วันพุธที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2564

นามรูป

ในปฏิจจสมุปบาทหมายเอา นามและรูป ที่เกิดจากวิญญานเป็นปัจจัย


นาม ได้แก่ เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์


ไม่ใช่เวทนาทั่วไป ไม่ใช่สัญญาทั่วไป ไม่ใช่สังขารทั่วไป


เฉพาะนามขันธ์สาม ที่เกิดจากวิญญานเป็นปัจจัยเท่านั้น หมายเอาในที่นี้ ไม่รวมวิญญานขันธ์ด้วย เพราะกล่าวไปแล้ว


การพูดถึงองค์ธรรมปฏิจจสมุปบาท จะไม่พูดลอยๆ จะพูดเป็นปฏิจจสมุปปันธรรม เช่น นาม จะไม่พูดนามเฉยๆ จะพูดว่านามที่เกิดจากวิญญานเป็นปัจจัย 


ถ้าพูดลอยๆ มันจะงง 


จะพูดเป็นเงื่อนไข ถ้าเงื่อนไขมันบังคับมา มันก็จะไม่สงสัย

---

รูป ในปฏิจจสมุปบาท
ก็หมายเอาเฉพาะรูปที่มาจากวิญญาน ไม่ได้รวมถึงรูปที่มาจากอาหาร มาจากอื่นๆ


อย่างรูปที่กินแล้วอ้วนนี่อันนี้ทำมา เหมือนจะมีอำนาจควบคุม แต่ไม่ใช่รูปในปฏิจจสมุปบาท 


รูปในปฏิจจสมุปบาทมันถูกล็อคมาแล้ว เราไม่มีอำนาจอะไรเลย เหมือน ชาติแล้วต้องแก่ ต้องตาย อันนี้ทำอะไรไม่ได้เลย


อันนี้ถึงจะเป็นหลักพิจารณาที่ทำให้ความมีตัวตนหายหมด (ตรงที่มันทำอะไรไม่ได้ ไม่มีตรงไหนที่คุมได้) ทุกอย่างมาจากอำนาจปัจจัย 


รูปในปฏิจจสมุปบาทจึงไม่พิจารณารูปที่เหมือนจะควบคุมได้ เช่น ยื่นแขนออกไป จิตคิด ก็ดันยื่นออกไปได้เสียด้วย แต่เขาพิจารณารูปจากวิญญานวิบาก เกิดจากกรรม หนีไม่ ออก


ไม่ได้พิจารณาทุกรูป มันจะไม่ล็อคเป้า

----

ถ้าในแบบ 1 ขณะจิต 

วิญญาณปัจจยา นามรูปํ

รูป หมายเอาถึง หทยรูป ที่เป็นที่เกิดของวิญญาณ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น