วันอาทิตย์ที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2560

สังขารในวาจา

คำพูดที่ไม่ได้ขึ้นจากความว่าง จะถูกสังขารบิดไปตลอดทางกว่าจะจบคำ
การถูกบิดไปตลอดทาง ตัวคำพูดนั้นเองก็แสดงลักษณะของสังขารอย่างครบถ้วน
เมื่อจบคำ แต่อาการสังขารยังไม่จบ อาการแสดงความอยากเห็นผลของคำพูดยังทรงอยู่
ทรงอยู่ด้วยผลของตัณหา

คำพูดที่ขึ้นจากความว่างนั้น มีลักษระ ประกอบขึ้นและสบายตัวลงไปทันที
ผู้สังเกตุไม่สามารถหยิบคว้าอะไรได้จากการพูดนั้นนอกไปจากความเบิกบานใการเป็นพยานของความลื่นไหล และเกิดดับ
พูดเสร็จก็จบลงที่ความว่าง ไม่มีอะไรให้จดจำ
เว้นเสียแต่ถูกความยินดีบางๆ แทรก จึงไปดึงคำพูดเมื่อกี้ขึ้นมารีวิว

ความยินดีในการพูดมาก ยิ่งกล่าวซ้ำในคำพูดมาก เพื่อจะกินเวทนาจากการพูด

ความคิดที่มีลักษณะไม่ชัดเจน ตัดสินใจอะไรไม่ได้เป็นเพราะอะไร
เป็นเพราะไม่รู้ว่าจริงๆ ต้องการอะไรกันแน่
เพราะอะไรจึงไม่รู้ว่าตนต้องการอะไรกันแน่
เพราะที่ผ่านมาให้ความใส่ใจถึงปัจจัยของสุขทุกข์ที่เกิดขึ้นไม่แยบคายพอ

การปรากฏของสิ่งของหนึ่งอยู่ตรงหน้า แล้วติดชื่อว่า "ของเรา"
จริงๆ แล้ว ส่งผลอะไร
ความต้องการที่แท้จริงในสิ่งใดสิ่งหนึ่ง มาจากเพียงทางเดียวเท่านั้นคือ สิ่งนั้นสามารถเข้ามาแก้ปัญหาที่กำลังประสบได้อย่างพอเหมาะพอดี
แต่หากสิ่งใดสิ่งหนึ่งนั้นอยู่ๆ โผล่มา แล้วปรากฏภายใต้รูป "ของเรา" ด้วยความที่ไม่รู้จะทำอะไรกับมัน จึงไม่แน่ใจในท่าทีที่จะแสดงต่อมัน
จะเอามันไปทางซ้าย หรือจะเอามันไปทางขวา ก็ไม่รู้
ครั้นจะวางลงก็เสียดายด้วยความที่มันเป็น "ของเรา"
ถามว่าจริงๆ แล้ว สิ่งที่ได้ชื่อว่า "ได้มา" นั้น จริงๆ แล้ว "ได้" หรือว่า "เสีย"
สังเกตุเห็นความสูญเสียอิสรภาพนั้นหรือเปล่า

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น