วันอังคารที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2557

24/12/57

24/12/57

สัปดาห์ก่อนร่างกายอ่อนแอตามวงรอบของมัน ประกอบกับออกกำลังกายใช้แรงเยอะไปหน่อยในวันนั้น พอนั่งๆ ไปก็จะหลับ แล้วก็เป็นต่อเนื่องมาเกือบอาทิตย์ ตอนแรกนึกว่าเกิดจากร่างกาย ตอนหลังถึงรู้ว่า ขี้เกียจชัดๆ 5555

วันก่อนฟังธรรมได้ยินมาประโยคนึง "อะไรจะสอนความรักได้ดีเท่าความรัก" ใจก็คิดต่อเสร็จสรรพ "อะไรจะสอนความตายได้ดีเท่าความตาย" แล้วมันก็เบิกบาน วางไว้ในใจว่า หากต่อไปนี้ได้ยินข่าวใครจะเป็น ใครจะตายที่ไหน การวางใจแบบนี้น่าจะเป็นทางเลือกที่ดี

ระหว่างเดินทางกลับบ้าน ยังคงเคล้าคลึงประโยค "อะไรจะสอนความรักได้ดีเท่าความรัก" ลองบิ้วตัวเองให้อยู่ในสภาวะ being in love ดึงใจให้อยู่ในอารมณ์สุข สังเกตไปที่การรับรู้ ผัสสะหน่อยรู้แล้วก็สุข รู้แล้วก็สุข ซึ่งจริงๆ ก็ทำได้ไม่ยาก ไม่ต้องมีเป้าเป็นตัวเป็นตนก็ได้ ความสุขนี้ละลายความแข็งกระด้างที่บางทีเหมือนจะอยู่ในภาวะเฉยๆ แต่ใจจะกระด้างๆ และไม่รู้จะทำไงให้มันอ่อน (แถมบางทีไม่รู้ด้วยว่ามันกระด้าง) แต่เอาเข้าจริงๆ บางทีพี่จิตเขาจะอยู่โหมดนั้นจริงๆ กู่ไงก็ไม่กลับเหมือนกัน คิดว่าจะลองดูว่าอารมณ์นี้สามารถฝึกให้เป็นความเคยชินได้ไหม ใจจะได้ไม่แห้งแล้ง

กลับบ้านเปิดไฟล์หลวงพ่อเทศน์ไปด้วยเดินจงกรมไปด้วย แล้วก็มานั่งต่อ มีประโยคนึงท่านว่า "ดูกายที่หายใจเข้าหายใจออกไป" ดูตาม เห็นอารมณ์เพียบเลย นึกนับถือคนที่สามารถจิตนิ่งอยู่กับอารมณ์อันเดียวได้จริงๆ ดูสภาพพี่จิตแล้วเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้เลย สักพักรวมวูบเสียงเทศน์ฟังดูชัดกว่าปกติหลายเท่า นั่งเฉยอยู่สักพัก แล้วก็ไปคิดถึงลมหายใจ คราวนี้วุ่นวาย ใจนึงก็บอกมันไม่หายหรอกมีอยู่นั่นแหละ อีกใจนึงก็หาๆๆ ลมอยู่ไหน ตลกดีค่ะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น