วันพฤหัสบดีที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2558

สีลานุสติ

ผลของการละเมิด

  1. สิ่งที่ครูบาอาจารย์เตือน
  2. สิ่งที่ใจน้อมไปแล้ว
คือ ใจมืดอย่างมาก ลมหายใจติดขัด ธาตุขันธ์กระวนกระวาย

วันอาทิตย์ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2558

三从四德 สามสิ่งที่ควรคล้อยตาม สี่ความดีงามที่ควรกระทำ

三从
未嫁从父 ก่อนแต่งคล้อยตามบิดา
既嫁从夫 หลังแต่งคล้อยตามสามี
夫死从子 สามีตายคล้อยตามบุตร

四德
妇德
妇言
妇容
妇尊

老婆命令要服从 ภรรยาออกคำสั่งควรปฏิบัติตาม
老婆出门要跟从 ภรรยาออกจากบ้านควรติดตาม
老婆讲错要盲从 ภรรยาพูดผิดควรคล้อยตาม

老婆化妆要等得 เมียจะแต่งหน้าต้องรอได้ (คือความดีงาม)
老婆花钱要舍得 เมียจะซื้อของต้องจ่ายได้ (คือความดีงาม)
老婆生气要忍得 เมียโมโหต้องอดทนได้ (คือความดีงาม)
老婆生日要记得 วันเกิดเมียต้องจำได้ (คือความดีงาม)

วันจันทร์ที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2558

บริขาร 7 ของอริยสัมมาสมาธิ

ภิกษุทั้งหลาย ในบรรดาองค์เจ็ดแห่งอริยสัมมาสมาธินั้น
สัมมาทิฏฐิเป็นธรรมนำหน้า นำหน้าอย่างไร?

คือ เขารู้มิฉาอาชีวะ ว่าเป็นมิจฉาอาชีวะ
รู้สัมมาอาชีวะ ว่าเป็นสัมมาอาชีวะ
ความรู้ของเขานั้น เป็นสัมมาทิฏฐิ

ภิกษุทั้งหลาย "มิจฉาอาชีวะ" เป็นอย่างไรเล่า?

การพูดโกหก, การพูดหลอกลวง, การพูดหว่านล้อม, การพูดทำให้เจ็บใจจนต้องยอมตกลง, การล่อลาภด้วยลาภ ภิกษุทั้งหลาย นี้คือ มิจฉาอาชีวะ

ภิกษุทั้งหลาย "สัมมาอาชีวะ" เป็นอย่างไรเล่า?

ภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวแม้สัมมาอาชีวะว่ามีอยู่ ๒ ชนิด คือ
๑. สัมมาอาชีวะที่ยังเป็นไปด้วยอาสวะ เป็นส่วนแห่งบุญ มีผลเนื่องอยู่กับของหนัก และ
๒. สัมมาอาชีวะอันเป็นอริยะ ไม่เป็นไปด้วยอาสวะ เป็นองค์ประกอบแห่งหนทางเพื่อนิพพานก็มีอยู่

ภิกษุทั้งหลาย สัมมาอาชีวะที่ยังเป็นไปด้วยอาสวะ เป็นส่วนแห่งบุญ มีผลเนื่องอยู่กับของหนัก นั้นเป็นอย่างไรเล่า? 

ภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกในกรณีนี้ละมิจฉาอาชีวะแล้ว สำเร็จการเป็นอยู่ด้วยสัมมาอาชีวะ ภิกษุทั้งหลาย นี้คือ สัมมาอาชีวะที่ยังเป็นไปด้วยอาสวะ เป็นส่วนแห่งบุญ มีผลเนื่องอยู่กับของหนัก

ภิกษุทั้งหลาย สัมมาอาชีวะอันเป็นอริยะ ไม่เป็นไปด้วยอาสวะ เป็นองค์ประกอบแห่งหนทางเพื่อนิพพาน นั้นเป็นอย่างไรเล่า?

ภิกษุทั้งหลาย ธรรมคือ การงด การเว้น การเว้นขาด และเจตนาเป็นเครื่องเว้นจากมิจฉาอาชีวะ ของผู้มีอริยจิต ของผู้มีอานาสวะจิต ของผู้เป็นอริยมัคคสมังคี ผู้เจริญอยู่ซึ่งอริยมรรคใดแล ภิกษะทั้งหลาย นี้คือสัมมาอาชีวะอันเป็นอริยะ ไม่เป็นไปด้วยอาสวะ นำขึ้นสู่ระดับเหนือโลก เป็นองคืประกอบแห่งหนทางเพื่อนิพพาน

เขานั้น เพียรพยายามละเสียซึ่งมิจฉาอาชีวะ เพื่อทำสัมมาอาชีวะให้ถุงพร้อม ความพยายามของเขานั้น เป็นสัมมาวายามะ

เขามีสติละเสียซึ่งมิจฉาอาชีวะ มีสติทำสัมมาอาชีวะให้ถึงพร้อม แล้วแลอยู่ สติของเขานั้นเป็นสัมมาสติ

ด้วยอาการอย่างนี้ เป็นอันว่า ธรรม ๓ อย่างนั้น ย่อมติดตามแวดล้อม ซึ่งสัมมาอาชีวะ

สามอย่างนั้นได้แก่ สัมมาทิฏฐิ สัมมาวายามะ สัมมาสติ






วันอังคารที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2558

กินเลือด กินเนื้อ

ตั้งแต่อยู่วัด มีบางช่วงที่รู้สึกถึงว่าความคงอยู่ของสังขารนี้ วางทับอยู่บนกองของเหตุปัจจัยมากมาย มากจริงหนอ ลำบากจริงหนอ

วันเสาร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

ปฏิเวธ

ชีวิต คือ เกิด-ดับ
เรา คือ ความเข้าใจผิด

ชีวิตคือ ความเกิดดับ อันว่องไวมาก
ตัวเรา เกิดขึ้นเพราะไม่เคยเห็นความเกิดดับอันว่องไวอันนั้น เป็นเงาแห่งความสืบต่อ

