วันจันทร์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2559

31 ต.ค. 59

กิจการงานบางอย่างที่ทำไปด้วยความสุขความสบายใจ เพื่อผลอันดีงามบางอย่าง

แค่ลองสมมติสถานการณ์ worst case เท่านั้นล่ะ

หางนางจิ้งจอกตัณหาก็โผล่ชัดๆ เลย

น่าเอ็นดูจริงๆ เล้ย

วันศุกร์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2559

รายละเอียดสติ/ปัญญา



"ใหม่ๆ ไม่โลภ ภาวนาง่าย! ... นานๆ โลภ ภาวนายาก!"คุณประสาน พุทธกุลสมศิริ คอร์สรินรสธรรม 12 ส.ค.2559

คนเรานะมีศีลก็มีคุณค่าแล้วล่ะ

รายละเอียดสติ/ปัญญา



"ใหม่ๆ ไม่โลภ ภาวนาง่าย! ... นานๆ โลภ ภาวนายาก!"คุณประสาน พุทธกุลสมศิริ คอร์สรินรสธรรม 12 ส.ค.2559

คนเรานะมีศีลก็มีคุณค่าแล้วล่ะ

วันพุธที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2559

สมาธิแบบนกบิน

เปรียบการฝึกสมาธิแบบนกบิน
การระลึกนึกถึงภาพพระหรือคำภาวนาเปรียบเหมือนนกที่ต้องกระพือปีกในช่วงแรก แต่พอบินไปถึงจุดพอดีของมันแล้ว ทีนี้ก็ไม่ต้องกระพือต่อ แค่ปรับทิศทางที่เราต้องการก็พอครับ แต่พอตกลงมาเกินระดับพอดีค่อยกระพือใหม่ครับ
...................................................
มีน้องชายที่น่ารักข้อความมาถามเกี่ยวกับพุทธานุสติคืออะไรและฝึกอย่างไร
พุทธานุสติ หมายถึงการระลึกถึงพระพุทธเจ้าเป็นอารมณ์เพื่อให้เกิดสมาธิครับ
ส่วนใหญ่จะนึกถึงภาพพระพุทธรูปที่เรารู้สึกสบายใจเมื่อนึกเห็น หรือเจริญภาวนาตามจังหวะลมหายใจเข้าและออก
ในภาคปฏิบัติสุดท้ายคือเพื่อให้กายจิตรวมเป็นหนึ่งเกิดเป็นสภาวะสุขสงบ เบาสบาย อิ่มใจขึ้นมา
ฝึกนึกเห็นพระบ่อยๆ พอใจสงบเป็นสมาธิมากบางช่วงจะไม่เห็นภาพแล้วนะครับ แต่นั่นไม่ใช่ผิดนะครับ จิตเป็นสมาธิแน่วแน่ขึ้นบางทีก็ไม่เห็นครับแต่จะเกิดความรู้สึก สว่างและสุขสงบขึ้นมาในใจแทน ครับ
ความรู้สึก สว่างและสุขสงบเป็นอารมณ์เดียวกับที่บางท่านฝึกมวยหรือฝึกศิลปะแต่ละแขนงที่ถึงระดับที่คนทั่วไปมักเรียกว่าจิตเป็นสมาธินั่นแหละครับ
การระลึกนึกถึงภาพพระหรือคำภาวนาเปรียบเหมือนนกที่ต้องกระพือปีกในช่วงแรก แต่พอบินไปถึงจุดพอดีของมันแล้ว
(คือสภาวะสุขสงบสมดุล สว่างว่าง เบาสบายเกิดตัวรู้คือปัญญาวิมุติและเจโตวิมุติผุดขึ้นมา คือความสุขสงบที่เลยขั้นสุขสงบพื้นฐานไปแล้ว)
ทีนี้ก็ไม่ต้องกระพือปีกต่อ แค่ปรับทิศทางที่เราต้องการก็พอครับ แต่พอตกลงมาเกินระดับพอดีค่อยกระพือใหม่ครับ

เก็บของตอนที่ 6


the more you think the more วัฏฏะ
ขยัน แปลว่า ดีดความคิด
คนขยัน คือ คนที่คิดเรื่องเดียว แล้วดีดสิ่งที่ไม่ใช่ออกไป
วิริยะ ตรงข้ามกับ วิจิกิจฉา (ความคิดจรที่วิ่งเข้ามา อะไร ทำไม ยังไง ปสด.กับ information)
compassion = รักด้วยสติและปัญญา

