วันเสาร์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2557

การบ้าน 27-28 มิ.ย.57

27-28 /6/57

เบื่อ ไม่อยากทำดี ไม่อยากเป็นคนดี
จิตอยากลองชั่ว หยุดทำความดี
ไม่มีความคิดว่าต้องทำการบ้าน
ความละอายที่จะไม่ทำการบ้านไม่มี
ไม่ทำอะไรเลย

ผลส่วนหนึ่งมาจากดูเจาะใจพัทธ์อิทธิ์

อยู่ในช่วงตะกุยหาสมดุล

29 เช้าอ่านเฟสบุคพูดเรื่อง

"ปราชญ์ทั่วไปในโลก ยอมผิดธรรมเล็ก เพื่อบรรลุธรรมใหญ่
หากแต่จอมปราชญ์ กระทำโดยสมบูรณ์พร้อมได้ทั้งธรรมเล็กและธรรมใหญ่ และสั่งสอนเช่นนี้เสมอมานะ "

เลยมาสวดมนต์อิติปิโสได้ 49 จบ

วันพฤหัสบดีที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2557

การบ้าน 26/6/57

26/6/57

เช้าหลังส่งการบ้านเสร็จ เลื่อนไปอ่านคอมเม้นต์แล้วเกิดโทสะเลยโพสต์โทสะลงกลางที่ประชุมชน โดนครูพี่หญิงเมตตาเตือนทันที (ขอบพระคุณมากๆ ค่ะ) จังหวะดีมาก มีสภาวะให้ดูเยอะเลย โทสะแรกหายสนิท มีของเด่นกว่าให้ดูแทน

หลังจากโดนติง ตอนแรกลอย แต่ก็ลบโพสต์อย่างเร็ว เข้าใจเหตุผลที่โดนติงโดยตรรกะจึงไม่ดื้อดึง แต่ตัวตนกระทบกระเทือน ใจสะเทือนควบกันกับเหตุผลออกพูดเตือนตัวเองเป็นชุด มีภาวะวาบ ชา อาย ทนได้ยากอย่างนึง (เลยทำให้เข้าใจว่าในคนที่ไม่รู้ กลไกป้องกันตัวจะออกเพื่อหลบสภาวะนี้แหละ) ทำให้ใจกระวนกระวาย บอกตัวเองว่าอย่าหนีนะ โอกาสจังๆ อย่างนี้หายากเพราะเราขี้กลัว หันหน้าดูมันให้เต็มตาห้ามเบือนหนีเด็ดขาด แถมถ้าหนีวิบากจะนานบานบุรี ยิ่งถ้าแก้ตัวให้ตัวเองยิ่งเข้าป่าเลย สักพักใจก็กลับสภาวะปกติ

นึกว่าจบแล้ว ปรากฏเป็นแค่ยกแรกพอเผลอรอบสองทวนซ้ำเหตุการณ์โยนขึ้นมา อายอีกรอบ รู้สึกผิดอีกรอบ ก็ดูมันไป ได้เรียนรู้ความอดทนต่อสภาวะอย่างดีเลย พี่จิตก็พากย์สอนเป็นระยะ ให้รู้ว่าเจตนาที่จะกระทำต่อสิ่งหนึ่ง (มีทิศทาง) แต่เมื่อทำจริงพลังงานมันส่งออกไปแบบโดยรอบนะ คำว่าเหตุหนึ่งผลหนึ่งไม่มี หนึ่งเหตุมีมากกว่าหนึ่งผลเสมอ แต่เราจะเห็นหรือมันจะสำแดงให้เห็นหรือเปล่าเท่านั้น

กว่าจะเดินไปถึงที่ทำงานประมาณครึ่งชม.วงจรเกิดดับที่เห็นก็ 2-3 รอบ นึกในใจนี่ตรูไม่ดื้อดึงอะไรเลยนะ วนซะขนาดนี้ แล้วถ้า...(สยอง~~~) จนถึงตอนเย็นก็ยังไม่เป็นปกติแต่สภาวะแผ่วลง

เย็นไปทำวัตรที่วัดปทุม ก่อนนอนสวดมนต์สั้นๆ แล้วนอน

วันพุธที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2557

การบ้าน 25/6/57

25/6/57

ระหว่างวันมีพี่ที่ทำงานมาระบายให้ฟังเรื่องโดนลูกค้าเหวี่ยงโดยที่เจ้าตัวไม่ผิด มานั่งนึกเมื่อไม่ผิดแล้วมันเอาความโกรธมาจากไหนกัน ดูมันไม่มีฐานความจริงให้หยั่งมันโกรธอะไร ความตกใจ+ความงง กลายเป็นโกรธ ที่นึกไม่ใช่เพราะตัวเองไม่เป็น แต่เพราะตัวเองก็เป็น โดนเข้าใจผิดอะไรนิดหน่อย หรือคนอื่นไม่ฟังคำอธิบายก็รู้สึกอึดอัด ... เออหนอ อึดอัดทำไม

ก่อนนอนสวดอิติปิโสไม่นับรอบ สวดไปก็หลับไปบ้าง ความคิดลากไปบ้าง กลับมาก็เริ่มใหม่ ก็หายใหม่ ความคิดลากใหม่ ก็เริ่มใหม่ หลายวงจรจนสักพักมันก็ตื่น สวดไป 1 ชม.ก็นอน