วันอาทิตย์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

ตัดภพตัดชาติ 58 ปริยัติ - ปฏิบัติ - ปฏิเวธ

ภาค 1 ปริยัติ

ลพ.อำนาจ

  • สังขาร เกิดจากตัณหา อันเวทนา ที่อวิชชาสัมผัส
  • ไม่สำคัญเห็นว่า ตนเป็นรู
    ไม่สำคัญเห็นว่า มีตนที่มีรู

    ไม่สำคัญเห็นว่า มีตนในรู

    ไม่สำคัญเห็นว่า มีรู
    ปในตน
  • เห็น ตามเห็น พิจารณาเห็น สำคัญเห็น คำใดก็ได้ที่ใจเลื่อมใส สภาวะเดียวกัน
  • สัจจานุโลมิกญาณ ขาด ทานและขันติ เวลานั่งสมาธิให้ตื๊อๆ มันหน่อย แล้วยังไงต่อๆ
  • ทำวัตรคือทำกิจวัตร

ลพ.ปารมี

  • ที่สำคัญคืออย่าท้อนะ ผลมันจะมีเวลาออกผลของมันเอง เราสร้างเหตุไป เราเพียรไป พระอาจารย์เมื่อก่อนไปธุดงค์ อดข้าวสามวันสี่วันมันท้อนะ ว่าเรามาทำอะไรอยู่นี่ แต่พวกนี้มันเป็นบารมีนะ เขาเรียกขันติบารมี มีบางคนถามว่าพระอาจารย์ทำได้ไง สร้างวัดอะไรใหญ่โตทำโครงการอะไรได้ตั้งขนาดนี้ เขาไม่รู้นะ พระอาจารย์สวดมนต์มาทุกวันวันละเป็นชั่วโมงมาตั้งแต่เด็ก สวดไปๆ นิสัยมันมาทางนี้ จนเดี๋ยวนี้ปฏิบัติอะไรก็ไม่มีรูปแบบแล้ว แต่กว่าจะมาเป็นแบบทุกวันนี้ก็หนักหนาสาหัสมากนะ
  • ไปอินเดีย ถ้ามีโอกาสให้ไปนะ ทำไมจะไม่ไปล่ะ ไปดูบ้านเกิดพ่อของเรา อย่าว่าแต่เป็นโยมเลย พระอาจารย์ไปเห็นก็ร้องไห้นะ ท่านลำบากขนาดนี้ สร้างบารมีมาขนาดนี้ เพื่อนำความรู้มาบอกมาสอนพวกเรา มาบอกทางให้เรา

ลพี่.เล็ก
  • ความเฉยๆ เนี่ยบางทีมันดูยาก เพราะมันเนียน แต่ว่ามันแยกได้ ต้องสังเกต ต้องแยบคาย
  • สังเกตลักษณะของการคว้าจับ
  • ภาวนาให้สนุก!!

ลพี่.ชาติ
  • ขันธ์ 5 เป็นครู
    อายตนะ 6 เป็นครู
    ผัสสะเป็นครู
  • ภาษามันลำบากนะ สื่อสภาวะ บางทีใช้ภาษาแล้วมันก็มาติดที่ภาษานี่ล่ะ มันเป็นสังขาร เราเรียนแล้วเราก็ต้องสรุปส่วนที่เราจะนำมาใช้ให้ได้ คือ จุดที่ต้องเคลียร์ก็ต้องเคลียร์ให้ผ่าน ภาษาจะเป็นยังไง ไม่เข้าใจติดไว้ก่อน ภาวนาดูลงไปเงียบๆ ยังไม่ต้องไปใส่ชื่อ
  • อย่างคำว่าไม่มีตัวตนน่ะ แต่มันรู้สึกว่ามันมีใช่มั้ย มันก็คือมันมีนั่นล่ะ แต่ความหมายคือมันไม่ถาวร คือตัวตนมีแต่ไม่ถาวร ถ้าพูดแบบนี้ใจยอมรับได้มั้ย เลือกใช้คำไหนก็ได้ที่ใจมันเลื่อมใส
  • การใส่ชื่อเป็นสังขาร
  • การมองเห็นนี่มันจะเห็นทั่วๆ นะ คือไม่ได้ไปตั้งใจดูหรอก แต่มันรู้ โฟกัสนี่ก็เป็นอุปาทาน จิตมันไปจับจ้อง
K.ปั๋ม
  • อทุกขมสุขเวทนา คือเวลาส่วนใหญ่ในชีวิต 
  • การปฏิบัติเกิดแว้บ ณ ผัสสะ 
  • 12 อาการแห่งปฏิจจะสมุปบาท เกิดพร้อมกัน
  • ขันธ์ 5 มิได้มีตลอดเวลา แม้กระทั่งรูป
  • รู้แบบไม่ลุ้น
พี่คนหนึ่ง
  • ผมสังเกตคำถามแล้วเนี่ย เห็นว่ามีจุดอ่อนคือสติ หลวงพ่อสอนเรื่องระดับแอดวานซ์อย่างไรก็ตาม หากฐานสติยังไม่มั่นคง ยากจะไปต่อได้
K.ธนา
  • สังขารมีลักษณะคล้ายกับอุปาทาน แต่ดิบกว่า


