วันเสาร์ที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2557

ถอดบทเรียนใจปิดคราวนี้ 31-2 ส.ค.57

ปัจจัยที่พอจะแยกแยะออกมาได้
  1. กฏ ระเบียบอะไรสักอย่างที่สร้างความอดกลั้นหรือข่มใจ
  2. ความเพลียล้า ของสมอง หรือร่างกาย
  3. การอยู่ในหมู่คณะที่ไม่เป็นไปเพื่อความเจริญ
  4. สติอยู่กำกับไม่ตลอดและหลวมขึ้นตามความล้า ทำให้การทำงานรวมทั้งใช้ชีวิต แม้กระทั่งภาวนาอย่างแกนๆ (ส่วนนี้นำไปสู่ความคิดจร --> ทำอะไร, เพื่ออะไร --> ตอบไม่ได้รู้สึกว่างเปล่า, พอตอบได้ว่าเพื่ออะไรก็เฉดไปในทางโลภ และยิ่งไม่มีความสุข)
  5. สัญญาเก่า ย้ำระลึกการใช้ชีวิตทั้งหมดที่ผ่านมา --> รู้สึกว่างไปกันใหญ่ ในเริ่มปิด
  6. สัญญาเก่า เริ่มหาสาเหตุต้นตอเป็นตัวบุคคล สภาพแวดล้อม --> ณ จุดนี้เริ่มหาเป้าโทสะ
  7. ผัสสะจร คำพูดทุกแบบที่ไม่ช่วยให้เกิดสติจะยิ่งเป็นไปเพื่อโทสะ เช่น 
    1. คำเพ้อเจ้อ, 
    2. คำพูดมักง่ายประเภทจำเขามาพูด, 
    3. คำติชุ่ยๆ, 
    4. คำประเภท how to ส่งเดชเจตนาไม่มา, 
    5. คำพูดปลอบโยนผ่านๆ 
  8. จุดนี้ใจปิด ยิ่งเพ่งโทษรุนแรง ขัดแย้งแม้แต่ตัวเอง สภาวะคือมืด หมุนจี๋ ไม่มีแรงจะออกจากเหตุการณ์ภายใน คำพูดสอนตัวทุกอย่างโดนปัดตก ความเพ่งโทษต้นตอสันดานรุนแรงและรวดเร็วเป็นพยาบาท
  9. สิ่งที่ช่วยให้หลุดได้พักหนึ่งสั้นๆ (สั้นมาก)
    1. แสงสว่าง ตั้งใจมองใครสักครู่หนึ่ง
    2. สวดมนต์เสียงดัง
  10. สิ่งที่ช่วยให้หลุดได้ยาวขึ้นอีกหน่อย (ระดับหลายชั่วโมง)
    1. หนังสือโอโช
  11. สิ่งที่น่าพิจารณาคือ ทำไมหลุดเองไม่ได้ รู้สึกชัดเจนถึงความไม่สามารถช่วยเหลือหรือให้สติตัวเองได้ ต้องใช้ปัจจัยภายนอก
  12. เมื่อใจปิด ความระแวงสำแดงชัด หันไปทางไหนก็ใครช่วยไม่ได้ ใจพูดสอนตัวตัวก็ไม่ได้ยิน ซึ่งในจุดนี้คิดเองว่าสิ่งที่จะทำให้หลุดจากตรงนี้มีวิธีเช่น
    1. ฟ้าผ่า - รู้สึกถึงหลวงปู่มั่นกับหลวงตาบัวอย่างบอกไม่ถูก รู้สึกว่าตรงนี้ต้องฟ้าผ่าให้ตั้งขึ้นมา stun shock แล้วใส่ปัญญาเข้าไป การใส่ปัญญาอย่างเดียวเป็นไม่ได้ ซึ่งผู้จะใช้ตรงนี้ได้ต้องกำลังสูงกว่า ปัญญาสูงกว่า
    2. เมตตาอัปมัญญา - คราวนี้น้ำตาร่วงเรียกหาพ่อแม่ ว่าอยากเห็นความกรุณาดุจห้วงมหรรณพสักครั้ง ฟังดูใหญ่และฟังดูนาน แต่เจอประโยคโอโชเคาะประโยคเดียวก็หลุดสบายๆ เปิดกว้างสู่ธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ เส้นทางนี้ก็จำพวกนิทาน บรรยายโวหาร พรรณนาโวหาร

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น