9/6/57
นั่งรถเดินทางลงใต้อย่างนาน ระหว่างทางเสียบหูฟังโองการสลับกับพาหุงไปเรื่อยๆ ในเวลาที่ไม่มีอะไรกระทบมันก็รู้สึกเฉยไม่ถึงขั้นทื่อ แต่ก็เรียกไม่ได้ว่าว่องไวควรแก่การงาน ความนุ่มความอ่อน ก็ไม่มี แต่มันก็ไม่ได้รู้สึกแข็งกระด้างอะไร มันเช้ยเฉย เฉยจนดูไปดูมาเบื่อ ปล่อยไปสักพักก็โงกก็เอาหนังสือมาอ่าน
นั่งรถเดินทางลงใต้อย่างนาน ระหว่างทางเสียบหูฟังโองการสลับกับพาหุงไปเรื่อยๆ ในเวลาที่ไม่มีอะไรกระทบมันก็รู้สึกเฉยไม่ถึงขั้นทื่อ แต่ก็เรียกไม่ได้ว่าว่องไวควรแก่การงาน ความนุ่มความอ่อน ก็ไม่มี แต่มันก็ไม่ได้รู้สึกแข็งกระด้างอะไร มันเช้ยเฉย เฉยจนดูไปดูมาเบื่อ ปล่อยไปสักพักก็โงกก็เอาหนังสือมาอ่าน
หนังสือพูดถึงความกลัวว่าเป็นปฏิปักษ์กับความรัก และความรักไม่ใช่เรื่องของความสัมพันธ์แต่เป็นเรื่องของการดำรงอยู่ เป็นคุณสมบัติที่เอ่อล้นออกมาจากภายใน บลาๆๆ ตอนอ่านพี่จิตก็อินตาม เอ่อล้นไปด้วยความรัก โดนคนข้างหน้าเบียดจนจะขยับไม่ได้อยู่แล้ว ถ้าเป็นปกติป่านนี้ผีโทสะเข้าสิงไปนานแล้ว แต่ตอนนี้กำลังเอ่อล้นอยู่ เอาเถอะเราก็เป็นสิ่งสร้างสรรค์จากธรรมชาติเหมือนกันไม่มีเหตุอะไรให้ต้องขัดแย้งเลย เขานั่งไม่สบายก็เลยเอนมามากมายมาเบียดเราก็แค่นั้น เราก็นั่งเก็บแข้งเก็บขานั่งสมาธิไปก็ไม่มีเรื่องแล้ว มันก็เอ่อล้นของมันไป พอปิดหนังสือไปสักพักก็กลับมาเฉยเหมือนเดิม
ฟังเสียงสวดมนต์นั่งสมาธิ สลับกับอ่านหนังสือ เป็นเฉยๆ สลับเอ่อล้นเป็นวงจรไป ตอนช่วงเอ่อล้นแกล้งแหย่หน้าคนๆ นึงเข้าไปปรากฏเฮ้ย มันเมตตาคนนี้ไม่ได้ว่ะ มันมีข้อยกเว้นเฉยเลย ไม่ผ่านๆ 5555
10-11/6/57
สังเกตุว่าหลังจากการนอนพื้นมานาน พอกลับมานอนเตียงนอนเท่าไรก็ยังง่วง ระหว่างวันก็ดูตัวตนแบบนู้นแบบนี้เกิดดับไป เวลาความคิดพาไปเรื่องนึงก็จะเป็นบุคลิกแบบนึง เวลาคุยกับคนนึงบุคลิกก็เปลี่ยนเป็นอีกอย่าง อยู่กับคณะที่มีผู้ใหญ่หลายคนก็จะเห็นตัวที่ทำตัวน่ารัก และบางทีก็ไม่ชอบไอ้ตัวนี้ บางทีก็เฉยๆ แม้จะมีเวลานั่งรถนาน แต่ก็นั่งสมาธิไม่ได้ เหมือนจะคอยคิดนู่นนี่ และมีกังวลอยู่ตลอด ก่อนนอนสวดมนต์สั้นๆ แล้วก็นอน
12/6/57
ทำงานไม่หยุดมีช่วงพักช่วงกลางวันไปนั่งหลับตาอยู่ในสวนรู้สึกมีความสุขและได้สมาธิดีกว่าเวลาตั้งใจจะนั่งจริงๆ
ทำงานไม่หยุดมีช่วงพักช่วงกลางวันไปนั่งหลับตาอยู่ในสวนรู้สึกมีความสุขและได้สมาธิดีกว่าเวลาตั้งใจจะนั่งจริงๆ
ตอนเย็นคณะมีไปกินเลี้ยงและต่อด้วยคาราโอเกะอย่างนาน ตอนแรกก็เฉยๆ นึกว่าจะรอได้ แต่หลังจากทำทุกอย่างอย่างเอ้อระเหยเสร็จแล้วเขายังไม่มีวี่แววจะเลิกกันก็เริ่มเบื่อ จากเบื่อเป็นหงุดหงิด เพราะตอนแรกว่าจะกลับเองตั้งนานแล้วแต่ผู้ใหญ่บอกให้อยู่คนจะได้ไม่โหรงเหรง (แต่สุดท้ายเราก็ทนอยู่ไม่ได้อยู่ดี) ไปนั่งรอในรถกะว่านั่งสมาธิรอก็ได้ดันหงุดหงิดกว่าเดิม มันมีความอยากให้ใจสงบ พอเดินออกมาก็ยังเห็นร่องรอยความโกรธอยู่ หลงแว้บตัด มันตั้งใจเพราะอยู่ในสถานที่ไม่คุ้นรู้ว่าต้องใช้สติที่เพิ่มขึ้น และการออกจากสถานการณ์ก็ทำให้มันหายไปอย่างรวดเร็ว บังเอิญเดินไปถามทางเด็กมัธยมเขาก็อาสาขี่มอไซค์มาส่ง เลยขอบคุณเขาและก็ขอบคุณความหงุดหงิดที่ทำให้เจอเรื่องดีๆ
สวดอิติปิโสสักพักหนึ่งแล้วนอน
อ่านหนังสือบนรถไปด้วยไปๆมาๆ คลื่นไส้ ตอนแรกก็รู้สึกแย่มาก สักพักพอตั้งสติได้เลยถามกลับว่า อะไรแย่ ใครกันแย่ ตรงไหนแย่ ความแย่เลยถูกแยกออกไล่หาไปเป็นจุดๆ อยู่ไหนไม่รู้หายแย่ชั่วคราว สักพักกลับไปแย่ใหม่ก็ไล่ดูใหม่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น