วันอังคารที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2557

การบ้าน 24/6/57

24/6/57

ระหว่างทำงานอยู่หน้าคอมอยู่ๆ พี่จิตก็โยนเรื่องเมื่อวันก่อนที่โดนพี่คนนึงเสียงแข็งจนเราหน้าเงิบกลับมา แล้วมันก็ขำ มันเงิบไปได้ยังไงนะ คือเงิบด้วยน้ำเสียงไม่ได้เงิบด้วยเนื้อหาเลย สักพักก็โยนอีกเรื่องขึ้นมาคราวนี้ตอนแรกก็ดีๆ อยู่ๆ เปลี่ยนเป็นโทสะ พอรู้ตัวมันก็รู้สึกเงิบ  ทำเองรับผลเอง แล้วก็ขำ

ช่วงนี้สังเกตุเห็นความคิดที่เคยเป็นอกุศลหลายอย่างค่อยๆ เปลี่ยนเป็นกุศล แต่ความไม่เด็ดเดี่ยว ไม่เด็ดขาดยังต้องสังเกตุกันต่อไป

ก่อนนอนง่วงนอนมาก ระยะนี้ความตั้งใจที่จะสวดมนต์หายแซ้บ สวดด้วยรู้สึกว่าสวดไปเห๊อะ เอาความต่อเนื่อง แต่จิตไม่ตั้ง เมื่อคืนนอนหลับสบายตื่นมาตีสี่มาสวดชดเชย

วันจันทร์ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2557

การบ้าน 23/6/57

23/6/57

เริ่มเข้าสู่โหมดขี้เกียจไปขี้เกียจมา เหมือนพอได้รู้สึกตัวดีๆ ได้นิดหน่อย แล้วก็รู้สึกว่า เฮ้ย จริงๆ ไม่มีอะไรนี่หว่า ไม่เห็นต้องทำไรเลย ผ่านไปสักอาทิตย์ตอนนี้กลับสู่โหมดโมหะครอบแล้ว 5555 สมน้ำหน้าตัวเอง อิอิ

เช้าตื่นมานั่งสมาธิสบายๆ ประมาณ 20 นาที ระหว่างวันไม่ค่อยมีสติแต่การงานยังเก็บได้ดี กลับบ้านบังเอิญได้อ่านคอมเม้นต์ดราม่าเรื่องใกล้ตัว อ่านแล้วก็ของขึ้นแต่จะตอบด้วยอารมณ์มันจะไม่รอบ เลยไปเรียบเรียงมาตอบแบบดึงอารมณ์ออก ใจก็เย็นลงพอโพสต์จบก็รู้สึกหมดหน้าที่ไม่มีธุระกับโพสต์นั้นอีก

ก่อนนอนสวดอิติปิโส 84 จบ

วันอาทิตย์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2557

การบ้าน 21-22 มิ.ย.57

21 มิ.ย.57

รู้สึกช่วงนี้ขาดบุญ อยากทำบุญ ต้องเป็นบุญประเภทขุดพลังบ้าออกไป อยากใช้แรงงาน เลยลงชื่อไปช่วยปลูกต้นไม้กับวัดผาซ่อนแก้ว ก่อนถึงวัดรถตู้พาแวะไปกราบหลวงพ่อสมกิจก่อน ปรากฏตอนจะเข้าไปถึงก็มีรถตามมา อ่าว ปรากฏว่าเป็นรถหลวงพ่อปารมี เลยได้กราบ 2 องค์พร้อมกัน แถมบังเอิญเป็นวันเกิดหลวงพ่อปารมีอีกต่างหาก เลยเกิดปีติหลายเด้ง ไปกราบท่านทั้งสององค์ก็เมตตาเล่าเรื่องหรรษาสอดแทรกธรรมะ ซึ่งด้วยตัวเรื่องจริงๆ เป็นเรื่องอุบัติเหตุร้ายแรงที่เคยเกิดกับท่าน ถ้ากลับกันเป็นเรื่องที่เกิดกับเราเราคงมาเล่าเป็นเรื่องชวนหัวไม่ได้แบบนั้น ท่านก็ชี้ให้เห็นประโยชน์ของการฝึกสติที่พวกเราทำๆ กันอยู่ ถึงเวลามันจะออกมาช่วยชีวิตนะ ไม่ตกใจ วางแผนอัตโนมัติเป็นขั้นเป็นตอนแล้วก็ทำไปตามสมควรมันก็รอดสิ พอตอนจะลาหลวงพ่อสมกิจกลับท่านก็ให้พรประมาณว่า "เดินทางปลอดภัยนะ ไปก็ปลอดภัย มาก็ปลอดภัย เอาให้มันปลอดภัยในสังสารวัฏเลยนะ"

ช่วงบ่่ายแก่ๆ ไปถึงวัด วันนี้ค้างที่วัด 1 คืนก่อน พรุ่งนี้จึงค่อยเดินทางไปปลูกต้นไม้ที่พิจิตร ก็แยกย้ายกันภาวนา ก็ทำวัตรเย็น นั่งสมาธิ เดินจงกรม ไม่ได้เตรียมใจมาเนสัชชิกกำลังเลยออกหย่อนๆ ก็บอกตัวเองว่าแค่ไหนก็แค่นั้น ตอนแรกเดินจงกรมอยู่ที่พระเจดีย์แต่ลมแรงมาก เลยเปลี่ยนที่ ถึง 5 ทุ่มก็นอน