วันศุกร์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ปราณสุญตา

ประโยชน์ของปราณสุญตานี้มีมากจริงๆ การฝึกทำความรู้สึกว่าร่างกายเกิดความว่างเปล่า เบาสบายร่วมเข้าไปในทุกขณะจิต ร่วมกับองค์ภาวนาจนเกิดกลายเป็นเหมือนมีแสงสว่างเกิดขึ้นไปทั่วอณูของร่างกาย มีผลทำให้จิตวิญญาณมีการพัฒนาขึ้น มีความละเอียดเบาบางขึ้นได้(เป็นความรู้สึกที่สัมผัสได้) ร่างกายมีความอิ่มใจ เบิกบานใจเพิ่มขึ้นมากแม้ว่าบางขณะเวลาจะพบกับเรื่องราวที่อาจดูเหน็ดเหนื่อยและวุ่นวาย แต่ภายในกายและจิตยังคงมีส่วนที่เป็นกาย,จิตหลักที่อิ่มใจและสว่างเบาสบายได้อยู่อย่างต่อเนื่อง และสามารถคลี่คลายปัญหาความวุ่นวายต่างๆออกไปได้ดีมากกว่าที่เคยเป็นมา
ประโยชน์ในส่วนผู้ฝึกวิชชาศิลปะป้องกันตัวนั้น
หลักการเดินปราณสุญตามีผลทำให้ผู้ฝึกสามารถควบคุมคลื่นพลังงานแม่เหล็กไฟฟ้าที่ร่างกายผลิตออกมาให้เกิดความสมดุล และผ่อนคลายสมอง รวมถึงสามารถถ่ายเทประจุส่วนเกินให้สลายหายไปเปลี่ยนประจุส่วนเกินนั้นให้กลายเป็นคลื่นประจุพลังงานที่ดีกระจายออกสู่บรรยากาศรอบตัวได้โดยอัตโนมัติ หลักการนี้มีส่วนช่วยให้ร่างกายเริ่มทำการซ่อมแซมตนเองทั้งภายในและภายนอกได้ดียิ่งขึ้นกว่าคนปรกติทั่วไป
ประโยชน์ในส่วนผู้ฝึกในกรรมฐาน
มีผลทำให้ภูมิจิตภูมิธรรมขยายวงขึ้น ละเอียด เบาบางขึ้น สบายกายสบายใจมากขึ้น อิ่มใจมากขึ้น แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่กลายเป็นคลื่นพลังงานแม่เหล็กไฟฟ้าเกินสมดุลซึ่งมีจุดอ่อนในการเกิดผลสะท้อนกลับของกฏแห่งแรงดึงดูดในส่วนที่ว่า เมื่อสร้างคลื่นพลังงานแม่เหล็กใหญ่ขึ้นก็จะเจอขั้วที่เหมือนกันและตรงกันข้ามกันมาดูดและผลักรุนแรงขึ้นตามกันไปได้
เพราะความว่างเปล่าที่มีพลังงานเป็นอิสระนี้ ไร้ประจุผูกมัด ผู้ฝึกเข้าถึงสภาวะนี้ได้จึงสามารถนำความว่างที่ฝึกดีแล้วนี้มาควบคุมคลื่นพลังงานแม่เหล็กไฟฟ้าที่ร่างกายสร้างออกมาและสลายกลายสภาพประจุส่วนเกินทั้งหลายให้กลายเป็นความสมดุล ปลอดภัยโดยอัตโนมัติ
ประโยชน์ของผู้ชื่นชอบในการพยากรณ์
ผู้เข้าถึงปราณสุญตา จะพบว่ากายและจิตเริ่มเป็นอิสระ พ้นจากการผูกมัดจากทุกเรื่องราว ทุกกลุ่มสายปฏิบัติ (แต่ไม่ใช่ไร้แก่นสาร) การพ้นการผูกมัดมีผลไปถึงการผูกมัดในดวงชาตาที่ต้องตามหลักโหราศาสตร์ทั้งหลาย และไพ่ยิบซีหรือหมอดูนั่งทางในแบบทั่วไปที่ยังเป็นการบังคับใช้ดูด้วยสมาธิชั้นฌาณ4
ซึ่งที่ว่ามานี้ไม่สามารถดูหรือพยากรณ์ผู้เข้าถึงปราณแห่งสุญตาได้ เพราะผู้เข้าถึงแท้จริงแห่งปราณสุญตานั้นคือผู้ที่ได้อยู่กับสมาบัติ8โดยสมบูรณ์และเป็นอัตโนมัติโดยภายนอกมองดูก็จะเห็นเหมือนเป็นคนธรรมดาทั่วไป แต่ถ้าดูให้ละเอียดแล้วจะพบว่ากายและจิตของผู้ฝึกได้นั้นได้เปลี่ยนไปแบบสิ้นเชิง ดังนั้นผู้เข้าถึงปราณสุญตาจึงได้ชื่อว่าเป็นผู้ลิขิตชะตาชีวิตใหม่ให้ตนเองได้อย่างแท้จริงและเป็นอิสระปลอดภัยจากสิ่งผูกมัดและเครื่องพันธนาการทั้งหลายทั้งปวง
(ผู้ฝึกปราณสุญตานั้นจะได้มากได้น้อยนั้นขึ้นอยู่กับความละเอียดของผู้ฝึกอีกที ไม่เท่ากัน เป็นไปตามกำลังของการฝึกและเก็บสะสมได้ในแต่ละวัน หาใช่การนึกเห็นหรือนึกนึกเอาแต่เพียงอย่างเดียวแล้วจะได้ทุกอย่างแบบที่หลายคนเข้าใจ นั่นไม่ใช่ความเป็นจริงแห่งมรรค ผล และการเข้าถึงปรมัตถภูมิต่างๆ)...ต้า

วันศุกร์ที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2558

อย่าบานเกิน 180

หวยออกกลางเดือนตุลา
ตีนเป็ดเบ่งบานนครา
ส่งกลิ่นสุคนธ์ล้นรวย

มาลางดงามจับตา
อย่าเกินร้อยแปดสิบองศา
จึงจังสมงามตามวัย

วันอังคารที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ภาษาจีนหลางหยาปั่งตอนที่ 33 不能不答 该怎么答

