระ ภวังคจลน ที่เดินสำหรับวิปัสสนาก็คือตรงนี้อย่างนี้
ที่ที่ไม่มี "เราคิด" จะไม่มีพื้นที่สำหรับ "เราสงสัย" ความรู้เป็นไปโดยรอบ "เรา" เป็นเงาที่ทำให้ดูไม่ได้โดยรอบ ไม่เหลือความสงสัยว่าถึงไหน ใช่เหรอ อันนี้ใช่อันนี้รึป่าว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น