วันจันทร์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

การบ้าน 26-28 ก.ค.57

26-27 ก.ค.57

สวดมนต์เมื่ออยู่คนเดียว ไม่มีผัสสะอะไรเป็นพิเศษ

28/7/57

ยังคงสวดมนต์ระหว่างวัน แต่เหนื่อยหน่าย ซึมเซา เวลาเจอรูปแบบความคิดเขาวงกตซ้ำซากจากภายนอกนานหน่อยก็อยากจะบอกใจจะขาดว่าหยุดเถอะไม่ไหวแล้ว แต่ปฏิเสธไม่เป็นและหมดแรงข้าวต้ม

ตั้งแต่ที่ทำงานบังคับให้เข้างานเร็วขึ้นครึ่งชม.รู้สึกระบบรวนไปเลย นอนเท่าไรก็ไม่พอ ทั้งๆ ที่ถ้านับเวลามันก็พออยู่ หรือไม่ก็ตอนอยู่ในท่านอนรู้สึกว่าตื่นแล้ว พอยกหัวขึ้นมาง่วงเฉยเลย เราทำอะไรผิดรึป่าวหว่า >_<

วันเสาร์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

25/7/57

25/7/57

สวดมนต์เป็นพื้น วันนี้ค่อนข้างอามรมณ์ดีเพราะเป็นวันศุกร์ พอเลิกงานกลับบ้านโดนดักสัมภาษณ์อารมณ์ดีเลยหยุดตอบซะหน่อย ปรากฏโดนลากตอบแบบสอบถามอย่างนาน คำถามประเภทชอบไม่ชอบ แค่นั้นไม่พอ "ทำไมไม่ชอบคะ มันเป็นยังไง มันกรอบไปหรือมันอะไรไปคะ ช่วยบอกให้ชัดเจนหน่อย...ฯลฯ" ยิ่งฟังยิ่งขุ่น หมดกันวันศุกร์แห่งชาติ พอเสร็จก็รีบลืมๆ ไปให้หมดเรื่องหมดราว สักพักก็มานั่งทวน จริงๆ โง่เนอะ คำถามแยกแยะอย่างนั้นก็เหมือนฝึกแยกธาตุแยกขันธ์แหละ ไม่รู้จักใช้วิกฤตให้เป็นโอกาส




วันพฤหัสบดีที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

การบ้าน 23-24/7/57

23-24/7/57

สวดมนต์เป็นพื้น ไม่มีผัสสะกระทบเป็นพิเศษ อารมณ์มี +/- ขึ้นลงนิดหน่อยประปราย

วันอังคารที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

การบ้าน 22/7/57

22/7/57

เห็นเมื่อวานเละเทะวันนี้พี่จิตก็ตั้งใจขึ้นมามากกว่าเดิม เปลี่ยนวิธีนับใหม่ สมาธิคลอเคลียอยู่กับบทสวดไม่หลงทางได้มากขึ้น

มีหงุดหงิดพี่คนนึงในใจเรื่องงาน แต่พอเจอหน้าเราก็ชวนเขากินขนมได้แบบใจปกติ ค่อยๆ สอนให้มันไม่ก้าวก่ายกัน เขาปฏิบัติต่อเรา กับเราปฏิบัติต่อเขา มันเป็นคนละเรื่อง ส่งผลคนละอย่าง ชอบเอามารวมกันให้กลายเป็นอคติอยู่เรื่อย อันนี้ปล้ำกันหลายวันกว่าจะเพลาลง ใจคอยจะขึ้นหาเรื่องอยู่เรื่อย

ตอนเย็นโดนแม่ด่า เรื่องทิ้งขยะ ก็ฟังๆ ไป ฟังไปก็ไม่ได้เห็นด้วยกับหลักการและเหตุผล แต่กลับไม่มีตัวขึ้นมาแย้ง หรือแก้ตัว มันก็ยอมรับไปโดยดีว่า อือ มันก็เป็นเหตุผลของเขาอ่ะ ก็ขอโทษไปโดยที่ไม่ได้รู้สึกผิด ไม่ได้รู้สึกว่าถูกกล่าวโทษ ไม่มีตัวเกิดขึ้นมารับ ก็แค่ฟังเขาเฉยๆ และรับรู้ว่าเขากำลังรู้สึกแย่อยู่ ขอโทษไปโดยมีเจตนาเดียวคืออยากให้เขาวางความทุกข์นั่นเสีย