陛下问臣妾
臣妾不敢不答
只是无论如何回答
都难免会惹陛下伤心
臣妾先行请罪
请陛下见谅

臣妾出身林府
与已故陈妃相交甚厚
若是臣妾恶语评之
陛下岂不会感伤
陈妃生无挚友
死无追念
若是臣妾念及与陈妃的旧情
为赤焰中人开脱
那陛下难免又会觉得
臣妾不了解您为了稳固大局的一片苦心

วันอาทิตย์ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ฝัน

แปลกท้้งเนื้อหาและกระบวนการ

เหตุที่เป็นไปได้

  1. "อีก 10 ปีจะได้ใช้" + ความคิดเรื่อยเปื่อยไม่เข้าใจว่าอย่างถ่องแท้ว่าสิ่งเหล่านี้เกี่ยวกับตัวอย่างไร
  2. หน้าโจร อาจมาจากหน้าดาราบนโปสเตอร์
  3. เสียงปืนระรัว อาจมาจากคลิปไม้กระหวัดที่เปิดดูเมื่อเช้า
สิ่งทีหาที่มาไม่ได้
  1. การขู่ผู้อื่นนอกจากตัว
  2. การจ้องตา
  3. "จะกลับมาอีก"
ข้อมูลประกอบ ขณะฝันไม่มีเสียงรบกวน อยู่คนเดียว
รู้สึกตัวตื่นจากฝันอย่างนุ่มนวล รู้ภายนอกว่ามีเสียงเปิดประตู รู้ภายในว่าความฝันจบลงแล้ว หายใจต่อสักพัก หลับต่อ

ภาษาจีนจากหลางหยาปั่ง ตอนที่ 25 - 掌控大局

谋局自当如是
如果我们把成功的机会都押在对手的选择上
那便是下下之法
只要无论当对手做出何种选择
我们都有应对之道
那才能算掌控住大局

---
这个时候谁添乱 谁倒霉

这个时候皇上喜欢静
谁能静得下来
他就会偏向谁

ภาษาจีนจาก หลางหยาปั่ง - ตอนที่ 26 จิ่งรุ่ย

凡是人总有取舍
你取了你认为重要的东西舍弃了我
这只是你的选择而已

若是我因为没有被选择就心生怨恨
那这世间岂不是有太多不可原谅之处

毕竟谁也没有责任要以我为先 以我为重
无论我如何希望
也不能强求

我之所以这么待你
是因为我愿意
若能以此换回同样的诚心固然可喜
若是没有我也没有什么可后悔的

เกิดเป็นคนย่อมต้องมีการเลือกเสมอ
ท่านเลือกในสิ่งที่ท่านเห็นว่าสำคัญแล้วละทิ้งข้าพเจ้า
นั่นก็เป็นเพียงสิ่งที่ท่านเลือกเท่านั้น
ถ้าหากเป็นเพราะสาเหตุนี้ข้าพเจ้าจะต้องโกรธเกลียดท่าน
โลกนี้คงมีแต่เรื่องไม่น่าอภัยเต็มไปหมด

อีกอย่างไม่มีใครมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบว่าเขาต้องเห็นข้าพเจ้ามาก่อนเสมอ สำคัญกว่าเสมอ
แม้ข้าพเจ้าจักมีความหวังเช่นนั้น แต่นี่ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะบังคับกันได้

ที่ข้าพเจ้าปฏิบัติต่อท่าน นั่นเป็นความเต็มใจของข้าพเจ้า
ถ้าหากมันสามารถแลกเปลี่ยนกลับมาเป็นความจริงใจ นั่นย่อมน่ายินดี
แต่หากไม่เป็นเช่นนั้น ข้าพเจ้าก็หาได้เสียใจไม่

เซียวจิ่งยุ่ย - หลางหยาปั่ง ตอนที่ 16

วันศุกร์ที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ภาษาจีนจาก หลางหยาปั่ง - 该做到什么程度得先分清楚

徒儿觉得如果卓鼎风被谢玉灭口
那陛下未必会相信我们的

ศิษย์เห็นว่าหากจัวติ่งฟงถูกเซี่ยอวี้ปิดปากเสียล่ะก็
ฝ่าบาทคงยากจะเชื่อพวกเรา

我悬镜司只需将查案的结果通报陛下
至于陛下信与不信 如何处置
不是你我应虑之事

หน้าที่ของเรามีเพียงคลี่คลายคดีให้กระจ่างและกราบทูลต่อเบื้องบน
ส่วนว่าฝ่าบาทจะเชื่อใคร หรือจะจัดการอย่างไร
หาใช่หน้าที่ของเราไม่

----
悬镜司既然是把利剑
就应该握在陛下您的手中
其他人都不要妄想左右

หน่วยสืบราชการเปรียบเสมือนดาบอันคมกริบ
เป็นอาวุธที่ควรจะอยู่ในมือของฝ่าบาทเท่านั้น
ไม่ควรตกเป็นเครื่องมือของผู้อื่น

---
谢玉有何罪责是一回事
但是这件事情被谁翻出来是另一回事
เซี่ยอวี้ทำผิดเป็นเรื่องหนึ่ง
ทว่าเรื่องนี้แดงขึ้นมาได้อย่างไรเป็นอีกเรื่องหนึ่ง

วันพุธที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2558

ภาษาจีนจาก หลางหยาปั่ง

我们大梁什么时候缺过刻薄多疑
只会玩弄权术的皇帝
这些年文不思政 武不思战
个个都在固权守位
幸好大梁底子尚厚
可以勉强支撑
如果下一朝还是这样
恐怕会国力日衰 难以保境安民

ต้าเหลียงของเราเคยขาดแคลนฮ่องเต้ที่จิตใจคับแคบ ขี้ระแวง วันๆ เอาแต่เล่นเกมอำนาจเสียที่ไหน
หลายปีที่ผ่านขุนนางฝ่ายบุ๋นไม่สนใจการปกครอง ฝ่ายบู๊ไม่สนใจการรบ
เอาแต่วางแผนคอยรักษาตำแหน่งตัวเองไว้
โชคดีที่ต้าเหลียงเรารากฐานมั่นคง พอประทังตัวรอดไว้ได้
แต่หากรัชกาลถัดไปสถานการณ์ยังคงเป็นเช่นนี้
บ้านเมืองย่อมทรุดโทรม ประชาชนลำบากยากเข็ญเป็นแน่แท้