22 มิ.ย.57

ตื่นตี 3 กว่าลุกมาเก็บข้าวของ นั่งสมาธิที่พระเจดีย์ ลมแรงบอกกับตัวเองว่า ไม่สัปปายะเลยน้า ดูๆ ไป ก็เห็นใจมันไม่ชอบ ตี 5 ทำวัตรเช้า และออกเดินทางไปพิจิตร ก็ได้ใช้แรงสมใจ ใช้จอบใช้เสียมขุดดินขุดหญ้าขนต้นไม้ลง สร้างสถานปฏิบัติธรรมใหม่ ช้อนพรวนใช้ไม่ถนัดก็เอามือเนี่ยแหละโกยๆ ระหว่างทำงาน หลวงพ่ออำนาจท่านก็สอนปฏิจจฯ ไปด้วย จับความได้ว่า ทั้งวงจรปฏิจจฯ แท้จริงมันก็คือพลังงานที่ส่งทอดกันไปเท่านั้นเอง ไม่ได้มีคน หรือสัตว์ ตัณหาก็เป็นพลังงาน ไม่ใช่ว่ามีใครมีตัณหา

ก่อนกลับน้องผู้ชายคนหนึ่งที่ขึ้นรถตู้ไปจากกรุงเทพด้วยกันมาบอกหัวหน้าทีมว่าเขาจะไม่กลับด้วยนะ จะอยู่ขอบวชกับหลวงพ่อที่นี่ หลวงพ่ออำนาจอนุญาตแล้ว พี่ๆ ทุกคนก็ร่วมอนุโมทนา แล้วก็ถามว่าแล้วนี่ไปขออนุญาตหลวงพ่อปารมีเจ้าอาวาสรึยัง น้องก็ว่ายัง พอไปขอเสร็จหลวงพ่อปารมีท่านก็ว่าไม่ใช่บอกว่าอนุญาตก็บวชได้นะ ต้องมีหนังสือรับรองพ่อแม่เซ็นก่อน พี่ๆ ก็ช่วยกันถามพระอาจารย์ว่าขั้นตอนเป็นยังไง ส่งแฟกซ์ได้มั้ย ฯลฯ ทันใดน้องก็เดินกลับไปที่รถตู้คว้าเอกสารพ่อแม่ ผู้ใหญ่บ้าน และตำรวจเซ็นรับรองเรียบร้อย (ฉากนี้รู้สึกเหมือนการ์ตูน 4 ช่องชอบกล) อึ้งน้องมาก น้องเตรียมตัวมาแบบไม่กลับเลย อนุโมทนากับกำลังใจน้องอย่างแรง เลยร่วมบุญปัจจัยให้ว่าที่พระใหม่ไป นี่เท่ากับว่าเป็นการเดินทางไปส่งพระบวชเลยนะเนี่ย

(เขียนไปเขียนมา อ่าวมีแต่เรื่องโม้ ไม่มีการบ้าน :P)

สิ่งทีสังเกต

  • รอบนี้ไม่มีความรำคาญในการอยู่ในฝูงชน เห็นคนคุยในลักษณะที่ว่าถ้าเป็นเมื่อก่อนจะหมั่นไส้ว่าไม่เห็นมีอะไรน่าอวดเลย แต่รอบนี้ได้ยินไปก็รู้สึก ดีเนาะๆ
  • จะเดินผ่านขยะไปเฉยๆ ก็รู้สึกผิด เก็บก็ได้วะ

วันศุกร์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2557

การบ้าน 20/6/57

20/6/57

เช้าตอนเดินจะข้ามถนนเห็นตัวเองไม่มีสติจังหวะขากับจังหวะตาดูไม่สัมพันธ์กัน
ทำวัตรเย็นที่วัดปทุม
ตอนเดินกลับเข้าบ้านเห็นรถขับไม่ระวังเกิดตกใจตามด้วยโทสะ คือ จ้องไปพอเห็นก็คลาย
ก่อนนอนสวดอิติปิโส 72 จบ

วันพฤหัสบดีที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2557

การบ้าน 19 มิ.ย.57

19/6/57

ตื่นเช้ามาใจมันค้างจากเมื่อคืนที่อ่านการบ้านเดอะเนยแล้วมีคุยกันเรื่องศรัทธา มันก็เลยนั่งพิจารณาศรัทธาแต่เช้าด้วยมันเป็นองค์ธรรมที่หนูไม่เข้าใจ แต่ยังไม่แล้วใจก็ต้องไปทำงาน

ระหว่างวันสติปานกลาง มีหงุดหงิดประปรายจากการรู้สึกว่าพวกผู้ใหญ่นี่ไม่รู้จักเกรงใจคนอื่นเลยนะแต่ก็ปล่อยเร็วไม่มีเรื่องอะไร ย้อนกลับมาดูตัวเองเคลื่อนไหว ดูการหายใจ ดูความผ่อนคลายบ่อยกว่าเมื่อก่อน