ก่อนนอนสวดมนต์ต่อ สวดมาดิบดีทั้งวัน ดันมาชุ่ยเอาตอนนี้เพราะง่วงจัด พอขาดสติแล้วมันก็มีแต่เรื่องไม่เข้าท่า

วันจันทร์ที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

การบ้าน 21/7/57

21/7/57

สวดมนต์เมื่อมีโอกาส แต่ฟุ้งซ่านเสียมาก พบว่าเวลาสวดหลายเพลาที่ใจนอนสวดเลยกลิ้งไปกลิ้งมา ไม่ตั้ง(ใจ)สวด มันก็เหมือนการใจลอยดีๆ นี่เอง แต่ลอยอยู่เรื่องเดียว ออกจากเรื่องนี้ไปเมื่อไรก็รู้ว่าคิดไป

เดินๆ อยู่ก็ได้กลิ่นตีนเป็ดมาทักทายอย่างจัง จากเฉยๆ โมหะอยู่ ก็ยิ้มเบิกบานอย่างอดไม่ได้ เวทนามันเปลี่ยนง่ายขนาดนี้เลยนะ

วันเสาร์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

การบ้าน 18-19/7/57

18/7/57
สวดมนต์ๆ

19/7/57
สวดมนต์ระหว่างการเดินทาง แต่พอได้เรียนอะไรใหม่ ในหัวจะคิดทบทวนสิ่งที่เพิ่งได้เรียนมา พอเสียงสวดมนต์แทรกก็มีรำคาญ ยังเพลินในความคิดอยู่ แล้วก็เกิดทางแยก เอ...จะคิดก่อน รึจะสวดก่อนดี สุดท้ายเลยเหมือนถูกจับเหวี่ยงสองข้าง จะสวดก่อนก็เสียดายความคิดเพราะโอกาสจะถูกกระตุ้นให้คิดเองลักษณะนี้ก็น้อยอยู่มันต้องถูกบิ้ว ครั้นจะคิดก็กลัวจะติดในความเพลินฟุ้งมากหายยาก เลยรู้สึกเป็นแป้งโรตีถูกเหวี่ยงพั่บๆ ไปมา ทำมันทั้งสองอย่างแบบไม่ปะติดปะต่อ

20/7/57
สวดมนต์ระหว่างการเดินทาง อารมณ์พื้นวันนี้เบื่อๆ เฉยๆ ทื่อๆ เห็นมันแยกได้สองครั้ง เออแฮะ แยกได้นี่หว่า ต้องสังเกตุให้มากขึ้น ไปเรียนภาษาบาลีได้เรียนแต่กฏไวยากรณ์พระอาจารย์ไปเร็วมากตามไม่ทัน กฏหยุมหยิมที่ไม่คุ้นเคยเต็มไปหมด สักพักมีโทสะแฮะ ดีที่พระอาจารย์พักเบรกพอดี เลยลงไปกินข้าวมันไก่อารมณ์ก็เปลี่ยน กลับขึ้นมาก็เริงร่าเหมือนเดิม สงสัยน้ำตาลต่ำ เรียนไปก็นึกในใจ ใครนะใครคิดอะไรหยุมหยิมเยอะแยะแบบนี้ คิดในมุมกลับอีกที ใจเราคงยังหยาบอยู่มากกระมัง

