อโลภะนี่เป็นสภาวะอันนึงเลย
ไม่ใช่แค่ไม่โลภเฉยๆ ก็เรียกว่ามีอโลภะ
สมมติโลภะคือดินสอ อโลภะคือยางลบ
คือเป็นอีกตัวหนึ่งไปเลย
มันไม่ใช่ว่าดินสอเป็นโลภะ
อะไรที่ไม่ใช่ดินสอก็เป็นอโลภะ
เรียกว่า ทั้งโลภะ และ อโลภะ
เป็นสภาวะ 2 สภาวะ
และมีจริงทั้ง 2 อัน
แต่เวลาภาษาไทยเวลาแปลมา
เราพูดจะให้อารมณ์เหมือนกับว่า
โลภะเท่านั้นที่มีจริง ส่วนอโลภะไม่มีจริง เป็นแค่คำเทียบขึ้นมาเฉยๆ
ซึ่งเมื่อพูด (และเข้าใจแบบนี้) มันก็จะพัฒนาไม่ได้
ต้องเข้าใจว่า "อโลภะก็เป็นอีกสภาวะหนึ่ง และพัฒนาได้ !!!"
ดังนั้น ต้องหาตัว "อโลภะ" ให้เจอ และพัฒนาตัวนั้น
จึงเป็นไปเพื่อความเพียรและสมาธิ
อโลภะเนี่ย เป็นสภาวะที่ตรงข้าม
คือเป็นปฏิปักษ์และข้าศึกต่อโลภะ
แต่มันเป็นอีกอันหนึ่ง และเป็นสภาวะที่มีจริงๆ
โลภะนี่เป็นสภาวะที่จะเอานั่นนี่เข้ามา
ต้องกังวลวิตกไปกับอันนู้นอันนี้ มีปลิโพธทางจิตเยอะ
อะไรที่ตรงข้ามกับอันนี้ จิตก็จะเป็นสมาธิได้ไว
เพราะมันตัดเครื่องกังวล ก็จะได้สมาธิโดยธรรมชาติ
แต่ทีนี้พอมาแปลอโลภะว่าไม่โลภ มันก็เลยเหมือน "แค่ไม่โลภก็โอเคแล้ว?"
มันไม่โอเคตรงที่มันไม่ได้เจริญอรหัตมรรคน่ะสิ
กุศลเป็นสิ่งที่ควรเจริญ เป็นภาเวตัพพธรรม
รู้จักมัน รู้จักหน้าตาสภาวะมัน ก็เจริญได้เลย ไม่ต้องไปรอโลภะดับไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น