สัญญาเป็นวิบาก ไม่ได้เป็นกิเลส
จำตามวิญญาณ
สัญญาเกิดกับจิตทุกดวง กำหนดสิ่งที่วิญญาณเห็น
ปัญญาจะทำให้วิญญาณเห็นได้ลึกซึ้งเพียงไร
สัญญาก็จะจำไปลึกซึ้งเพียงนั้น
การเปลี่ยนสัญญาก็ต้องเปลี่ยน
มาฝึกปัญญา ให้มันเห็นลึกซึ้งยิ่งขึ้น
สัญญาก็มาเปลี่ยนใหม่ เป็นไม่เที่ยง เป็นทุกข์
สัญญาประเภทนี้ก็จะกลายเป็นสัญญาที่ดีที่ถูกต้อง (ความหมายคือนำไปสู่ความพ้นทุกข์ได้)
ปปัญจ
กำหนดเอาแบบสลับซับซ้อน กำหนดมาจากตัณหา
อันนี้สวยมาก อันนี้ของเรา
อันนี้ทั่วไป อันนี้หายาก ก็กำหนดค่าราคาสูง
หรือกำหนดจากทัศนคติ อุดมคติ
เช่น ยุคไหนมีทัศนคติว่ามีเงินเยอะนี่ดี
ก็จะจำซับซ้อน เวลามองก็จะมองคนรวยนี่ดี
ถ้าสัญญาไม่ซับซ้อนก็
นี่เป็นนี่ นั่นเป็นนั่น
อันนี้สีแดง อันนี้รถ
ไม่รู้จักสัญญา
ก็ไปปรุงตามสัญญา
เป็นวิตก
เมื่อปฏิบัติธรรม สัญญาซับซ้อนก็จะค่อยๆ หมดไป
เมื่อสติปัญญาค่อยๆ ดีขึ้น ก็ขยายการรับรู้ของวิญญาณ
มองได้แคบได้กว้าง ขึ้นกับทิฏฐิ ขึ้นกับตัณหา
ความแคบไม่ใช่ธรรมชาติของวิญญาณ แต่เป็นธรรมชาติการสร้างขอบเขตมุมมองของทิฏฐิกับตัณหา
มองเห็นแต่จะเอามาให้ตน
มองเห็นแต่อะไรที่เหมาะกับเรา
กลายเป็นความคับแคบไป
พอปัญญาส่องเข้าไป
วิญญาณก็เห็นสิ่งที่ไม่เคยเห็น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น