วันจันทร์ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2559

รายละเอียดในการสอน

....ครูบาอาจารย์เวลาสอน ไม่ได้ใช้แค่คำพูด เวลาสอนจิตของท่านต้องทรงพลัง ต้องมีสมาธิเวลาสอน หลังจากสอนก็เหนื่อย เหนื่อยเพราะสมาธิที่ทำมันต้องใช้ไป...
...สอนเสร็จลิ้นห้อย กระดาษตกแผ่นนึงยังไม่มีแรงหยิบเลย มีความรู้สึกว่าเหนื่อยมากอะไรก็ไม่อยากทำแล้ว...
จิตผู้สอนเข้าใจในสิ่งนั้น
ผู้สอนมีความปรารถนาดีกับผู้เรียน อยากให้ผู้เรียนเข้าใจ
ผู้เรียนมีศีล
ผู้เรียนมีใจที่ดีพอจะรองรับ
---
ยิงด้วยคำถามเท่ๆ หรูๆ เป็นกับดัก ยิงให้โดน
ห้ามแนะนำ ห้ามสอน ให้คิดได้เอง (ข้อมูลเยอะ รีบร้อนสอน จบกัน)
หลอกให้เรียนรู้โดยไม่สอนตรงๆ
พยายามจะ right at the first time ผลคือ always fail
ยังไม่ได้ลงมือทำแล้วยกมือถามเรียกว่า “ไอ้โง่”
อะไรที่คุณบอก เขาจะไม่ทำ
วิธีสอนตรง – ผู้เรียนต้องศรัทธาและฉลาดมากๆ
Coach – สำหรับผู้เรียนที่กระจอกลงมา เรียกมานั่ง “ชม” “คุย” “ถาม” รู้สึกยังไง เป็นยังไง เกิดมาทำซากอะไร ตั้งคำถามหลอกล่อให้เปิดศักยภาพ ชวนให้ไปหาทางเลือก
Mentor – สำหรับผู้เรียนที่ห่วยเข้าไปอีก เล่านิทานให้ฟัง กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วววว...ใครสักคนนึง...ทำอย่างนู้นอย่างนี้ อ้อ กำลังพูดถึงเราใช่มั้ย เออ มึงแหละ
Facilitator – กากสุดๆ กับดัก 36 หลุม หลอกให้เรียนโดยไม่สอนตรงๆ

ถ้ายังเอาไม่อยู่ก็ปล่อยเห๊อะ

วันพฤหัสบดีที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2559

ตัวอย่างการคุยกับเจ้ากรรม

บุญใดที่ข้าพเจ้าได้ทำมาและกำลังทำ
ขอท่านมาร่วมอนุโมทนาและได้ถึงซึ่งบุญนั้นด้วยเพื่อจะได้ไม่มีเวรกรรมกันต่อไป

ขอบุญบารมีใดๆที่ข้าพเจ้าได้ทำมาจงถึงแก่ท่านเหล่านั้น
เพื่อความชุ่มเย็นแก่จิตวิญญาณที่ร้อนรุ่ม
และเพื่อความอบอุ่นแก่จิตวิญญาณที่หนาวเหน็บ

ตอนนี้ ทั้งประเทศกำลังร่วมคิด ร่วมทำความดีเพื่อพ่อหลวงซึ่งเป็นกุศลยิ่งใหญ่
ขอท่านเหล่านั้นมาร่วมด้วยใจกุศลเถิด

