วันเสาร์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2557

การบ้าน 20/3/57


20/3/57

ตื่นเช้ามีความขี้เกียจที่จะลุกจากเตียง ระหว่างนั่งอ่านเฟสบุค อ่านไปอ่านมาเกิดจิตอิจฉาขึ้น ถอยมาดูก็เห็นเป็น มันอิจฉา สักพักกลับมาดูอีกรอบกลายเป็นเราอิจฉาไปซะแล้ว จิตก็เลยตก ระหว่างเดินไปทำงานก็มีดราม่ากับตัวเองว่าแย่แล้ววันนี้แต่เช้าเลย 

เดินต่อมาอีกหน่อยก็เห็นพระยืนบิณฑบาติอยู่อย่างสงบ ใจเกิดศรัทธาอยากจะใส่บาตรท่าน ความคิดเป็นอย่างนั้นแต่ขาก็ยังเดินต่อไปแบบไม่ได้ชะลอ ประจวบกับเห็นมีคุณยายกำลังเดินไปจะใส่บาตรพอดี สุดท้ายไปๆ มาๆ เลยได้แต่อนุโมทนากับคุณยาย บวกเกิดความรู้สึกเสียดายที่ไม่ได้ทำบุญบังเอิญนี้ ตั้งใจเอาไว้ว่าคราวหน้าอย่าเสียเวลาลังเลแบบนี้อีก เหตุการณ์นี้ทำให้เห็นว่าความเคยชินยังมีกำลังชนะความคิดดีอยู่ แต่ผลของการอนุโมทนาก็ล้างสภาวะจิตตกในตอนเช้าไปได้


ระหว่างวันทำงาน รู้สึกมันเฉื่อยๆ ไม่ค่อยมีความกระตือรือร้นจะออกมารับรู้อะไร หลงไม่บ่อยเพราะหลงยาว

ก่อนนอนสวดมนต์ นั่งสมาธิประมาณครึ่งชั่วโมง ระหว่างนั่งรู้สึกเย็นๆ เหมือนกล้ามเนื้ออมฮอลล์ เห็นกายเป็นอื่น เห็นความรู้สึกเฉยๆ เป็นอื่น สลับไปมากับการพากย์และบริกรรม ถามมันว่าที่รู้ตอนนี้คือรู้อะไร มันตอบไม่ได้ แล้วก็นอน



