14 - 16 มิ.ย.57
ไปอยู่วัดสนามในมา 3 วัน เรียนกับหลวงพ่อสมบูรณ์ 2 วัน ปฏิบัติเอง 1 วัน นอนสองทุ่มตื่นตีสาม นั่งปฏิบัติ+เดินจงกรมเช้า สาย บ่าย เย็น สิ่งที่สังเกตได้จากการไปอยู่วัดคราวนี้ ได้แก่
ตอนอยู่กับหลวงพ่อท่านก็ชี้สภาวะให้ดู เราก็รู้สึกปลอดโปร่งโล่งสบาย แต่พอพ้นท่านมาทำไมมันเหมือนไม่รู้เรื่องอะไรเลยหว่า
ความคิดที่ว่าถ้านอนไม่พอระหว่างวันจะง่วงซึม เป็นความคิดที่...ผิดโดยสิ้นเชิง!! ตอนอยู่วัดตรีฯ ไม่นอนสองสามวันยังเฉยๆ ไม่ง่วงเอาเป็นเอาตายขนาดนี้ อยู่วัดสนามในนอนพอสุดๆ ระหว่างวันก็ยังง่วง ซึ่งก็ยังแปลกใจว่าง่วงอะไรกันนักกันหนาทั้งๆ ที่นั่งยกมือ หรือเดินจงกรมมันเป็นกิจกรรมเคลื่อนไหวไม่น่าจะง่วงผลคือก็เดินเซไปหลายที ทั้งนี้ช่วงไม่ง่วงก็มีบ้างเป็นช่วงหลังจากปล่อยให้มันคอหักไปครู่หนึ่งมันจะฟื้นขึ้นมาด้วยความตื่น แล้วก็นั่งต่อได้อีกนาน นอกจากนี้บรรยากาศส่งผลมาก ท่ามกลางต้นไม้โปร่งๆ มีลมพัดเรื่อยๆ เย็นๆ ช่วงเช้าสัก 7 โมง หรือสัก 4-5 โมงเย็นสัปปายะที่สุด
ในกุฏิที่วัดมีตั่งมีเสื่อรองให้นอน พบว่ามันเป็นวัตถุที่ดึงดูดมาก แค่หย่อนก้นลงนั่งใจก็เคลิ้มมีความสุข นั่งสักพักจะอยากนอน พอนอนทีไปเร็วมากอิติปิโสยังไม่จบรอบเลย
ระหว่างกินข้าว ที่วัดนั่งใช้ชามสังกะสี เวลากินก็นั่งกับพื้น ด้วยระยะห่างระหว่างอาหารกับสายตา พบว่าสิ่งนี้ทำให้พิจารณาอาหารได้ดีกว่าอยู่ที่บ้านมาก (ที่บ้านนั่งกินกับโต๊ะ และอาหารเหมือนจะถูกซูมขยาย เพราะมันอยู่ค่อนข้างใกล้ตาคือนอกจากจะเป็นอาหารปาก ยังเป็นอาหารตา อาหารจมูก) อันนี้อาหารอยู่ไกลตาไกลปาก กับข้าวหลายๆ อย่างตักมาก็มาแบะๆ แฉะๆ รวมกันดูไกลๆ เหมือนขยะกองนึง ไม่ได้เหมือนอยู่บ้านว่ามีอาหารที่มีคนบรรจงปรุงให้เรา มีอะไรก็ตักเข้าปาก เคี้ยวๆ ไม่นั่งเขี่ย นั่งเล็ง นั่งเลือกอะไรก่อนอะไรหลัง ตัดความฟุ้งซ่านรำคาญใจเรื่องอาหารได้ดีทีเดียว แต่ก็มีเผลอที่มีมื้อนึงตักน้ำแกงมามาก แล้วพอจะตักเข้าปากมันสูงกลัวมันจะหก เลยยกชามขึ้นมาใกล้ๆ กินไปกินมา เอ๊ะ ไม่เห็นพระทำ 5555 ไม่งามแน่เลย เลยเอาลง
ระหว่างเดินจงกรมความคิดมากเหมือนเดิม เป็นเรื่องที่เพิ่งประสบพบเจอแล้วประทับใจ พี่จิตก็วนฉายแล้วฉายอีก คิดเรื่องนี้แล้วมันดีใจก็เสพอารมณ์ไปเรื่อยสักพักพอเริ่มจะนั่งปุ๊บความง่วงก็จับเกือบจะทันใดถ้าปล่อยก็จะเข้าสู่วงจรคอหัก
ระหว่างเดินจงกรมมีอยู่รอบหนึ่งที่ออกมาเดินนอกศาลา เดินไปสักพักมีผู้ปฏิบัติอีกคนมาเดินตัดทางจงกรมเราแบบไม่ดูตาม้าตาเรือ รู้สึกเป็นตัวเกิดขึ้นมาทันที เห็นก็เมตตาเดินแล้วก็ดับไป
ระหว่างล้างจานคนข้างๆ คุยโน่นคุยนี่ ตอนแรกว่าจะผสมโรงไปด้วย ถามย้อนกลับว่าจำเป็นมั้ย ไม่จำเป็นเลยหยุด
ระหว่างล้างจานคนข้างๆ คนเดียวกันล้างแฟ้บไม่สะอาด จานใบเดียวส่งกลับไปล้างใหม่สองรอบสามรอบ เขาล้างลวกมากๆ เจ้าตัวก็เล่าว่าตั้งแต่ไปอยู่ญี่ปุ่นไม่เคยต้องทำงานบ้านเลยทำไม่เป็น ฟังๆ ไปพี่จิตก็หมั่นไส้แบบไม่เปิดเผย กำลังจะพูดออกไปว่า "ไม่เป็นก็ฝึกสิจ๊ะ" แต่เห็นมันไม่เมตตาก็หยุดไว้ได้ทัน พอเราส่งกลับบ่อย สักพักพี่คนนั้นเขาก็งอแงว่าไม่ทำแล้วเขาล้างเท่าไรก็ไม่สะอาด เราก็นึกกับตัวเองว่า "เออ ทำไมเราไม่สอนเขาเนอะ" "เออ เราไม่ต้องส่งกลับก็ได้เนอะ ก็หยิบมาขัดต่อเองก็ได้นิ"
วันหนึ่งขณะกำลังจะกินข้าวเที่ยง มีโยมทำอาหารมาถวายพระ ตอนแรกนั่งอยู่เห็นว่าเขาถือของอยู่แต่ไม่เห็นว่าขาเขาเดินกะเผลก พอได้ยินพระอาจารย์ทักให้เขาค่อยๆ เดิน ก็เห็นตัวพุ่งเข้าไปช่วยรับของ + ช่วยประคอง นานๆ จะเห็นตัวทำความดีโดยไม่คิด
ไปวัดคราวนี้วันแรกยังติดขี้เกียจทำงาน พื้นกว้างขี้เกียจกวาดขี้เกียจถู พอวันถัดมาเห็นกายมันหยิบจับอะไรคล่องแคล่วขึ้น ไม่มีงอแง กวาดท่านึงเมื่อยก็ขยับในมุมให้มันไม่เมื่อยเรียกว่าทำงานไม่ให้เปลืองแรง ทำเสร็จก็ไปทำแซนด์วิชทาแยมถวายพระ หั่นขนมปังไม่เป็น ห่อพลาสติกก็ไม่สวย ออกมาดูไม่จืดเลย แต่ก็ดีใจได้ทำของถวายพระด้วย อิอิ ^_^
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น