วันพฤหัสบดีที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

การบ้าน 17/7/57

17/7/57

สวดมนต์เป็นพื้น

ระหว่างวันทำงาน มีขัดใจพี่ท่านนึง ไม่ได้มีเหตุปะทุเฉพาะเจาะจง แต่เป็นความระอาต่อประสิทธิภาพการทำงานแบบสั่งสมมานาน พอคุยๆ กันไป ก็พบว่าเขามีคุณธรรมอย่างนึงที่เราเรียนรู้ได้ คือ เขามีอัธยาศัยในการต้อนรับขับสู้ทุกคนดีมาก อีกทั้งเท่าที่นึกได้ไม่เคยพูดพาดพิงในทางเสียหายแก่บุคคลที่ 3 เลย แม้จะมีเหตุยุให้พูด แกก็เปลี่ยนเรื่องเสีย เราเสียอีกมีแรงส่งหน่อยก็หลุดแล้ว เลยนึกขอขมาต่อคำพูดที่อาจจะเกินเลยไปบ้างต่อแกในใจ

ราคะแวะเวียนมาเยี่ยมเยียนหลังจากหายหน้าไปนานครั้งนี้ระดับการเป็นผู้ดูถอยห่างออกมาได้มากขึ้นเร็วขึ้น เจอทั้งแบบยินดีในคำพูด อันนี้พอเปลี่ยนไปทำอะไรสักพักหนึ่งก็หายไปแล้วสังเกตเทียบความมี/ไม่มีในจิต

กลับบ้านดูรายการไปตอนหนึ่ง ตอนแรกก็นั่งฟังแต่เสียง ตาอ่านซับไป ผู้บรรยายเป็นผู้หญิงแต่งตัวในชุดสูทเรียบร้อยมิดชิดปิดถึงคอ อยู่ๆ ตาก็เหลือบไปมองตำแหน่งหน้าอกเขา แล้วราคะก็พุ่งแหลมเป็น surge ขึ้นมาเลย แอบตกใจ หลังจากนั้นตามันก็คอยจะไปจ้องในตำแหน่งหน้าอกเขาอยู่นั่น หน้าตาไม่สน รู้สึกหื่นๆ พิกล

ก่อนนอนสวดมนต์ต่อจนจบ

วันพุธที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

การบ้าน 16/7/57

16/7/57

สวดมนต์เมื่ออยู่คนเดียว เวลาไม่ได้สวดเป็นเรื่องเป็นราวจิตยังกระโดดไปกระโดดมาแล้วก็กลับมาฐานที่บทสวด

ตอนกินข้าวเย็นเปิดฝากระป๋องจนมือเจ็บก็ยังรู้สึกเฉยๆ นั่งกินๆ ไปหันไปดูอีกทีอ่าวเลือดออก เห็นใจหล่นไปวูบนึง

ก่อนนอนสวดมนต์จนครบ นั่งสมาธิครู่หนึ่งแล้วนอน

วันอังคารที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

การบ้าน 15 ก.ค.57

15/7/57

สวดมนต์เมื่ออยู่คนเดียวและไม่ได้ทำงาน วันนี้วันทำงานฟุ้งซ่านกว่าเมื่อวาน ก่อนนอนนั่งสวดๆ อยู่พี่จิตก็หยุดสวดหลับตาสมาธิ ถึงเวลาก็ออกมาสวดต่อ ครบ 108 จิตก็แผ่กุศลสั้นๆ ขอสรรพสัตว์ทั้งหลายจงมีส่วนแห่งบุญที่ข้าทำแล้วนี้ด้วย รู้สึกถึงการส่งพลังงานอยู่บริเวณหน้าผาก

วันจันทร์ที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

การบ้าน 14 ก.ค.57+บาลี

14/7/57

สวดมนต์ๆๆ นึกได้เมื่อไรก็สวด ว่างเมื่อไรก็สวด เจอช่วงนึงที่จิตอยู่กับบทสวดมนต์ชนิดมีแรงต้านไม่ให้เป็นอย่างอื่นนอกจากบทสวดมนต์

ตอนเรียนภาษาบาลี อยู่ๆ ก็นึกว่ากฏเกณฑ์มากมายของบาลีนี้คงสัมพันธ์กับสภาวจิตแน่ๆ เรย 5555 hu si luan xiang