วันเสาร์ที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2559

กษัตริย์เขาเป็นกันอย่างนี้

คนอื่นอาจไม่สงสัย แต่ผมสงสัย
ว่าเหตุใดวันธรรมดาของพระเจ้าอยู่หัว
จึงเป็นประสบการณ์ที่ยิ่งใหญ่สำหรับคนไทยทั้งแผ่นดิน
เหตุใดคนไทยยังเทิดสถาบันกษัตริย์ไว้ในที่สูงเหนือการแตะต้อง
และเหตุใดความรู้สึกของมหาชน
จึงรวมศูนย์ไปอยู่ที่บุคคลเพียงคนเดียว
ได้อย่างพร้อมเพรียงไม่แตกแถว
ผมอยากทำความเข้าใจ
ว่าทำไมแค่เห็นก็นึกอยากเสียสละทุกสิ่งเพื่อพระองค์ท่าน
และที่สำคัญ เพราะอะไรราชวงศ์ในโลกยังมีอยู่หลายประเทศ
แต่ความภูมิใจของพสกนิกร
ที่มีต่อองค์พระประมุขของตนจึงไม่เท่าเทียมกัน
ถึงวันนี้คิดว่ามีคำตอบให้ตัวเอง
รัศมีแห่งองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช
ที่ฉายออกมาให้สัมผัสด้วยใจนั้น
คือหลักฐานแห่งการุณยภาพอันยิ่งใหญ่เหนือมนุษย์
ไม่จำเป็นต้องเห็นว่าพระองค์ท่าน
เคยบำเพ็ญพระราชกรณียกิจไว้แค่ไหน ณ แห่งหนตำบลใดบ้าง
ใครๆก็ต้องเชื่อว่าพระองค์ท่าน
มีพระชนม์ชีพเพื่อคนอื่นมานานแสนนาน
กระแสดึงดูดให้รู้สึกรัก รู้สึกศรัทธาท่วมท้น
มิได้หลั่งมาจากฟากสวรรค์
มิใช่ลอยมาจากการที่มนุษย์อุปโลกน์มนุษย์ด้วยกัน
ให้เป็นองค์สมมติเทพ
ทว่าเป็นผลธรรมดามาจากปัจจุบันกรรม
อันสมควรแก่การเป็นกษัตริย์อย่างแท้จริงของพระองค์ท่านเอง
ถ้าใครศึกษาพระไตรปิฎกแล้วสงสัยว่า
การบำเพ็ญบารมีแห่งมหาโพธิสัตว์
ผู้ควรแก่การบรรลุพระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ
ในอนาคตกาลเป็นอย่างไร
ให้มาดูมหาทานแห่งองค์รัชกาลที่ ๙ นี้ แล้วจะเข้าใจ
และจะเชื่อว่าพระโพธิสัตว์มิใช่เป็นเพียงตำนานเล่าขาน
แต่มีจริง และพวกเราก็เกิดทันยุคของพระองค์ท่าน!
รากอันเป็นที่สุดของกษัตริย์คือ
เมตตาการุณยจิตอันปราศจากประมาณ
พูดให้ง่ายคือชอบช่วยคนไม่เลือกหน้า
โลกจึงมีตำแหน่งกษัตริย์เป็นฐานหนุนให้ได้ทำตามปรารถนา
และปัจจุบันระบอบการปกครองของไทย
ก็เอื้ออำนวยให้กษัตริย์ออกโปรดราษฎรได้เต็มที่
เนื่องจากมีรัฐบาลและข้าราชการดูแลบริหารบ้านเมือง
ตัดสินคดีความต่างๆให้ โดยพระองค์ไม่ต้องลำบากพระวรกาย
ไม่ต้องลำบากพระทัยเหมือนกษัตริย์ยุคโบราณ
จึงกล่าวได้ว่าประเทศเราในกาลนี้เปิดโอกาสให้ผู้มีบุญญาธิการสูงสุด
ได้แสดงกำลังพระทัยว่ายิ่งใหญ่สมพระเกียรติยศเพียงใด