ก่อนนอนวันนี้ไม่สวดมนต์ แต่นั่งดูความรู้สึกสบายๆ ไป สักพักก็นอน

วันพุธที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2557

โยนศรัทธา


  • ศรัทธามันเป็นองค์ธรรมแบบไหน มีสภาวะธรรมแบบไหนกัน 
  • ถ้าพูดกันชุ่ยๆ ว่าศรัทธาคือ "ความเชื่อ" มันชุ่ยจนไม่รู้เรื่อง 
  • เห็นที่พี่อินทรีย์ห้าตอบเดอะเนยมีคำว่า "กลัว" มีคำว่า "ไม่เด็ดขาด" อันเนื่องด้วยศรัทธาเป็นเหตุ
  • คุณนายมีพูดอะไรสักอย่าง "คนเราทำตามในสิ่งที่ยึดมั่นและศรัทธา" 
  • ศรัทธาเป็นความวางใจ หรือคือใจที่วาง
  • ศรัทธาคือความเชื่อใจ อบอุ่น
  • ศรัทธาคือความรู้สึกว่ามี back up จึงรู้สึกปลอดภัย
  • ศรัทธายิ้มได้กับความสงสัย เห็นความสงสัยนั้นน่ารัก
  • ศรัทธาเป็นความกล้าที่จะเริ่มสิ่งใหม่โดยที่ความกลัวก็ยังมี วิริยะเป็นความกล้าที่จะเดินต่อ
  • (ถาม) บุคคลแบบไหนน่าศรัทธา - (ตอบ) บุคคลที่เสียสละเกินคนอย่างต่อเนื่อง
  • (ถาม) ศรัทธาต้องมีวัตถุไหม  - (ตอบ) ไม่รู้
  • ศรัทธาเป็นความเสี่ยงทางจิตวิญญาณ บนข้อมูลที่ผ่านมาว่าวิธีการเดิมไม่ได้ผล เหมือนรู้ตัวว่าเป็นโรคร้ายและวิธีอื่นได้ลองมาหมดแล้ว คงเหลือวิธีอันตรายนี่ จึงเริ่มตั้งข้อสังเกตุว่า แล้วสิ่งที่ยังไม่ได้ลองนี้ล่ะ เป็นความเชื่อใจแบบคนไข้เชื่อมือหมอผ่าตัด
  • ศรัทธาเป็นความเชื่อมโยงกับภายนอก ความซื่อตรง ไม่คดเบี้ยว
  • น่าจะอธิบายด้วยอินทรีย์ได้
  • (ถาม) บุคคลแบบไหนน่าศรัทธา - (ตอบ) บุคคลที่อ่อนน้อม
  • (ถาม) บุคคลแบบไหนน่าศรัทธา - (ตอบ) บุคคลที่กลมกลืนกับธรรมชาติ
  • ในศรัทธามีความตั้งใจ มีความซื่อตรง
  • (ถาม) บุคคลแบบไหนน่าศรัทธา - (ตอบ) บุคคลที่ตั้งใจแน่วแน่ไม่หวั่นไหว
  • (ถาม) บุคคลแบบไหนน่าศรัทธา - (ตอบ) บุคคลที่แยกแยะชัดเจน


การบ้าน 18/6/57

18/6/57

ระหว่างวันสติพอใช้ได้คิดว่าเป็นผลตกค้างจากการไปอยู่วัดมา ตอนเที่ยงตั้งใจนั่งตอบกระทู้อันนึงตอนตอบก็รู้สึกใจมันเรื่อยๆ พอตอบเสร็จโพสต์ขึ้นไป กลับวกกลับไปเช็คดูเรื่อยๆ มีความอยากเห็นการตอบสนอง สงสัยที่คิดว่าเรื่อยๆ คงไม่เรื่อยๆ จริง

ระหว่างวันเห็นความสงสัยเกิดขึ้นตามด้วยความรู้สึกผิด..อน๊าถอนาถตัวเอง

ตอนเย็นใจมีความอยากฟังคลิปหลวงพ่อสมบูรณ์เหมือนเมื่อวาน แต่อีกใจกลับเป็นว่าเมื่อมันเป็นคลิปที่ช่วยเปิดใจได้ก็เก็บไว้ใช้เวลาจิตตกหนักๆ ดีมั้ย ใช้บ่อยๆ เดี๋ยวดื้อยานะ มีการเสียดายของด้วยเอากะมันสิ แต่สุดท้ายก็เปิดฟังตอนดึกเลยมีเวลาฟังไม่เท่าไร ตอนฟังวันนี้ใจไม่โปร่งเท่าเมื่อวานเหมือนหงายไพ่ไม่ครบทุกใบมีกั๊กๆ ไว้ แต่ก็รู้สึกสบาย พอสังเกตความสบายถ้านั่งเฉยๆ สักพักจะมีเหมือนอะไรบางๆ มาหุ้ม เหมือนพอน้ำนิ่งตะกอนก็ตกก้นตุ่มประมาณนั้น พอขยับตัวทีก็เหมือนตะกอนกระจายออกไปที สักพักคุณนายมาเคาะประตู ใจก็กระตุกสะดุ้งมานิดนึง อ่าว งั้นที่เห็นว่ารู้สึกสบายๆ นี่มันไม่ได้อยู่ในฐานมันสิงั้น 555

ก่อนนอน สวดอิติปิโส 108 วันนี้ก็สวดได้สบายๆ ระหว่างสวดมีคิดปนบ้าง สักรอบที่ 50 กว่ามีสังเกตพอตัวเลขมากขึ้นใจมันไม่ fresh เหมือนรอบแรก มันไปถือเอาตัวเลขเอาไว้เป็นของมัน เลยใช้อุบายหลอกมันว่าเมื่อกี้น่ะนับ 1 นะ มันก็กลับไป fresh แวบนึง


