เพียรแล้ว...แต่ไม่ได้ผล
ท่านก็ไม่ได้บอกว่ามันจะต้องได้ผล...แต่บอกแต่ให้เพียร
ได้ผล/ไม่ได้ผลนี่ มันเกินท่านว่า
สิ่งที่ให้เจริญ คือ ความเพียร
ได้ผลไม่ได้ผล ก็ให้เจริญความเพียร
คือ เพียรแล้ว แต่กิเลสไม่หมด
มันหมดได้เพราะอริยมรรคตัด
แต่เพียรให้เจริญขึ้นไป
เลี้ยงความเพียรให้โตขึ้น จนเป็นอินทรีย์ เป็นพละ เป็นโพชฌงค์
จนมันไปทำงานกับคนอื่นเป็นสัมมาวายามะ
นั่นแหละจึงละกิเลส
แต่หน้าที่คือ เพียรไง...
มาบ่นตอนเจริญความเพียรว่า ได้ผล/ไม่ได้ผล
ก็เอาตัณหามานำหน้าเท่านั้นเอง
พวก "ความสุข" "ความสงบ" "ความปลอยวาง"
พวกนี้เป็นชื่อนิพพาน
หน้าที่ต่อนิพพานคือ ทำให้แจ้ง
ไม่ใช่ให้เจริญ พวกเราชอบมาเจริญความสุข...มันก็เป๋สิ
เปรียบเทียบกับนิพพาน หรือ ความสงบ ความปล่อยวางนี่เป็นการ "กินผลไม้"
พอมันสุกได้ที่ เราก็ได้ "กินผลมัน" (คือมันแจ้ง)
แต่เจริญความเพียรคือ "การปลูกต้นไม้"
เป็นการรดน้ำพรวนดิน ผลมันยังไม่ออก หน้าที่คือ "ทำต่อไป" ไง ^_^
ฝึกสติ เอาสติ
ฝึกความเพียร เอาความเพียร
รู้หน้าที่ต่อมัน นี่เรียกว่าฉลาด
ขันธ์ ธาตุ อายตนะ - ควรรู้
วิชชาและวิมุตติ - ควรทำให้แจ้ง
สมถะและวิปัสสนา สติปัฏฐาน สัมมัปปธาน อิทธิบาท อินทรีย์ พละ โพชฌงค์ มรรค - ควรเจริญ
ฉลาดในเหตุ - ทำเหตุให้เยอะๆ
ฉลาดในผล - ให้รู้ว่ามันเป็นวิบาก
ควรเจริญ คือ ทำให้มันมี ให้มันเยอะ
ไม่ใช่เจริญความปล่อยวาง
อันนี้ทำกิจไม่ถูก
"อยากสงบ"
อยาก - ให้ละ
สงบ - ทำให้แจ้ง
ปุถุชนจะงงเรื่องนี้อยู่ ก็ทำกิจผิดพลาดไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น