หากคุณเคยเห็นคนอนาถาวัยเด็กวัยชรา
เรือนร้อย เรือนพัน หรือเรือนหมื่นกับตา
คุณรู้ คุณเข้าใจ คุณเวทนา คุณปรารถนาจะช่วยเหลือพวกเขา
และคุณลงมือช่วยเหลือพวกเขาได้ระดับหนึ่ง
ความสุขความอบอุ่นจะเอ่อล้นอก
ตามระดับกำลังใจขนาดนั้นๆของคุณ
แต่ยากนักที่คุณจะเห็น เข้าใจ
และประมาณถูก ว่าคนเรือนล้านมีขนาดไหน
กับทั้งยากกว่านั้น ที่จะมีกำลังใจใหญ่หลวงขนาดคิดอุทิศทั้งชีวิต
เพื่อช่วยคนเรือนล้านทั้งหมดนั้น ให้ได้อยู่ดีกินดี มีความเห็นชอบ
มีกรรมขาวเป็นที่พึ่งแก่ตนอย่างถาวร
พระจิตแห่งในหลวงรัชกาลที่ ๙ ท่านรู้เห็น
ว่าประมาณคนเรือนล้านคืออะไรแค่ไหน
และพระจิตแห่งองค์ท่านก็ใหญ่พอ
ที่จะทรงปรารถนาช่วยคนลำบากยากจนหลายสิบล้าน
ในพระราชอาณาจักรของท่านให้หมด
โดยปราศจากเงื่อนไขแลกเปลี่ยนหรือปรารถนาสิ่งตอบแทนอื่นใด
นั่นมิใช่สิ่งที่คนธรรมดา หรือแม้ราชามหากษัตริย์ทั่วไปจะเข้าใจได้
คนดีๆตามท้องถนนธรรมดา อาจให้อภัยใครต่อใครไม่เลือกหน้า
น้ำใจเช่นนั้น คือเมตตาระดับที่ทำให้คนสัมผัสแล้วพลอยสงบตาม
สะกดความคิดร้ายจองเวรของศัตรูได้
คนแสนดีตามสถานสงเคราะห์
อาจค้อมหลังก้มหน้าช่วยเหลือผู้ตกยากมากมาย
น้ำใจเช่นนั้นคือเมตตาระดับที่เหนี่ยวนำคนใกล้ชิดให้เลื่อมใสศรัทธา
และอาจเปลี่ยนศัตรูมาเป็นมิตรได้
ประมุขหรือผู้ปกครองบ้านเมือง
อาจมีใจผูกพันกับการคิดแต่จะช่วยคนทั้งประเทศให้กินดีมีสุขและรอดพ้นจากหายนภัย
น้ำใจเช่นนั้นคือเมตตาระดับที่ก่อให้เกิดแรงปีติมากพอจะยอมตายแทน
และอาจเป็นแม้ที่รักของศัตรูได้
เมตตาที่ก่อผลกระทบกับผู้พบเจอได้นั้น
ต้องเป็นเมตตาที่ออกมาจากใจจริง
คือคิดดีกับคนอื่นจริง คิดให้คนอื่นจริง
ตลอดจนพูดและทำเพื่อคนอื่นจริง
หาไม่แล้ว แม้สร้างฉากพ่อพระแม่พระให้แนบเนียนอย่างไร
รัศมีเมตตาก็ไม่บริสุทธิ์ ไร้อิทธิพลพอจะจูงให้ใจผู้อื่นพลอยสงบตาม
อย่าว่าแต่จะให้เลื่อมใสศิโรราบหรือยอมตายแทน
นอกจากพระอรหันต์ผู้สงเคราะห์สัตว์โลกด้วยน้ำจิตบริสุทธิ์หมดจด
ก็เหลือแต่พระมหาโพธิสัตว์เจ้า
ที่ทรงมีน้ำพระทัยครุวนาดั่งมหาสมุทรใหญ่เท่านั้นที่ปานกัน
เมื่อทรงยอมอุทิศชีวิตให้ปวงชน
ประกายเมตตาก็ย่อมเหนี่ยวนำใครต่อใคร
ให้พร้อมพลีชีพเพื่อพระองค์ท่านเช่นกัน
การที่พระราชาไทยองค์ปัจจุบันทรงเป็นกษัตริย์โดยปัจจุบันกรรม
มิใช่เพียงกษัตริย์เพราะอดีตกรรมส่งมากำเนิด
เช่นนี้เท่ากับพระองค์ท่านทรงช่วยให้เราตอบลูกหลานได้ง่ายขึ้น
ว่าทำไมไทยเราจึงยังควรเทิดทูนระบบกษัตริย์
แตกต่างจากราชวงศ์อื่นในบางประเทศ
ที่อาจถูกล้อเลียนหรือกล่าวพาดพิงถึงอย่างไม่ต้องเกรงใจ
หาใครลุกฮือขึ้นประท้วงเอาเรื่องไม่ได้
นั่นก็เพราะคนยุคนี้ ดื้อเกินกว่าจะเทิดทูนบุคคลที่ปราศจากคุณงามความดี
คนยุคนี้ไม่แยแสยศถาบรรดาศักดิ์เพียงเพราะเกิดในวังอีกต่อไป
ใครจะอยู่ในหัวใจคนยุคนี้ได้
ก็ต้องดูแบบอย่างจากกษัตริย์ไทยพระองค์นี้แหละ
.....................................................................
▫️ภาพเดียวแทนพันคำ
ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ท่านเป็นกษัตริย์ให้ดู
ว่ากษัตริย์เขาเป็นกันอย่างนี้
แค่ให้เด็กๆของเราเห็นจากโทรทัศน์
ว่าพระองค์ทรงทำอะไรให้อะไรกับพสกนิกรบ้าง
เด็กๆก็จะเงียบเสียงแห่งความสงสัย
และหันหน้าไปบอกต่อกันรุ่นต่อรุ่นว่า
พระมหากษัตริย์คือใครในแผ่นดิน
และเหตุใดจึงไม่น่าแปลกใจ
หากทั้งโลกจะไม่ลืมพระองค์ไปจนสิ้นกาลนาน
เป็นหนึ่งในโลกไม่ใช่เพราะชนะสิบทิศ
ด้วยแสนยานุภาพเกรียงไกร
แต่ด้วยหนึ่งใจและสองมือ
ของผู้สมควรเป็นกษัตริย์โดยธรรม
***คัดลอกจากบทประพันธ์ "ประกายเมตตาแห่งราชาไทย" โดย ดังตฤณ