วันจันทร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2558

ภาษาจีน

那是我们德修的缘故。

既然是殿下珍藏,
苏某怎敢横刀夺爱。

周老先生都愿意为先生移驾,
看来江左盟的实力实在深不可测。
江左盟中不过都是江湖落拓之士,
有缘相逢才结为兄弟,
一向以义为先,
不问出身 不问来处
方才能有今日。

วันอาทิตย์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2558

วันเสาร์ 26/9/2558

จากกระดูกหัวหน่าว กดไล่ขึ้นทางด้านบน ลดอาการปวดท้องประจำเดือนได้ และป้องกันโรคระบบนี้ทั้งหญิงชาย

ว่านยา ขม ฝาด มีฤทธิ์ลดไข้

หลังถ่ายหนัก นอน ตบๆ ท้อง ให้อวัยวะเข้าที่เข้าทางทำงานได้ดี

ในอดีต เป็นชนชาติที่ต้องเล็ม หว่านทองลงไป ส่วนไหนโตขึ้นต้องเล็มทิ้ง

วันศุกร์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2558

ตั้งใจ ตั้งใจ เอาใจให้มันตั้งขึ้น

25/9/2558

ตั้งใจ ตั้งใจ เอาใจให้มันตั้งขึ้น
การตั้งไม่ได้ยาก ไม่ได้ต้องใช้แรง แต่มักตั้งเองไม่ได้
ใจปุถุชนมักเป็นเหมือนไข่ จะตั้งก็ได้ แต่สันดานชอบนอน
ต้องเอาใจไปอยู่ในสนามพลังของบัณฑิต จิตจะตั้งง่าย

เมื่อตัดสินใจใช้เวลามาอยู่ ณ ที่นี้แล้ว
ก็จงอยู่ ณ ที่นี้
ลมหายใจเข้าและออก เป็นเหตุเป็นผลในตัวของมันเอง
วางเรื่องข้างนอกลง และตั้งใจอยู่ในที่นี้

ถ้าไม่ตั้งใจ ทำอะไรไปก็เสียเวลา
ใช่ว่านั่งๆ ถึงเวลาก็มานั่ง ไม่ตั้งใจ ปล่อยไปเรื่อยเปื่อยก็เสียเวลา

นั่งให้สบาย

สมาธิคือความรู้ตัวอยู่ทั่วพร้อม
สติไปรู้

ความเพลิน ไม่ใช่อะไร เป็นแค่ความสืบเนื่องไปเพราะไม่มีอะไรมาขัด
มาสะดุด มาให้สังเกต
ด้วยว่า regcognize ไม่ได้ว่านี่เป็นโลกมายา
หรือไม่ก็ ignore แม้จะรู้ว่าเป็นโลกมายา สันดานก็นอนต่อไป
ไม่ตั้งขึ้น

ตั้งขึ้นสักพัก ก็จับลมหายใจ
จับไปๆ ก็ไปคิดได้ไงไม่รู้
หายใจอยู่ดีๆ มาคิดเฉยเลย (มาได้ไงฟระ)

วันพุธที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2558

นี่ดีนะที่

วันนี้รอดตายด้วยคำนี้ "นี่ดีนะที่..."

ฝนตกโดนน้ำสาดจากรถเมล์ โมโหวื้ดแล้ว
ในหัวพูดบอก "นี่ดีนะที่ถือถุงสลัดฝั่งนี้ ไม่งั้นแย่เลย"

^_^

วันอาทิตย์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2558

mindset

mindset ผู้ล่า
ล่ายังไง
พร้อมจะล่ามั้ย
ไม่ แต่ถ้าเป็นหน้าทีก็ต้องทำป่ะคะ
หน้าที่คืออะไร
(หน้าที่ไม่ใช่การล่า แต่ตัดความเป็นไปได้ของความเสี่ยงออกให้มากที่สุด)
ในทรัพยากรที่จำกัดนะ เราไม่ล่า เราก็ต้องถูกล่า
นี่คิดแบบสัตว์ตลอดเวลาเลยหรือ
เราเป็นสัตว์ครับ เรามีสัญชาตญาณดิบอยู่ ผมไม่เคยเชื่อในความดีของมนุษย์ มันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นภายหลัง ถูกสร้างขึ้นมา เมื่อเข้าสู่ข้อจำกัดบางอย่างสัญชาตญาณสัตว์จะออกมา

-----
เพิ่มเติม
mindset - an interpretation process (which sometimes goes awry and react with exaggerated means or feeling

how to change

  1. learn to hear the voice
  2. recognize that you have a choice
  3. talk to the voice
  4. take the action, learn from it

ไม้กระหวัด

ไม้กระหวัด

ของจริงเป็นหวายซี่เล็กหุ้มทองเหลือง ที่ต้องมีดโครงหวายเพื่อให้ยืดหยุ่นได้นิดหน่อย
ตรงขมับหัว U และ Z จะมีทองเหลือง 6-8 เหลี่ยมหุ้มเพื่อเกี่ยวดาบ

อุณหํ โลหิตํ ฉฑฺเฑสิ

บาลีวันนี้ - อุณหํ โลหิตํ ฉฑฺเฑสิ (สำรอก ซึ่งเลือด อันอุ่น)
ในพระธรรมบท สญชยวตถุ สัญชัยปริพาชก ผู้เป็นอาจารย์ของอุปติสสะและโกลิตะ (พระสารีบุตร และพระโมคคัลลานะ) ถึงกับกระอักเลือดเมื่อทราบว่าศิษย์รักทั้งสองและผู้ติดตามอีกเสียเกือบเกลี้ยงสำนักพากัน ออกไปบวชกับอยู่กับพระพุทธเจ้า
ไอ้เราก็นึกว่าแค้นจนกระอักเลือดนี่จะมีแต่ในหนังจีน ปรากฏว่าหนังแขกก็มี (เลือดอุ่นๆ อีกตะหาก จะบรรยายอะไรละเอียดอย่างนั้น squint emoticon")

