- กฏ ระเบียบอะไรสักอย่างที่สร้างความอดกลั้นหรือข่มใจ
- ความเพลียล้า ของสมอง หรือร่างกาย
- การอยู่ในหมู่คณะที่ไม่เป็นไปเพื่อความเจริญ
- สติอยู่กำกับไม่ตลอดและหลวมขึ้นตามความล้า ทำให้การทำงานรวมทั้งใช้ชีวิต แม้กระทั่งภาวนาอย่างแกนๆ (ส่วนนี้นำไปสู่ความคิดจร --> ทำอะไร, เพื่ออะไร --> ตอบไม่ได้รู้สึกว่างเปล่า, พอตอบได้ว่าเพื่ออะไรก็เฉดไปในทางโลภ และยิ่งไม่มีความสุข)
- สัญญาเก่า ย้ำระลึกการใช้ชีวิตทั้งหมดที่ผ่านมา --> รู้สึกว่างไปกันใหญ่ ในเริ่มปิด
- สัญญาเก่า เริ่มหาสาเหตุต้นตอเป็นตัวบุคคล สภาพแวดล้อม --> ณ จุดนี้เริ่มหาเป้าโทสะ
- ผัสสะจร คำพูดทุกแบบที่ไม่ช่วยให้เกิดสติจะยิ่งเป็นไปเพื่อโทสะ เช่น
- คำเพ้อเจ้อ,
- คำพูดมักง่ายประเภทจำเขามาพูด,
- คำติชุ่ยๆ,
- คำประเภท how to ส่งเดชเจตนาไม่มา,
- คำพูดปลอบโยนผ่านๆ
- จุดนี้ใจปิด ยิ่งเพ่งโทษรุนแรง ขัดแย้งแม้แต่ตัวเอง สภาวะคือมืด หมุนจี๋ ไม่มีแรงจะออกจากเหตุการณ์ภายใน คำพูดสอนตัวทุกอย่างโดนปัดตก ความเพ่งโทษต้นตอสันดานรุนแรงและรวดเร็วเป็นพยาบาท
- สิ่งที่ช่วยให้หลุดได้พักหนึ่งสั้นๆ (สั้นมาก)
- แสงสว่าง ตั้งใจมองใครสักครู่หนึ่ง
- สวดมนต์เสียงดัง
- สิ่งที่ช่วยให้หลุดได้ยาวขึ้นอีกหน่อย (ระดับหลายชั่วโมง)
- หนังสือโอโช
- สิ่งที่น่าพิจารณาคือ ทำไมหลุดเองไม่ได้ รู้สึกชัดเจนถึงความไม่สามารถช่วยเหลือหรือให้สติตัวเองได้ ต้องใช้ปัจจัยภายนอก
- เมื่อใจปิด ความระแวงสำแดงชัด หันไปทางไหนก็ใครช่วยไม่ได้ ใจพูดสอนตัวตัวก็ไม่ได้ยิน ซึ่งในจุดนี้คิดเองว่าสิ่งที่จะทำให้หลุดจากตรงนี้มีวิธีเช่น
- ฟ้าผ่า - รู้สึกถึงหลวงปู่มั่นกับหลวงตาบัวอย่างบอกไม่ถูก รู้สึกว่าตรงนี้ต้องฟ้าผ่าให้ตั้งขึ้นมา stun shock แล้วใส่ปัญญาเข้าไป การใส่ปัญญาอย่างเดียวเป็นไม่ได้ ซึ่งผู้จะใช้ตรงนี้ได้ต้องกำลังสูงกว่า ปัญญาสูงกว่า
- เมตตาอัปมัญญา - คราวนี้น้ำตาร่วงเรียกหาพ่อแม่ ว่าอยากเห็นความกรุณาดุจห้วงมหรรณพสักครั้ง ฟังดูใหญ่และฟังดูนาน แต่เจอประโยคโอโชเคาะประโยคเดียวก็หลุดสบายๆ เปิดกว้างสู่ธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ เส้นทางนี้ก็จำพวกนิทาน บรรยายโวหาร พรรณนาโวหาร
วันเสาร์ที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2557
ถอดบทเรียนใจปิดคราวนี้ 31-2 ส.ค.57
ปัจจัยที่พอจะแยกแยะออกมาได้
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น