  • สุริจันโท วิสุทธิธรรม ยุ้ยก็อิจฉา พอรู้ว่าอิจฉาก็ยอมรับความจริง เคยอิจฉาครูเจี๊ยบ ครูเจี๊ยบถามว่า อิจฉาหลวงพ่อมั๊ย ยุ้ยบอกว่าไม่เคยอิจฉา ครูเจี๊ยบบอกว่า ที่อิจฉา มันมีเกิดเพราะเราคิดว่าเค้าไม่สมควรได้ ยุ้ยก็พิจารณา
  • สุริจันโท วิสุทธิธรรม ที่ไม่เคยอิจฉาหลวงพ่อ เพราะเรารู้ มีสมมุติรับรองเป็นพระเป็นครูอาจารย์
  • สุริจันโท วิสุทธิธรรม แต่อิจฉาพี่เจี๊ยบ เพราะตอนนั้นเรายังไม่เห็นธรรม ว่าพี่เค้าเป็นพระข้างใน เป็นครูอาจารย์ เป็นผู้มีปัญญามากกว่าเรา สะสมบุญบารมีมามากกว่าเรา
  • สุริจันโท วิสุทธิธรรม เมื่อเห็นตามความเป็นจริง เห็นตัวเราตามความเป็นจริง ยอมรับในสิ่งที่เรามีเราเป็น รู้ว่าเราทำมาด้านปัญญาน้อย รู้ว่าเราสะสมมาน้อยกว่า หรือรู้ว่าเราขยันไม่เท่าคนอื่น
  • สุริจันโท วิสุทธิธรรม เมื่อรู้ตามความจริง ตัวอิจฉาก็หายไป จิตก็ไม่ตก เพราะไม่ได้ยึดว่าอยากจะดี
  • สุริจันโท วิสุทธิธรรม ถ้าฉลาดขึ้น ก็เอามาเป็นแรงผลักดันให้เราขยันขึ้น เรียนรู้เข้าใจตัวเองมากขึ้น รู้จักกิเลสตัวเองมากขึ้น
  • สุริจันโท วิสุทธิธรรม ครูเจี๊ยบเคยสอนว่า ไม่ยอมเจ็บฟรี เอามันมาศึกษาวิปัสนาให้เข้าใจจิตใจ เข้าใจกลไลกิเลสเลย
  • ธัมมทีโป วิสุทธิธรรม ถ้าโลกนี้ไม่มีอิจฉา แล้วเราจะรู้ได้ไงว่าเรามี "คุณธรรม"
  • ธัมมทีโป วิสุทธิธรรม มาเสริมยุ้ยว่า ตอนนั้นกลับบ้านดูหนังเกาหลีเอาใจพ่อ (ถ้าเราไม่ยอมดูหนังเกาหลี พ่อก็จะเปิดทีวีการเมือง) ทนเวทนาดูไป ดูไปดูมาชักมันส์ นางร้ายเกาหลีบอกกันเองว่า "ถ้าเธออิจฉา ก็แปลว่าเธอแพ้"
  • ธัมมทีโป วิสุทธิธรรม โหยยย โดนนนน นางร้ายสอนกันเอง แบบคนพูดนี่ร้ายกว่าคนที่ถูกพูดถึง คือคนนั้นกำลังรู้จิตตกแล้วความอิจฉากัดกิน ซังกุงที่ร้ายสุดเลยสำทับ ด้วยฟามแข็งแกร่งในจิตใจ(แต่เป็นอกุศล) ว่า.. ถ้าเธออิจฉาก็แปลว่าเธอแพ้ โหย..ใช่เลย เราจะรู้สึกอิจฉาเมื่อ เราทำท่าว่าจะแพ้ ความอิจฉาเป็นตัวเบี่ยงเบนความจริง ว่าเราสู้เขาไม่ได้ เลยต้องอิจฉาข่ม เจ้ย.. สัจจะธรรมจากนางร้าย
  • ธัมมทีโป วิสุทธิธรรม แต่ถ้ามองแบบหลวงพ่อสอน หรือมองแบบธรรม จะมองว่าแหม.. ถ้าไม่อิจฉา จะรู้เรอะว่าเรา ไม่มีอิจฉาแล้ว เราข้ามได้แล้ว ด้วยคุณธรรมสำคัญคือ"ความรู้"
  • ธัมมทีโป วิสุทธิธรรม ตอนนั้นลุ้นตัวโก่งเลย ว่ายุ้ยจะข้ามได้ไหม ยอมรับว่าอิจฉาก็ยากแล้ว ต้องข้ามด้วย เราจะอิจฉาเมื่อเรารักตัวเอง เจ้ว่าเป็นปกติที่คนเราจะรักตัวเอง แต่ถ้าคนเรารักคนอื่นมากกว่าตัวเองได้ นี่ต้องมีเมตตามาค้ำจุน เลย เพราะเหตุนี้คนมีเมตตากรุณามุทิตาอุเบกขาจึงไม่ใช่คนปกติธรรมดา แต่มีพรหมวิหาร คือมีจิตระดับพรหม
  • Nattiya Jarach สาธุ สาธ สาธุ ค่ะ
  • ธัมมทีโป วิสุทธิธรรม เจ้ก็ลุ้นว่า ยุ้ยจะรักเจ้มากกว่าตัวเองได้ป่าว ยุ้ยก็ทำได้ ด้วยเหตุว่ายุ้ยมีปัญญา พิจารณาเห็นธรรม แล้วอีกอย่างยุ้ยรักงาน คือยอมลดตัวตนเพราะเอางาน เอาส่วนรวมเป็นตัวตั้ง ยุ้ยก็คงรักแจ้เป็นทุนด้วย อิอิ
  • ธัมมทีโป วิสุทธิธรรม ก็เพราะมีตัวอิจฉาในวันนั้น เลยมีนางเอกยุ้ยในวันนี้
  • ธัมมทีโป วิสุทธิธรรม ป๊าดโธ่ จะรังเกียจทำไมกับตัวอิจฉา ไม่มีตัวอิจฉาจะมีนางเอกได้ไง ไม่จืดแย่เรอะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น