วันพุธที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2558

ของวางผิดที่คือขยะ คนวางผิดที่ก็พิการ

你应该说能得夫君如我
洗衣做饭绣花打架
十八项全能有哪一个
夫复何求啊

我是担心我太帅了
会被别的姑娘抢去了

東西一旦被放錯了地方,就變成垃圾...
人一旦放錯地方...就會綁手綁腳....
你如果發現目前一切都不順....
就是該換個位置了..

凡事為他人想,往往會有意外的收穫!

วันอังคารที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2558

14/9/58

"เรา"

"เราคิด"

ภาวะอุปาทาน ความรู้สึกเหมือนจะเป็น condense แน่นอยู่บริเวณกลางอก ลมหายใจขัด

เมื่อสวดมนต์พระปริตรตามที่อธิษฐานในพรรษา สวดไปก็ยิ้มไปจนปากเมื่อย จนในใจเฉยไปแล้วหน้าก็ยังยิ้มอยู่ สักพักก็กลายสลับสะอึกสะอื้น ตารื้นๆ รู้สึกเหมือนจะขนลุกอยู่ตลอดเวลาแต่ก้มดูก็ไม่มีอะไร

ต่อด้วยฟังลพ.อำนาจสอนนั่งสมาธิ จึงได้ตามเห็นว่า ความสั่นไหวที่รู้สึกโปร่งๆ ตามร่างกายนั้นเรียกว่าภวังค์ "ภวังคุบาท"

เริ่มจากฉากหลังอันโปร่งๆ กว้างขวาง (ถ้าปล่อยทิ้งไปอาจจะไหลเป็นหลับเพราะไม่มีอะไรจะรู้ได้)

จึงไปจับที่ลมหายใจให้เป็นราวเกาะ (เป็นข้อสังเกตุว่าไม่ใช่อยู่ๆ ไปเริ่มทีลมหายใจ แต่ให้เริ่มจากความยิ่งใหญ่ แล้วค่อยเปลี่ยนไปลมหายใจ)

จับลมไปสักพัก ตามมันไปเรื่อย ถึงไหนก็ถึงนั่น สั้นก็สั้น ยาวก็ยาว จิตนิ่งอยู่กับลมหายใจมากยิ่งขึ้น

สักพักเริ่มละ ลมหายใจ แต่ก็คันซะก่อนไปเกา ก็มาเกาะลมหายใจใหม่

ท่านว่า ความคิดอาจมีผุดขึ้นได้เป็นประปราย แต่จิตไม่ได้สนใจมันอีกต่อไป นี่คือจิตหนึ่ง เอกคตา ความคิดที่เกิดมันไม่กินพื้นที่อีกต่อไป "นี่คือความคิด" ที่ไม่ใช่ "เราคิด" เห็นแล้วก็ดับ เป็นอุปจาระ ภวังคจลน ที่เดินสำหรับวิปัสสนาก็คือตรงนี้อย่างนี้

ที่ที่ไม่มี "เราคิด" จะไม่มีพื้นที่สำหรับ "เราสงสัย" ความรู้เป็นไปโดยรอบ "เรา" เป็นเงาที่ทำให้ดูไม่ได้โดยรอบ ไม่เหลือความสงสัยว่าถึงไหน ใช่เหรอ อันนี้ใช่อันนี้รึป่าว

วันอาทิตย์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2558

7/9/2558

พรรษาปีนี้มีสวดปริตรทุกวัน + เนสัชชิกทุกเสาร์
ได้ sleep profile มาดังนี้


  1. ความต้องการการนอนต่อวัน 4 ชม. (ได้จาก ตื่นสดชื่นมาทั้งคืน กลับบ้านหลับเป็นศพไป 4 ช.ม.)
  2. ในความต้องการนี้สามารถผ่อนจ่ายได้ (หลับแบบนั่งบ้าง ดึงสติบ้าง ถือเป็นการผ่อนจ่ายได้)
  3. สามารถเหมารวมจ่าย 2 วันได้ (สังเกตจาก กลับบ้านมีสิ่งที่ต้องทำตอนเช้าต่อ นอนไม่ได้ มานอนรวมคืนวันอาทิตย์ทีเดียวเลยได้
  4. แม้จะงกๆ เงิ่นๆ แต่ทำดีกว่าไม่ทำ กำลังที่ได้แม้จะต่ำสุดก็สูงกว่านอนสลบไสลอยู่บ้าน
ตั้งแต่มีนาคมเป็นต้นมางานระบบบีบเข้ามาเรื่อยๆ มีเหตุท้าทายอยู่ร่ำไป จันทร์ถึงศุกร์คือวันมอมแมม เสาร์อาทิตย์คือวันล้างตัว ล้างได้ดีวันจันทร์จะสดใส หลังจากนั้นก็หมองขึ้นตามลำดับไปบัดซบสุดที่วันพฤหัส ส่วนวันศุกร์มักจะออกอารมณ์ปลงๆ 

ถ้าล้างไม่มีจะมีอารมณ์ค้างมาจนถึงวันจันทร์ เช่นจันทร์นี้ 7/9/58 ยังมีความเซ็งตกค้าง แต่กระนั้นด้วยเหตุที่ทำมาเสาร์อาทิตย์ ก็ยังไม่ไหลไปรวมจนถือเอาตัวถือเอาตนมาอย่างหนาแน่ ออกจะเป็นแนวปลงๆ ปล่อยๆ ดีก็ช่าง ชั่วก็ช่าง ขี้เกียจยุ่ง