การบ้าน 12-13 ก.ค.57

12/7/57
ระหว่างเดินทางก็สวดอิติปิโสไปเรื่อย นับไปด้วย ตกค่ำก่อนนอนก็เติมให้ถึง 108 หลับบ้าง หลงบ้าง ช่างมัน รู้สึกตัวก็สวดต่อ รู้สึกบีบคั้นเมื่อไรก็หยุดและมองดู

13/7/57
ตื่นมานั่งสมาธิครู่หนึ่ง ช่วงแรกสัมผัสถึงลมหายใจได้ดี สบายไม่อึดอัด สักพักความคิดก็แทรกสอด ดูเทียบสภาวะเมื่อครู่ไม่มี ตอนนี้มี
ตกเย็นไปสวดมนต์ที่วัดปทุม นั่งสมาธิ ระหว่างเดินไปที่ต่างๆ ก็สวดมนต์เป็นพื้นหลัง กลับบ้านมาก็สวดต่อจนจบ

วันศุกร์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

การบ้านวันอาสาฬหบูชา

11/7/57

บังเอิญได้คุยเมสเซจกับเพื่อนสมัยมัธยม อยู่ๆ ก็เหมือนมีอะไรดลใจให้ชวนเขาไปวัดปทุมและเขาก็ยินดีไปด้วย ก่อนไปก็แวะกินข้าวกันตามประสาก็พบว่า เพื่อนคนนี้สมัยก่อนเราค่อนข้างจะรำคาญเขาเพราะพูดได้น้ำไหลไฟดับ non stop แต่วันนี้เจอก็เฉยๆ ไม่ได้รู้สึกรำคาญเหมือนเมื่อก่อน คงเพราะไม่ได้เจอกันนานก็เป็นได้

ด้วยการที่ไม่ได้เจอเพื่อนคนนี้นาน ทำให้เห็นคุณธรรมในตัวเขาที่ในอดีตเราไม่เคยเห็น เช่น รู้สึกเขาใจเย็น ฟังมากขึ้น พูดจาดูมีสติมีจังหวะจะโคน และใจดีกว่าภาพที่เราเคยรู้จัก

ระหว่างสนทนา มีเกิดตัวบ้างประปราย เห็นความพยายามจะครอบงำในความรู้สึกแล้วก็คลาย

ไปวัดก็เดินเวียนเทียน กราบพระ สวดมนต์ ตั้งอธิษฐาน

ก่อนนอน สวดอิติปิโส

การบ้าน 10/7/57

10/7/57

เพื่อนก้อยชวนไปวัดค่ะ ตอบรับในคำแรก ปฏิเสธในคำหลัง ฝากเงินไปทำบุญ อนุโมทนากับความตั้งใจเพื่อนก้อยด้วยในจุดนี้ เวลาวาดภาพในใจแม้จะคร่าวๆ ขนาดไหน ก็มีตัวเกิดขึ้นเสมอ แม้จะถูกปัดตกไปในตอนแรกแต่ก็จะมีแรงยันกันไม่ให้เป็นอย่างอื่นเอาไว้

สันดานหนีข้อบีบคั้นทางเวลายังแก้ไม่หาย

ขณะเดินกลับบ้านพบว่าง่วงพอดี ถ้าง่วงกว่านี้จะหลับ ถ้าตื่นกว่านี้จะฟุ้งซ่าน เป็นความง่วงระดับที่ เออ จะอะไรก็ช่าง เป็นความสุขไปอีกแบบนึง