วันอังคารที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2557

17/6/57

17/6/57

อยู่บ้านนั่งเล่นคอมฯ เจอหัวข้อนึงน่าสนใจเลยนั่งอ่านอย่างนาน เหมือนหลุดเข้าไปอีกโลกนึงที่ดึงดูด อ่านไปตื่นตาตื่นใจตื่นเต้น อ่านถึงตรงไหนไม่เข้าใจก็กดลิ้งค์ตามลึกไปเรื่อยๆ แต่พอตัดอารมณ์กลับมาเล่นเฟสบุค พบว่ามันเป็นอีกระดับนึง เป็นความเพลินที่ง่ายๆ ตื้นๆ เข้าถึงง่าย ติดง่าย แต่ไม่มีแรงดึงดูดเท่า

ตอนเย็นเปิดคลิปหลวงพ่อสมบูรณ์ฟัง พร้อมกับนั่งยกมือสบายๆ พอเปลี่ยนอิริยาบถไปสนใจอย่างอื่น จิตตื่นที่หลวงพ่อชี้อยู่ตอนตั้งใจฟังเมื่อกี้มีอะไรมืดๆ มาเกาะทันที แล้วพอหันกลับไปตั้งใจฟังสภาวะตื่นก็กลับมาตั้งใหม่ และพอลุกไปทำงานจิตอย่างที่ว่าก็หายไป เลยตั้งคำถาม "แล้วต้องทำไงให้มันเป็นแบบนั้น" แล้วมันก็เข้าสู่สภาวะตีบตันทันที เวลาฟังเหมือนเข้าใจแต่พออยู่คนเดียวกลับดูไม่เป็น เลยกลับไปฟังใหม่อีกรอบได้คีย์มาว่า "ตอนนี้ทีอั้นมีกลั้นอะไรมั้ย" คำถามนี้ใช้ได้ดีทีเดียว และได้ข้อสรุปว่าการนั่งยกมือเฉยๆ โดยที่จิตไม่ตื่นจะกลายเป็นเพ่งและอึดอัดฟรีๆ

ก่อนนอนสวดอิติปิโส 108 วันนี้รู้สึกเวลาทางจิตผ่านไปเร็ว เวลาทางนาฬิกาเดินปกติ สวดแป๊บเดียวจบแล้ว แต่มีอยู่จบที่ 62 จิตขยุกขยิกรู้สึกเวลาเดินช้ามากไม่จบรอบสักที


การบ้าน 14-16 มิ.ย.57

14 - 16 มิ.ย.57

ไปอยู่วัดสนามในมา 3 วัน เรียนกับหลวงพ่อสมบูรณ์ 2 วัน ปฏิบัติเอง 1 วัน นอนสองทุ่มตื่นตีสาม นั่งปฏิบัติ+เดินจงกรมเช้า สาย บ่าย เย็น สิ่งที่สังเกตได้จากการไปอยู่วัดคราวนี้ ได้แก่

ตอนอยู่กับหลวงพ่อท่านก็ชี้สภาวะให้ดู เราก็รู้สึกปลอดโปร่งโล่งสบาย แต่พอพ้นท่านมาทำไมมันเหมือนไม่รู้เรื่องอะไรเลยหว่า

ความคิดที่ว่าถ้านอนไม่พอระหว่างวันจะง่วงซึม เป็นความคิดที่...ผิดโดยสิ้นเชิง!! ตอนอยู่วัดตรีฯ ไม่นอนสองสามวันยังเฉยๆ ไม่ง่วงเอาเป็นเอาตายขนาดนี้ อยู่วัดสนามในนอนพอสุดๆ ระหว่างวันก็ยังง่วง ซึ่งก็ยังแปลกใจว่าง่วงอะไรกันนักกันหนาทั้งๆ ที่นั่งยกมือ หรือเดินจงกรมมันเป็นกิจกรรมเคลื่อนไหวไม่น่าจะง่วงผลคือก็เดินเซไปหลายที ทั้งนี้ช่วงไม่ง่วงก็มีบ้างเป็นช่วงหลังจากปล่อยให้มันคอหักไปครู่หนึ่งมันจะฟื้นขึ้นมาด้วยความตื่น แล้วก็นั่งต่อได้อีกนาน นอกจากนี้บรรยากาศส่งผลมาก ท่ามกลางต้นไม้โปร่งๆ มีลมพัดเรื่อยๆ เย็นๆ ช่วงเช้าสัก 7 โมง หรือสัก 4-5 โมงเย็นสัปปายะที่สุด

ในกุฏิที่วัดมีตั่งมีเสื่อรองให้นอน พบว่ามันเป็นวัตถุที่ดึงดูดมาก แค่หย่อนก้นลงนั่งใจก็เคลิ้มมีความสุข นั่งสักพักจะอยากนอน พอนอนทีไปเร็วมากอิติปิโสยังไม่จบรอบเลย