เริ่มสงวนวาจา สนใจในวาจาที่จะออกจากปาก ไม่รู้แน่ชัดว่าต้องให้เท่าทันที่จุดไหน ประมวลมาได้คร่าวๆ ว่า ระวังใจ ระวังหู ระวังปาก

บางทีคำว่าทำตามหน้าที่ แล้วพูดอาจจะจังหวะเร็วไป หักมุมเกินไป แม้จะเป็นความจริง สิ่งนี้อาจไม่จัดว่าเป็นเมตตาวจี 

อาทิตย์ที่ผ่านมาได้ฟังเรื่อง ใจเขามาใส่ใจเรา ตอนฟังอารมณ์เป็นสบายๆ แต่ทำยังไงจึงจะดึงมาใช้ได้ทันกาล

วันศุกร์ที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

เรื่องบังเอิญนี่ระวังให้ดี

เวลากลไกที่มองไม่เห็นได้คราวทำงาน เหตุประสานกันเหมาะเจาะ
coordinate บางจุดจะเด่นขึ้นมากว่า fabric รอบข้าง
ถึงจังหวะนี้ผลคือ ความไวต่อผัสสะจะถูกขยายขึ้น จนกลายเป็นความบังเอิญ
นอกจากนี้ยังมีสัญญาที่วงรอบจะเร็วขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

既来之则安之,随缘而自在吧

วันจันทร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2558

逍遥

月催人老
名利都忘掉
壶浊
把梦醉倒

เติบใหญ่ตามกาลเวลา
ชื่อเสียงลาภยศไร้ความหมาย
มีเหล้าสักกา
ก็เมามาย

生死也寂寥
一个
管他与早
去逍遥

เกิดมาตายไปช่างเงียบเหงา
ใฝ่หาอ้อมกอดเพียงหนึ่ง
จะมาช้าหรือเร็วก็ไม่เป็นไร
รักให้สบายใจ ไม่กังวล

天那
两岸青山围绕
遍人多少味道
恨滔滔
全都一笔勾
只想好好把握今朝

แผ่นดินอันไพศาล
ทะเลล้อมรอบกรอบขุนเขา
สัมผัสสิ้นรสชาติในโลกมนุษย์
รักและชัง
ทิ้งไว้อย่างนั้น
ตั้งใจถนอมปัจจุบัน

你那
我用一生祈祷
带着你江湖里逍遥
只要心还跳
就有我逗你笑
牵着你慢慢变老

นางผู้แสนดี
ที่ฉันอธิษฐานมาทั้งชีวิต
พาเธอท่องไปในใต้หล้า
ตราบเท่าที่ใจนี้ยังเต้นอยู่
จะมีฉันคอยทำให้เธอหัวเราะ

จูงมือผ่านกาลเวลาไปด้วยกัน

เรียนสำนวนใหม่

话不说拔腿就

狗刨式游泳 ว่ายท่าลูกหมาตกน้ำ

鼻子痒痒

  “好啊正合我意!

似懂非懂

一肚子窝囊气


放着也是放着

วันอาทิตย์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2558

浩瀚 กว้างใหญ่



天生我才必有用,千万莫欺少年穷,
败了也要逞英雄,不怕世人笑我疯!

เมื่อฟ้าให้ข้าเกิดย่อมมีจุดหมา
อย่าอับอายว่าไม่มีอะไร
แม้แพ้พ่ายจงยิ้มต่อไป
ไม่ต้องกลัวว่าโลกจะหาว่าบ้า!

好汉不提当年勇,只想问你懂不懂,
爱恨装的很从容,有谁真正能放松!

คนจริงไม่มัวย่ำย้ำอดีต
ข้าเพียงถามเจ้าว่าเข้าใจหรือไม
รักหรือเกลียดแสร้งไม่ใส่ใจ
จะมีใครทำได้เช่นนั้นจริง

四大皆空,色即是空,眼里全是,胭脂花红,
醉在花丛,笑的心痛,谁来和我,深情相拥?

ธาตุสี่นั้นว่าง
รูปนั้นก็ว่าง
ภาพที่เห็นล้วน
สีสันมายา

เมามายกลางทุ่งดอกไม้
หัวเราะประชดชีวิต
ใครเล่าจักโอบกอดฉันด้วยความรัก

为你心动,为你吟颂,一曲高歌,诉尽情衷!
来时汹涌,去时想通,人生不过,一场好梦!

หัวใจฉันเต้นเพื่อเธอ
หัวใจฉันร้องเพลงเพื่อเธอ
เพลงหนึ่งบรรเลง
ขับขานความรักฉันจนหมดสิ้น

ยามมาก็บ้าคลั่ง
ครั้นไปจึงคิดได้
ชีวิตนั้น
เพียงฝันดีฉากหนึ่งเท่านั้น

วันอังคารที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2558

รู้แต่ไม่ทำ

การที่รู้แล้วแต่ยังไม่ได้ทำ  อาจเป็นเพราะ

-   รู้ไม่หมด ไม่ครบถ้วน  เช่น  อาจจะยังรู้ไม่ชัดถึงคุณค่าของสิ่งนั้น
    หรืออาจยังไม่ทราบซึ้งถึงโทษภัยที่จะได้รับถ้าไม่รีบทำสิ่งนั้น

-  ที่รู้ที่ทำไปบ้าง อาจยังไม่ตรงกลางเป้า หรือยังไม่มากไม่แรงพอ
    ผลที่ได้จึงยังไม่ต่อเนื่อง   ไม่เกิดศรัทธาที่มากพอที่จะไปต่อ

-  เมื่อความเชื่อ..ศรัทธายังไม่มากพอ  การปฏิบัติ..ศีลจึงยังไม่เต็มที่  
    การสละ..ละกิเลสจึงไม่ชัดเจน  ความรู้..ปัญญา จึงคลุมเครือ