9/7/57

9/7/57
หงุดหงิดงุ่นง่านเป็นพื้นอารมณ์ อาจด้วยความสั่งสมจากการห่างไกลรูปแบบ + ฮอร์โมน (นับเวลาน่าจะเป็นช่วงก่อเรื่องพอดี) พอไม่ทำมันก็ติดเป็นความผิดเล็กๆ ในใจ จะไม่ทำก็ไม่ปล่อยวาง
เมื่อวานตอนครูพี่หญิงเมตตาซักไซร้ อ่านถึงคำถามว่า "เป้าหมายในการปฏิบัติ" แล้วกระตุกวูบหนึ่ง ใจสงบลงแล้วจึงตอบ ไม่อาจตอบได้ว่าเป้าหมายคือมรรคผลนิพพาน ด้วยไม่รู้จัก จะให้พูดอย่างกล้าหาญใจมันไม่ไปอย่างนั้น เอาเป็นว่าได้ทบทวนว่าปัจจุบันกำลังเฝ้าฝึกฉันทะในการรู้กายใจ กำลังพยายามเปลี่ยนไพ่ตัณหา (หนีทุกข์จึงทำ) ให้ค่อยๆ กลายเป็นไพ่ฉันทะให้ครบสำรับ
ตอนครูพี่หญิงถามถึงผลจากความเพียร ก็กระตุกอีกด้วยว่าหาผลของเพียรตรงๆ ไม่เจอ ก็อาจจะแปลได้สองอย่างว่า
1. จริงๆ แล้วยังไม่เคยเพียร (มัวแต่เพี้ยน) หรือ
2. มัวดูอย่างอื่นอยู่ ไม่ได้เก็บผลด้านนี้
สังเกตุการปฏิบัติธรรมของตัวเอง เหมือนการขยับโต๊ะตัวใหญ่ด้วยตัวคนเดียว เลื่อนขวาที ไปต่อไม่ได้ เดินข้ามฟากไปขยับซ้ายอีกที ขยับทางนู้นทีทางนี้ที กระดึ๊บๆ ไป ไม่สามารถลากโต๊ะไปครั้งเดียวให้เคลื่อนทั้งตัวได้ ทั้งนี้เมื่อไรจะขยับอะไรหนูใช้สัญชาตญานเอาล้วนๆ ผิดถูกไม่รู้ ไม่มีใครบอก ฟังธรรมแล้วสะดุดอะไร จิตจะเริ่มรวมที่ธรรมนั้น เริ่มสังเกตในมุมมองนั้น เริ่มคิดในแบบนั้น เริ่มพูดในมุมนั้น เริ่มทำในมุมนั้น เป็นวงจร
ก่อนนอนสวดมนต์ + นั่งสมาธิสั้นๆ
-------------
บังเอิญอ่านเจอธรรมะพระอาจารย์ทองสุขแล้วรู้สึกเย็นลงได้ เลยเอามาฝากกันค่ะ
อย่าใช้พระเดชในการดูจิต
ต้องใช้พระคุณ
การดูจิตต้องดูอย่างนักปราชญ์
อย่าฉลาดวาดภาพจะผิดคำสอน
ธรรมะนั้นต้องเป็นไปตามขั้นตอน
ยืนเดินนอนกำหนดรู้ดูเบาๆ
ดูนุ่มๆ ชำเลืองดูอย่างหวานๆ
อย่ารำคาญจะผิดคำอาจารย์สอน
อย่าส่งจิตออกนอกจะขาดตอน
ความรุ่มร้อนที่ปรากฏค่อยหมดไป

การบ้าน 8/8/57

8/7/57
ความเพียรมอดค่ะ ไม่รู้จะหาอะไรเป็นเชื้อเพลิง ก่อนนอนนั่งสมาธิแป๊บนึง สบายแต่ดูเหมือนจะตกภวังค์ แล้วก็ขึ้นมาสวดมนต์สั้นๆ ไม่ได้สวดอิติปิโสมาหลายวัน พอเริ่มสวดพบว่ามีจังหวะของมันที่เดินไปเอง แต่ก็ไม่ได้สวดยาว สักพักก็นอน

