พ้นจากสิ่งใด สิ่งนั้นไม่มีอิทธิพลต่อจิต
ผู้พ้นคือจิต
อุภโตภาควิมุตโต พ้นทั้งสองส่วน
คือพ้นจากรูป (รูปไม่มีอิทธิพลต่อจิต)
และพ้นจากกิเลส (กิเลสไม่มีอิทธิพลต่อจิต)
พ้นจากรูป หมายถึงเข้าถึงอารมณ์อรูปได้ (อรูปสมาบัติ)
จึงแบ่งเป็น 5 (อากาสา-, วิญญานัญ-, อากิญจัญญา-, เนวสัญญา-, นิโรธสมาบัติ)
นี่เรียก อุภโตภาควิมุตโต = พ้นทั้งสองส่วน
อุภโตภาควิมุตโต แม้จิตจะเกิดที่รูป แต่ไม่อิงอาศัยรูป มีอรูปเป็นอารมณ์
ปัญญาวิมุตโต พ้นจากกิเลสด้วยปัญญา
ยังไม่พ้นจากรูป
ท่านที่พ้นด้วยปัญญาวิมุตตินี่
จิตของท่านยังเนื่องอยู่กับกาย ยังเกิดที่กาย ยังท่องเที่ยวอยู่ในกาย
ขณะที่ท่านที่ได้อรูป จิตท่านไปท่องเที่ยวอยู่กับอรูปสมาบัติ
ปัญญาวิมุตโต จึงแบ่งเป็น 5 (ท่านที่ได้รูปฌานที่ 1 2 3 4 และที่ไม่ได้ฌานเลย - สุขวิปัสสก)
อุภโตภาควิมุตโต และ ปัญญาวิมุตโต
สองคำนี้พูดถึง "คน" (สังเกตคำลงท้าย)
แต่ถ้า เจโตวิมุตติ และ ปัญญาวิมุตติ
สองคำนี้พูดถึง "สภาวะ" ที่เกิดในจิต (สังเกตคำลงท้าย)
กล่าวคือ ถ้าเป็นพระอรหันต์ ไม่ว่าจะ อุภโตวิมุตโต หรือปัญญาวิมุตโต
ก็จะได้สภาวะทั้ง เจโตวิมุตติ และปัญญาวิมุตติ ทุกรูป
เจโตวิมุตติ
เป็นสภาวะที่เข้าถึงได้ด้วยสมาธิ
พระอรหันต์มีสมาธิสมบูรณ์ทุกรูป
ปัญญาวิมุตติ
เป็นสภาวะที่เข้าถึงได้ด้วยปัญญา
พระอรหันต์มีปัญญาสมบูรณ์ทุกรูป
แต่เวลาแปลงเป็นคำไทย อ่านเหมือนกัน ก็งงไปงงมา
เพราะฉะนั้น ปัญญาวิมุตโต ความหมายไม่เหมือนกับ ปัญญาวิมุตติ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น