วันจันทร์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2566

กุศโลบายในศีลปานาติบาต

สมาธิที่จะเป็นไปเพื่อความหมดกิเลสนั้นต้องขึ้นต้นด้วยศีล
ตั้งใจมั่นในการปฏิบัติในศีล 5 ข้อ

หลักตัดสินว่าผิดถูก
มองในหลักศีล 5
การละกิเลสด้วยความตั้งใจ

กิเลสในจิตใจนี่ละไม่ได้ เด็ดขาด
แต่กิเลสที่จะล่วงเกินทางกายวาจานี่ เราสามารถละได้โดยเจตนา

การใช้กิเลสให้เกิดประโยชน์

กิเลสก็เหมือนไฟ โทษมหันต์ ถ้าใช้เป็นก็คุณอนันต์
เลี้ยงเอาไว้ให้กระตุ้นให้เกิดความกระตือรือร้นในการกระทำความดี
ความดีอะไรก็ได้ แม้แต่ความดีในการครองชีพในฐานคฤหัสถ์

เช่น อยากรวย
ก็เอาศีล 5 มาตีกรอบกิเลส
ใช้กิเลสให้ตรงกติกา ขยันแต่ไม่คดโกง
พระพุทธเจ้าไม่ได้ตำหนิว่าขี้โลภ

ปานาติบาต

ยังไม่ต้องทำความเข้าใจถึงว่าเป็นการห้ามฆ่าสัตว์ทุกประเภทเอาไว้ก่อน
ให้ทำความเข้าใจง่ายๆ ว่า
ท่านมุ่งที่จะห้ามมิให้มนุษย์ฆ่ากัน เบียดเบียนกัน ข่มเหง รังแกกัน
ทำความเข้าใจเพียงแค่นี้ก่อน

ทีนี้ก็พยายามให้งดเว้นตามกฏนั้นๆ อย่างจริงจัง
เมื่อมนุษย์เว้นจากการฆ่า ข่มเหง รังแกกันได้อย่างเด็ดขาด
โดยวิสัยสัญชาตญาณของมนุษย์ย่อมเป็นผู้มีจิตใจสูง
เมื่อเว้นจากความเบียดเบียนมนุษย์ได้โดยเด็ดขาด
อิทธิพลของความเมตตาก็ย่อมแผ่คลุมไปถึงสัตว์ได้
ในที่สุดสัตว์เดรัจฉานก็ฆ่าไม่ได้

แก้ความหนักใจ
รักษาโรคบางอย่างก็มีตนตัวเช่นโรคพยาธิ
จะกังวลว่าทำบาป

พระเป็นโรคพยาธิ ไปขอยาหมอ
ถ้าพระนั้นตั้งใจจะฉันยาเพื่อฆ่าพยาธิในลำไส้ ถ้าตั้งใจอย่างนี้ต้องอาบัติปาจิตตีย์เพราะฆ่า
ถ้าพระนั้นตั้งใจจะฉันยาเพื่อบำบัดโรคภัยไข้เจ็บ โดยไม่มุ่งถึงสิ่งมีชีวิตที่มีตนมีตัว ก็พ้นจากอาบัติ

เช่นเดียวกัน
แพทย์ฉีดยาเพื่อตั้งใจว่าจะฆ่าหิดฆ่าเหา ก็เป็นบาป
แพทย์ฉีดยาเพื่อตั้งใจว่าจะบำบัดบรรเทาให้ผู้ป่วย ก็ไม่เป็นบาป
พระพุทธเจ้าก็อนุญาตทายารักษาหิดเหา แต่ไม่ได้อนุญาตให้ฆ่า

ไปแนะนำให้เขาปลูกหมอนสาวไหม
ถ้าสั่งให้เขาต้มไหมลงในหม้อ ก็เป็นบาป
ถ้าสั่งให้เขาปลูกหม่อนเลี้ยงไหม ถ้าเขาเห็นประโยชน์เขาก็ทำเอง ถ้าไม่ได้แนะนำถึงขั้นให้เขาเอาไหมต้มลงไปในหม้อ

ลัทธิการไม่กินเนื้อสัตว์ เป็นการส่งเสริปานาติบาต?

ผู้ที่กินเนื้อสัตว์แต่ไม่มีความสงสัยแคลงใจใดๆ
ถือว่าเป็นของที่มีอยู่ประจำโลกแล้ว พ่อแม่ปู่ยาตายายเคยพากินยังไง ก็กินไปอย่างนั้น
เพราะเราไมไ่ด้ไปจับสัตว์เหล่านั้นมาฆ่าด้วยมือตน ถ้าวางใจอย่างนี้ก็ไม่เป็นบาป

แต่ถ้าทั้งๆ ที่เราไม่ได้ลงมือฆ่าเอง
แต่เราไปนึกสงสัยว่าการกินเนื้อสัตว์นี่มันเป็นการส่งเสริมปานาติบาต
ถ้าไปข้องใจอยู่อย่างนี้แล้วไปกิน ก็เป็นบาป

การงดเว้นจากการกินเนื้อสัตว์เป็นเรื่องดี
ใครจะทำก็ทำได้ ไม่เสียหาย ไม่เป็นความผิด
แต่อย่าเอาข้อปฏิบัตินั้นไปเที่ยวข่มขู่คนอื่น

ถ้าเราเว้นจากการกินเนื้อสัตว์แล้วไปกล่าวคนอื่นว่า
เขาทั้งหลายที่ยังกินเนื้อสัตว์อยู่นั้นเป็นคนไม่ดี นี่เป็นคำหยาบ
ผรุสวาจาเป็นฉายาแห่งมุสาวาท

ถ้าตั้งใจทำความดีแล้วก็ตั้งใจความดีไป
อย่าเอาความดีไปเที่ยวข่มคนอื่น



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น