  • Nok Noi เราก็เป็นเหมือนกันนะ ขึ้นๆลงๆ ขี้กียจก็เยอะ จนหลวงพ่อเอ่ยปากเเล้วว่า วน ใส่เกียร์เเล้ว วน รถไม่วิ่ง ครั้นจะไม่ทำอะไรเลย จะรอตัวเอง ฮึดเองก็คงจะยากมาก เลยลองอธิฐานเพื่อบังคับตัวเองดูค่ะ
  • Nok Noi ตอนเเรกกลัว ไม่เอาดีกว่า ก็พิจารณาดูว่ามันกลัวอะไร มันบอกมันกลัวทำไม่ได้ เราก็เอะ เเล้วที่ผ่านมายังเคยทำได้เลยอ่า เเสดงว่าไม่ได้กลัวทำไม่ได้จิง สาวไปสาวมา มันกลัวตัวเองลำบากค่ะ
  • Nok Noi กลัวว่าต้องมาคอยทำ อู้ไม่ได้เลี่ยงไม่ได้ เดวจะลำบากตัวเอง
  • Ruetairat Issara ปีนี้อย่างดเฟสเข้าพรรษาอีกนะ เค้าเป็นแฟนคลับอ่านการบ้านเดี๋ยวอดอ่าน สาธุนะสู้ๆ

    สาธุค่ะครูกับพี่Nok Noi
  • Nok Noi ก็คิดว่าถ้าเราอธิฐานไว้ อาจจะบังคับตัวเองได้ดีกว่า ลองดูค่ะ ลองสู้ดูค่ะ
  • Ning Cholatit เวลาอธิษฐานนี่ตั้งเวลากันมั้ยคะ
  • Ning Cholatit หนูสังเกตตัวเองที่ผ่านมาเวลาอธิษฐาน แรงมักอยู่ได้ไม่เกิน 4 เดือน แล้วก็แป้ก
  • Nok Noi ช่วงเข้าพรรษาก็3เดือนค่ะ เราจะเข้มข้นเเบบ 3เดือน 555 เหมือนงดเหล้าเข้าพรรษาไง
  • อินทรีย์ ห้า น้องนิ้ง มีเป้าหมายในการปฏิบัติธรรมมั้ยคะ
  • อินทรีย์ ห้า ทำไปทำไม ทำเพราะอะไร
  • Ning Cholatit เริ่มแรกเลยคือหนีทุกข์ค่ะ หลังๆ เพิ่งมีความอยากเรียนรู้กายใจเพิ่มขึ้นมา ตอนนี้เลยสองอย่างปนๆ กันค่ะ
  • อินทรีย์ ห้า ได้ข่าวว่า เป็นนักไอคิโดมือดีด้วย
    อย่างนี้ต้องฝึกนานแน่นอน 

    ตอนนั้นมีความมุ่งมั่นในการฝึกยังไงบ้างคะ
  • Ning Cholatit ตอนนั้นที่ฝึกก็เพื่อหนีทุกข์ค่ะ เหตุผลเดียวกัน เล่นไอคิโดทำให้ไม่คิด
  • อินทรีย์ ห้า แล้วหนีพ้นมั้ยคะ
  • Ning Cholatit พ้นเป็นรายครั้ง ไม่พ้นในระยะยาวค่ะ
  • อินทรีย์ ห้า แต่ก็เล่นไอคิโด ติดต่อกันนานกว่าสี่เดือนใช่มั้ยคะ
  • Ning Cholatit นานกว่าค่ะ แต่เหตุผลก็เริ่มเปลี่ยนจากเพื่อไม่คิดเป็นอย่างอื่น เช่น นั่นเป็นสังคมที่ดี ฝึกการอยู่กับมนุษย์ เหตุผลจิปาถะ ค่ะ
  • อินทรีย์ ห้า แล้วการปฏิบัติธรรมล่ะคะ ที่ว่าอยากหนีทุกข์ แล้วต่อมาอยากเรียนรู้กายใจของเรา

    ตอนนี้เป้าหมายยังเหมือนเดิมรึเปล่า
  • Ning Cholatit เหมือนเดิมค่ะ เป็นเป้าหมายที่สลับฉากกันโผล่มา
  • อินทรีย์ ห้า แล้วเห็นผลจากความเพียรรึยังคะ แบบชัดๆ น่ะ
  • อินทรีย์ ห้า เทียบกับเป้าหมายที่ตั้งไว้น่ะค่ะ
  • อินทรีย์ ห้า ตอนฝึกไอคิโด น้องนิ้งวางใจแบบสบายๆ มั้ยคะ หรือว่าเคร่งเครียด ตั้งใจฝึก
  • อินทรีย์ ห้า ท่าทีและความคิดของเราต่อเรื่องความเพียร มีผลต่อกำลังใจในการฝึกฝนทุกอย่างนะคะ