ระหว่างกินข้าว ที่วัดนั่งใช้ชามสังกะสี เวลากินก็นั่งกับพื้น ด้วยระยะห่างระหว่างอาหารกับสายตา พบว่าสิ่งนี้ทำให้พิจารณาอาหารได้ดีกว่าอยู่ที่บ้านมาก (ที่บ้านนั่งกินกับโต๊ะ และอาหารเหมือนจะถูกซูมขยาย เพราะมันอยู่ค่อนข้างใกล้ตาคือนอกจากจะเป็นอาหารปาก ยังเป็นอาหารตา อาหารจมูก) อันนี้อาหารอยู่ไกลตาไกลปาก กับข้าวหลายๆ อย่างตักมาก็มาแบะๆ แฉะๆ รวมกันดูไกลๆ เหมือนขยะกองนึง ไม่ได้เหมือนอยู่บ้านว่ามีอาหารที่มีคนบรรจงปรุงให้เรา มีอะไรก็ตักเข้าปาก เคี้ยวๆ ไม่นั่งเขี่ย นั่งเล็ง นั่งเลือกอะไรก่อนอะไรหลัง ตัดความฟุ้งซ่านรำคาญใจเรื่องอาหารได้ดีทีเดียว แต่ก็มีเผลอที่มีมื้อนึงตักน้ำแกงมามาก แล้วพอจะตักเข้าปากมันสูงกลัวมันจะหก เลยยกชามขึ้นมาใกล้ๆ กินไปกินมา เอ๊ะ ไม่เห็นพระทำ 5555 ไม่งามแน่เลย เลยเอาลง

ระหว่างเดินจงกรมความคิดมากเหมือนเดิม เป็นเรื่องที่เพิ่งประสบพบเจอแล้วประทับใจ พี่จิตก็วนฉายแล้วฉายอีก คิดเรื่องนี้แล้วมันดีใจก็เสพอารมณ์ไปเรื่อยสักพักพอเริ่มจะนั่งปุ๊บความง่วงก็จับเกือบจะทันใดถ้าปล่อยก็จะเข้าสู่วงจรคอหัก

ระหว่างเดินจงกรมมีอยู่รอบหนึ่งที่ออกมาเดินนอกศาลา เดินไปสักพักมีผู้ปฏิบัติอีกคนมาเดินตัดทางจงกรมเราแบบไม่ดูตาม้าตาเรือ รู้สึกเป็นตัวเกิดขึ้นมาทันที เห็นก็เมตตาเดินแล้วก็ดับไป

ระหว่างล้างจานคนข้างๆ คุยโน่นคุยนี่ ตอนแรกว่าจะผสมโรงไปด้วย ถามย้อนกลับว่าจำเป็นมั้ย ไม่จำเป็นเลยหยุด

ระหว่างล้างจานคนข้างๆ คนเดียวกันล้างแฟ้บไม่สะอาด จานใบเดียวส่งกลับไปล้างใหม่สองรอบสามรอบ เขาล้างลวกมากๆ เจ้าตัวก็เล่าว่าตั้งแต่ไปอยู่ญี่ปุ่นไม่เคยต้องทำงานบ้านเลยทำไม่เป็น ฟังๆ ไปพี่จิตก็หมั่นไส้แบบไม่เปิดเผย กำลังจะพูดออกไปว่า "ไม่เป็นก็ฝึกสิจ๊ะ" แต่เห็นมันไม่เมตตาก็หยุดไว้ได้ทัน พอเราส่งกลับบ่อย สักพักพี่คนนั้นเขาก็งอแงว่าไม่ทำแล้วเขาล้างเท่าไรก็ไม่สะอาด เราก็นึกกับตัวเองว่า "เออ ทำไมเราไม่สอนเขาเนอะ" "เออ เราไม่ต้องส่งกลับก็ได้เนอะ ก็หยิบมาขัดต่อเองก็ได้นิ"

วันหนึ่งขณะกำลังจะกินข้าวเที่ยง มีโยมทำอาหารมาถวายพระ ตอนแรกนั่งอยู่เห็นว่าเขาถือของอยู่แต่ไม่เห็นว่าขาเขาเดินกะเผลก พอได้ยินพระอาจารย์ทักให้เขาค่อยๆ เดิน ก็เห็นตัวพุ่งเข้าไปช่วยรับของ + ช่วยประคอง นานๆ จะเห็นตัวทำความดีโดยไม่คิด

ไปวัดคราวนี้วันแรกยังติดขี้เกียจทำงาน พื้นกว้างขี้เกียจกวาดขี้เกียจถู พอวันถัดมาเห็นกายมันหยิบจับอะไรคล่องแคล่วขึ้น ไม่มีงอแง กวาดท่านึงเมื่อยก็ขยับในมุมให้มันไม่เมื่อยเรียกว่าทำงานไม่ให้เปลืองแรง ทำเสร็จก็ไปทำแซนด์วิชทาแยมถวายพระ หั่นขนมปังไม่เป็น ห่อพลาสติกก็ไม่สวย ออกมาดูไม่จืดเลย แต่ก็ดีใจได้ทำของถวายพระด้วย อิอิ  ^_^