โคลงเตือนสติ Chachapon Jayaphorn

มีสติเพื่อยับยั้ง                                ใจครวญ เถิดรา
มีเมตตาต่อมวล                               มนุษย์พ้อง
มีกรุณกรุ่นกระบวน                           คิดเถิด
มีมุทิตาต่อต้อง                                จิตปลื้ม พระคุณเสมอ
ยามเจอสิ่งขัดแค้น                           เคืองตา ตนนอ
ยามสดับสิ่งเคืองพา                         โสตขึ้ง
มีจิตอุเบกขาวางสงบ                        เถิดเพื่อน
มีพรหมวิหารซึ้ง                               ซ่านซ้อน  ใจเสถียร
จงเพียรชำระล้าง                              ความเบียน เบียดเทอญ
จงอย่าคิดปราบเตียน                        ติแค้น
จงกอปรกิจโดยเพียร                        เพื่อก่อ
จงอวิหิงสาแม้น                               พ่อเจ้า วางพระองค์
ทรงเคยรับสั่งไว้                              เราลืม แล้วฤๅ
รู้รักปรองดองดื่ม                             มิตรแท้
สามัคคีแหละทรงปลื้ม                     พระทัยยิ่ง นักเฮย
รักประมุขพึงปลุกแก้                        จิตฟุ้งเราเขา
ปราศเงาพระพ่อพ้น                         พึงเห็น แล้วนา
ยังมิทันไรเป็น                                 เรื่องแล้ว
เห็นต่างห่างรักเร้น                           รังวิวาท ต่อนา
ลืมพระทูลกระหม่อมแก้ว                 จากห้วงใจหรือ?
ใดคือความสงบพร้อม                      จงกระทำ ด่วนเทอญ
ใดมุ่งบดขยี้ยำ                                 หยุดเน้อ
ใดหยาบบาปเวรกรรม                       จงหยุด เทอญเพื่อน
ใดต่างจากคิดเพ้อ                            เพ่งเค้าตายเสมือน
จงเตือนสติพ้อง                               โดยตน ก่อนแล
ประโยชน์สุขย่อมเกิดผล                   เพิ่มได้
นั่นแหละพระจอมกมล                      คงโปรด นักนอ
คือแบบคำนับไหว้                             กราบด้วยใจจริง

รำลึกพ่อหลวง

อยู่ในแผ่นดินท่านมา 30 ปี ไม่เคยได้รับรู้ถึงบารมีที่ชัดเจนของท่าน

จนเมื่อสิ้นท่าน กลับพบว่าจิตใจสัมผัสบารมีท่านได้ชัดเจนมาก
และไม่ใช่ข้อมูลมือสองที่ถูกคนนู้นนี้นั้นบอกเล่าว่าท่านดีอย่างนั้นอย่างนี้

ทั้งหมดนี้มาในรูปของมโนผัสสะ
การสังเกตจิตใจมาตั้งแต่วันที่ 12 ตุลา จิตพะวงถึงท่านเนืองๆ
กลับบ้านรู้สึกเป็นหน้าที่ที่จะต้องสวดมนต์ถวายท่าน

13 ตุลาคม เช้ามารู้สึกกล้าๆ กลัวๆ ในการเปิดเน็ต ด้วย "กลัวเจอข่าวร้าย"
แต่ก็ยังไม่เจอ จนผ่านไประหว่างวัน จิตใจสงบราบเรียบจริง
จึงได้รับ "ข่าวร้าย" ที่ว่า
และจึงมีคลื่นให้สัมผัสตามการเปลี่ยนแปลงของจิตใจ
เบื้องแรกที่ได้รับข่าว พบว่าจิตเฉยๆ จะบิ้วท์ให้เศร้าก็เศร้าไม่ออก
อาการภายนอกดูสลด น้ำตาซึม แต่ภายในกลับรู้สึกมีบางสิ่งช่วยประคองอยู่
และเป็นอาการขึ้นๆ ลงๆ ไม่นานก็กลับมาสงบราบเรียบ
ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะมั่นใจว่าเราได้ทำงานถวายท่านด้วยจิตที่ตั้งดีแล้ว
ช่วงเวลาเดินกลับบ้านสัมผัสถึงความสงบแห่งกลางคืน ที่ไม่ได้สัมผัสมานาน