    ถ้าทำด้วยใจสบายและปรอดโปร่ง ก็จะไม่เห็นว่าเป็นภาระ แต่จะกลายเป็นการเรียนรู้
  • Ning Cholatit ผลแบบชัดๆ นี่ เช่นอะไรอ่ะคะ คือถ้าว่าเป็นผลที่ความทุกข์ลดลงนี่ หนูเห็นว่ามันลดจริงค่ะ แต่ไม่ได้เชื่อมโยงได้ชัดเจนจากความเพียร
  • Ning Cholatit จริงๆ บางทีหนูรู้สึกว่าที่หนูเรียกว่าความเพียร ความจริงมันเป็นลักษณะแรงผลักสักอย่างมากกว่า คือมันมีลักษณะเป็นลูกๆ ตู้ม แล้วหาย
  • Ning Cholatit หรือบางทีนั่นอาจจะเป็นกิเลสของหนูเอง จริงๆ แล้วความเพียรมีลักษณะยังไงคะ ราบเรียบ? เรื่อยๆ?
  • อินทรีย์ ห้า หายไป แล้วกลับมาใหม่มั้ยคะ
  • อินทรีย์ ห้า ทุกอย่างไม่เที่ยงไง เค้าชี้ให้เห็นในทุกเรื่อง แม้กระทั่งการเพียร
  • Ning Cholatit หายไปพักนึง แล้วกลับมาค่ะ แต่จะไม่เพียรในสิ่งเดิม เช่น อย่างรอบนี้เพียรสวดอิติปิโสหาย หนูไม่มีความรู้สึกว่าอยากจะสวดเลย
  • อินทรีย์ ห้า ผัสสะเดิมๆ เมื่อนิ้งได้รับ นิ้งเกิดอารมณ์เหมือนเดิมทุกครั้งมั้ยคะ
  • อินทรีย์ ห้า เช่นเดียวกับเรื่องความเพียร มีๆ หายๆ เกิดดับตามเหตุปัจจัย
  • อินทรีย์ ห้า นี่แหล่ะความจริงที่เราต้องเรียนรู้ และยอมรับ แล้วนำมาปรับให้เหมาะกับสถานการณ์

    เหมือนการต่อสู้ จะสู้ซ้ำๆ แบบเดิม ได้รึเปล่าคะ คู่ต่อสู้มีหลากหลาย เก่งคนละแบบ
  • Ning Cholatit เด๋วขออนุญาตขอตัวชั่วคราวค่ะ พอดีเพื่อนมา กราบขออภัยครูพี่หญิงค่ะ
  • อินทรีย์ ห้า ตามสบายค่ะ
  • อินทรีย์ ห้า สุดท้ายอยากบอกว่า ที่เราเพียรทุกวัน ก็เพื่อจะสู้กับตัวเอง กิเลส ตัณหา อุปาทาน ของเราเอง
    ที่สะสมมานาน และมีสารพัดแบบ

    จะสู้ต่อ หรือจะเลิก ก็อยู่ที่เราเอง ว่าจะเห็นคุณค่าของผลที่จะได้รับมั้ย

    ไม่ว่าจะเป็นผลระยะสั้น ที่ทุกข์น้อยลง เพราะมีสติสัมปชัญญะมากขึ้น รู้กายและใจตามจริงมากขึ้น

    หรือผลระยะยาว คือการพ้นทุกข์ถาวร

    ทั้งนี้ทั้งนั้น จะเห็นผลได้ก็ต่อเมื่อปฏิบัติจริง ไม่ใช่จากความเข้าใจของสมองหรือการคิดเอา