การบ้าน 9-13 มิ.ย.57

9/6/57
นั่งรถเดินทางลงใต้อย่างนาน ระหว่างทางเสียบหูฟังโองการสลับกับพาหุงไปเรื่อยๆ ในเวลาที่ไม่มีอะไรกระทบมันก็รู้สึกเฉยไม่ถึงขั้นทื่อ แต่ก็เรียกไม่ได้ว่าว่องไวควรแก่การงาน ความนุ่มความอ่อน ก็ไม่มี แต่มันก็ไม่ได้รู้สึกแข็งกระด้างอะไร มันเช้ยเฉย เฉยจนดูไปดูมาเบื่อ ปล่อยไปสักพักก็โงกก็เอาหนังสือมาอ่าน
หนังสือพูดถึงความกลัวว่าเป็นปฏิปักษ์กับความรัก และความรักไม่ใช่เรื่องของความสัมพันธ์แต่เป็นเรื่องของการดำรงอยู่ เป็นคุณสมบัติที่เอ่อล้นออกมาจากภายใน บลาๆๆ ตอนอ่านพี่จิตก็อินตาม เอ่อล้นไปด้วยความรัก โดนคนข้างหน้าเบียดจนจะขยับไม่ได้อยู่แล้ว ถ้าเป็นปกติป่านนี้ผีโทสะเข้าสิงไปนานแล้ว แต่ตอนนี้กำลังเอ่อล้นอยู่ เอาเถอะเราก็เป็นสิ่งสร้างสรรค์จากธรรมชาติเหมือนกันไม่มีเหตุอะไรให้ต้องขัดแย้งเลย เขานั่งไม่สบายก็เลยเอนมามากมายมาเบียดเราก็แค่นั้น เราก็นั่งเก็บแข้งเก็บขานั่งสมาธิไปก็ไม่มีเรื่องแล้ว มันก็เอ่อล้นของมันไป พอปิดหนังสือไปสักพักก็กลับมาเฉยเหมือนเดิม
ฟังเสียงสวดมนต์นั่งสมาธิ สลับกับอ่านหนังสือ เป็นเฉยๆ สลับเอ่อล้นเป็นวงจรไป ตอนช่วงเอ่อล้นแกล้งแหย่หน้าคนๆ นึงเข้าไปปรากฏเฮ้ย มันเมตตาคนนี้ไม่ได้ว่ะ มันมีข้อยกเว้นเฉยเลย ไม่ผ่านๆ 5555

10-11/6/57
สังเกตุว่าหลังจากการนอนพื้นมานาน พอกลับมานอนเตียงนอนเท่าไรก็ยังง่วง ระหว่างวันก็ดูตัวตนแบบนู้นแบบนี้เกิดดับไป เวลาความคิดพาไปเรื่องนึงก็จะเป็นบุคลิกแบบนึง เวลาคุยกับคนนึงบุคลิกก็เปลี่ยนเป็นอีกอย่าง อยู่กับคณะที่มีผู้ใหญ่หลายคนก็จะเห็นตัวที่ทำตัวน่ารัก และบางทีก็ไม่ชอบไอ้ตัวนี้ บางทีก็เฉยๆ แม้จะมีเวลานั่งรถนาน แต่ก็นั่งสมาธิไม่ได้ เหมือนจะคอยคิดนู่นนี่ และมีกังวลอยู่ตลอด ก่อนนอนสวดมนต์สั้นๆ แล้วก็นอน

  • อินทรีย์ ห้า ต้องฝึกที่จะฝืนค่ะ เพื่อให้มีสติได้ต่อเนื่อง และเกิดสมาธิได้
  • อินทรีย์ ห้า ธรรมชาติของจิตชอบเสพอารมณ์ จะฝึกเค้าก็ต้องฝืน ไม่ปล่อยให้เค้าเพลิดเพลินกับอารมณ์ ก่อภพ ก่อชาติ เป็นวงจรที่ยาว

    ฝึกพี่สติขึ้นมาสู้ นำมารู้แล้วละความเพลิน ดึงจิตกลับมาที่ฐานบ่อยๆ จนวงจรสั้นขึ้น เหลือเป็นปัจจุบันธรรม


12/6/57
ทำงานไม่หยุดมีช่วงพักช่วงกลางวันไปนั่งหลับตาอยู่ในสวนรู้สึกมีความสุขและได้สมาธิดีกว่าเวลาตั้งใจจะนั่งจริงๆ
ตอนเย็นคณะมีไปกินเลี้ยงและต่อด้วยคาราโอเกะอย่างนาน ตอนแรกก็เฉยๆ นึกว่าจะรอได้ แต่หลังจากทำทุกอย่างอย่างเอ้อระเหยเสร็จแล้วเขายังไม่มีวี่แววจะเลิกกันก็เริ่มเบื่อ จากเบื่อเป็นหงุดหงิด เพราะตอนแรกว่าจะกลับเองตั้งนานแล้วแต่ผู้ใหญ่บอกให้อยู่คนจะได้ไม่โหรงเหรง (แต่สุดท้ายเราก็ทนอยู่ไม่ได้อยู่ดี) ไปนั่งรอในรถกะว่านั่งสมาธิรอก็ได้ดันหงุดหงิดกว่าเดิม มันมีความอยากให้ใจสงบ พอเดินออกมาก็ยังเห็นร่องรอยความโกรธอยู่ หลงแว้บตัด มันตั้งใจเพราะอยู่ในสถานที่ไม่คุ้นรู้ว่าต้องใช้สติที่เพิ่มขึ้น และการออกจากสถานการณ์ก็ทำให้มันหายไปอย่างรวดเร็ว บังเอิญเดินไปถามทางเด็กมัธยมเขาก็อาสาขี่มอไซค์มาส่ง เลยขอบคุณเขาและก็ขอบคุณความหงุดหงิดที่ทำให้เจอเรื่องดีๆ
สวดอิติปิโสสักพักหนึ่งแล้วนอน