14  ตุลาคม ตั้งใจไปทำงาน อยู่ๆ ประกาศหยุด
พี่นพก็เป็นใจให้เราไปร่วมงานได้เต็มที่
คาดว่าน่าจะได้รับผลกระทบจากคลื่นอารมณ์มหาชน
แต่กลับพบว่าตัวเองก็ยังนิ่งได้อย่างประหลาด อย่างไรก็ตามก็รู้สึก
ว่าไม่ใช่ไม่เศร้าหรอก แต่ว่าสมาธิคุ้มครองอยู่
ตอนรถท่านผ่านไป น้ำตาก็ไหลอาบ 2 แก้ม แล้วก็หยุดเพียงนั้น
ยังคงสัมผัสบรรยากาศเสียงนก เสียงอะไร รอบๆ ได้ต่อไป
มาน้ำตาแตกเอาตรงได้อ่านในเฟสบุคนิดๆ หน่อยๆ

15 ตุลาคม
นั่งดูอาการ พบว่ามันเศร้าแบบไม่กระทบอัตตา
คือ เป็นความสลดระดับอณู
คงเนื่องด้วยท่านเป็นผัสสะที่ไม่ใช่ "ของเรา" โดยตรง จึงอาจไม่กระตุ้นอัตตาให้ขึ้นตะครุบแล้วยึดตามด้วยแปลงร่างเป็นสารพัดรูปแบบ คือ อันนี้เหมือนกัน ไม่มีเหตุผลให้เศร้านะ แต่เศร้า เพียงแค่เศร้าเท่านั้น

ออกจากบ้านมองสีไม่เป็นสี (แต่วันนี้ก็ดีขึ้นกว่าวันที่ 14)
ความสลดนิดๆ นี้พอดีแก่การภาวนา
การได้รับรู้กรณียกิจของท่านทำให้ กระแสแห่งการทำหน้าที่ราวกะว่าจะตื่นขึ้นมา
เรียกว่าเป็นพลังให้เกิดสติอย่างบอกไม่ถูก มีข้อสังเกตนึงที่ใช้คำได้ตรงมาก
"เป็นมนุษย์ที่ดีขึ้นในชั่วข้ามคืน"
"ความเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ยิ่งใหญ่ สิ่งที่ท่านทำไว้ไม่สูญเปล่า ท่านได้เพาะเมล็ดพันธ์แห่งความดีงามโดยที่เราไม่รู้ตัวเลย โครงการที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือการเป็นบุคคลต้นแบบ เสียสละในแง่มุมต่างๆ เพื่อให้เราเลือกเดินตามในแบบของเรา
"ตอนเด็กเพียงรับรู้แล้วผ่าน แต่สิ่งเหล่านี้กลับซึมซับเข้ามาโดยไม่รู้ตัว"

The power of routine

วันศุกร์ที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2559

ชมโฉมนางมณโฑ

เดชะพระเวทสิทธิศักดิ์            พระวิษณุรักษ์รังสรรค์
เกิดเป็นกัลยาวิลาวัณย์                            งามวิจิตรพิศพรรณขวัญตา
                                      งามพักตร์ยิ่งชั้นมหาราช          งามวิลาสล้ำนางในดึงสา
งามเนตรยิ่งเนตรในยามา                        งามนาสิกล้ำในดุษฎี
                                       งามโอษฐ์งามกรรณงามปราง   ยิ่งนางในนิมาราศี
งามเกศยิ่งเกศกัลยาณี                               อันมีในชั้นนิรมิต
                                      ทั้งหกห้องฟ้าหาไม่ได้               ด้วยทรงวิไลลักษณ์ไพจิตร
ใครเห็นเป็นที่เพ่งพิศ                                ทั้งไตรภพจบทิศไม่เทียมทัน

วันจันทร์ที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2559

งานของพระ

หมั่นรู้ - ละ
ยอมรับ
ขออภัย
เมตตา
เป็นพระมีงานอยู่แค่นี้
ถ้าไม่รู้สักทีจะมีงานงอกเนืองๆ