13/6/57
อ่านหนังสือบนรถไปด้วยไปๆมาๆ คลื่นไส้ ตอนแรกก็รู้สึกแย่มาก สักพักพอตั้งสติได้เลยถามกลับว่า อะไรแย่ ใครกันแย่ ตรงไหนแย่ ความแย่เลยถูกแยกออกไล่หาไปเป็นจุดๆ อยู่ไหนไม่รู้หายแย่ชั่วคราว สักพักกลับไปแย่ใหม่ก็ไล่ดูใหม่

วันอาทิตย์ที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2557

การบ้าน 8/6/57

8/6/57

ตื่นเช้ามานั่งสมาธิ 30 นาที

ระหว่างวันนั่งตรวจทานงานแปลหนังสือธรรมะ ตอนได้งานนี้มาก็ตลกดี อธิษฐานในใจไปเล่นๆ ว่าอยากทำบุญ อยากทำอะไรเพื่อศาสนา อยู่ๆ งานนี้ก็โผล่มาบนเฟสบุคเฉยเลย ได้มาใหม่ๆ ก็ทำเฉพาะเมื่อมีอารมณ์ ขี้เกียจบ้างว่างั้น แต่พอจะไม่อยู่กรุงเทพหลายวันก็สร้างเดดไลน์ให้ตัวเอง คราวนี้นั่งทำไม่งอแง
จนเสร็จตามเวลาที่ต้องการเป๊ะ

ก่อนนอนสวดมนต์บทต่างๆ + อิติปิโส 36 จบ

วันเสาร์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2557

การบ้าน 7/6/57

7/6/57

ตื่นมานั่งสมาธิน่าจะประมาณ 20 นาที ระหว่างวันอยากฟังเพลงไม่รู้เป็นไร และก็จะฟังอยู่เพลงเดียววนไปวนมา ก่อนนอนสวดอิติปิโส 31 จบ

การบ้าน 6/6/57

6/6/57

ระหว่างวันใจมีแรงดันให้ดิ้นไปดิ้นมา ไม่มีเหตุก็ไม่มีอะไรแต่โทสะคอยจะขึ้นอยู่ตลอดเวลา เจอใครทำอะไรชุ่ยๆ นี่จิตสังหารแผ่เร็วมาก ร้อน ดีที่ไม่มีเรื่องอะไร ระหว่างวันมีพี่ที่รู้จักกันแวะมาเยี่ยมสนทนาธรรมด้วยเขาก็เตือนเราเรื่องศีลวาจา การจิกกัด ส่อเสียด ฟังแล้วก็รู้สึกดีใจเหลือเกินที่มีคนเตือนขอบพระคุณพี่เขา และอนุโมทนาบุญที่ช่วยให้เราได้สติ

ก่อนนอนใจโอ้เอ้ไม่อยากสวดมนต์ นั่งเล่นไปมาจนเลยเวลาอันควร ผลคือง่วงเหลือเกินกว่าจะผ่านแต่ละจบวนไม่รู้กี่รอบ เมื่อวานก็เลยได้ 36 รอบค่ะ

วันพฤหัสบดีที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2557

การบ้าน 5/6/57

5/6/57

ตื่นมานั่งสมาธิ 20 นาที ก่อนนอนสวดอิติปิโส 72 จบ ระหว่างสวดขยับมือไปด้วยเห็นใจวิ่งไปวิ่งมาระหว่างบทสวดกับมือที่เคลื่อน

วันพุธที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2557

การบ้าน 4/5/57

4/5/57
ระหว่างวันฟังเสียงสวดมนต์มาก แต่ก็ฟุ้งซ่านมากกว่า ก่อนนอนสวดอิติปิโส 36 จบ และนั่งสมาธิต่ออีกแป๊บนึงก็เข้านอน

วันอังคารที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2557

การบ้าน 3/6/57

3/6/57
ระหว่างวันฟังเสียงสวดมนต์ไปเรื่อยๆ นอกนั้นไม่ได้ทำอะไรที่สามารถเรียกว่าเป็นการบ้านได้เลย

วันอาทิตย์ที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2557

2/6/57

2/6/57

ตื่นมาเดินจงกรม ระหว่างเดินเห็นอารมณ์เก่า นึกว่าเลิกคิดแบบนี้ไปแล้ววันนี้อยู่ๆ ก็ผุดขึ้นมา ลองแผ่เมตตาก็ไม่ได้ผลยังเป็นก้อนอยู่อย่างนั้น ดูไปอีกแป๊บ สักพักก็เพิกไปจับอย่างอื่น แล้วก็มานั่งสมาธิอยู่ๆ ก็อยากขอถอนอธิษฐานรวมทั้งความตรึก ความยึดใดๆ ที่เป็นมิจฉา ที่กระทำไปโดยไม่รู้ (ร้อยวันพันปีไม่คิดจะทำ)

ก่อนนอนสวดอิติปิโส วันนี้สวดไม่เร่งจังหวะ ระลึกถึงบุญที่อยากทำมีความสุขเลี้ยงแผ่วๆ แต่พอเลิกระลึกความง่วงก็กวนอย่างรวดเร็วและดับที่ 55 จบ