-  ยังรักกิเลสอยู่ จึงยังไม่ฉันทะที่จะละกิเลสไปนิพพาน
   เมื่อไม่ฉันทะที่จะละกิเลส จึงไม่มีวิริยะในการปฏิบัติเพื่อละกิเลส
   และยิ่งไม่ได้เอาใจใส่ที่จะหาวิธีละกิเลส หรือใคร่ครวญทบทวนการปฏิบัติ


ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ เท่านั้นยังไม่พอ  ต้อง  ปฏิบัติถูก ปฏิบัติตรงด้วย

ปฏิบัติสองข้อนั้นได้ก็ดีมากๆแล้ว  แต่ก็มีโอกาศหลุดล่วงถอยลงมาได้
แม้จะปฏิบัติอย่างนั้นมาถึงสามสิบกว่าปี ถ้าไม่ . . .  .   .

ปฏิบัติธรรมอันเป็นเครื่องออกจากทุกข์  เข้าสู่สัมมาปฏิบัติ  อย่างที่ท่านว่าไว้ ว่า

สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า เป็นผู้ปฏิบัติดี
สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า เป็นผู้ปฏิบัติตรง
สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า เป็นผู้ปฏิบัติถึงความรู้ธรรม เป็นเครื่องออกจากทุกข์
สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า เป็นผู้เข้าถึงสัมมาปฏิบัติ

วันอังคารที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2558

โจวเหวินฟะปลอบโยน

问:少年打工养家的日子,委屈如何解?

答:其实来讲一个人
你看到外表是一个人
其实内心有另外一个人
那个人是你的最好的朋友
你看我周润发
其实有两个,可能是三个四个
你就告诉你身边的朋友
你的自己
你的委屈,你想哭就哭

你对我说~没用
你对爸爸妈妈说~没用
你对你的男朋友,你的好朋友~没用
对你自己说

没有必要告诉别人
人家也不管你
你的背景对我来讲,关我什么事对吧

你定好你的目标
你要告诉你自己
你会有好的生活
因为你有好的目标

周边的人你对他哭没用
反正这是你的事对吗
你不要太过伤心

我觉得中国人老是不开心
把小小事情,哎呀哭得很厉害
不要这样

因为我们再把这 DNA 带下去
下一代对我们民族不好
我们应该把世界看得更美,更开心,更乐

人生不开心常有八九
开心的。。一二
你为什么不享受一二,常常八九呢。

ไม่ยอมจำ ไม่ยอมเข้าใจ

บางเรื่องฟังครั้งเดียวก็จำได้ ลักษณะของเรื่องเหล่านั้นประกอบไปด้วย

  1. เป็นเรื่องของบุคคลต้นแบบ
  2. เป็นเรื่องที่ตั้งใจว่าจะได้ใช้ประโยชน์ในอนาคต
  3. เป็นเรื่องที่เห็นว่าจำเป็นต่อทิฏฐิ
ส่วนเรื่องที่ฟังกี่รอบก็ยังวกไปวนมา เหมือนเข้าใจในสภาวะ แต่ครั้นจะให้เล่าต่อกลับเล่าไม่ได้
  1. เรื่องที่มีสาระ มีประโยชน์ แต่ยังไม่รู้ว่าสมควรแก่ตนอย่างไร
บางเรื่องฟังแล้ว เข้าใจในสภาวะในขณะที่ฟัง แต่เล่าต่อไม่ได้ ถ่ายทอดต่อก็ไม่ได้ พลิกคำ พลิกลิ้นก็ไม่ได้

ตรงนี้มีทิฏฐิอะไรขวางอยู่ไม่ทราบได้

เลาๆ ว่ามีคำว่า "ของเรา" เข้ามาเกี่ยวข้อง
อะไรที่เป็น "ของเรา" ดูดซะอย่างกะฟองน้ำ
อะไรที่ไม่อาจเป็น "ของเรา" ยังกะน้ำซึมบ่อทราย ผ่านจริง เข้าใจจริง แต่ทะลุผ่าน ไม่กักเก็บอะไรไว้


努力不是为了成功,是为了尊严。
长得美是灭顶之灾。
凡是要多想一步。

วันจันทร์ที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

วันเสาร์

ส่งไป เจอสะท้อนกลับ และส่งซ้ำกลับไป สองจังหวะ

วันพุธที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2558

อุเปกขาปารมี สัมปันโน

ท่านคือมือธนูที่เก่งที่สุดของเราท่านพี่เทวทัต ข้าเชื่อใจท่าน - เจ้าชายสิทธัตถะ

ปัญญาปารมี



เจ้าชายสิทธัตถะ : หยุดการนองเลือดเสียที ไม่มีใครเอาชนะจากสงครามได้ มีแต่ผู้คนต้องล้มตาย เรามาสู้กันทำไมเนี่ย เพื่อแผ่นดินที่ไม่มีวันเป็นของเราอย่างนั้นหรือ

เจ้าเมืองโกศัล : เรายอมตายได้เจ้าชาย แต่เสียศักดิ์ศรีเราไม่ยอม

เจ้าชายสิทธัตถะ : งั้นท่านต้องไขปัญหานี้แล้วเจ้าเมืองโกศัล ศักดิ์ศรีของท่านจะไม่แปดเปื้อน และถ้าหากเราหยุดการนองเลือดนี้ได้ อนาคตวันข้างหน้ามนุษย์อย่างพวกเราจะได้ไม่ถูกมองว่าเป็นมารร้าย

เจ้าเมืองโกศัล : ข้อเดียว ข้ามีแค่คำตอบเดียวที่จะปกป้องศักดิ์ศรีของทั้งสองอาณาจักร ข้ามีข้อเสนอ นักรบที่เก่งที่สุดของเราจะต้องมาประลองกัน ใครยิงเข้าเป้าคนนั้นเป็นผู้ชนะ

เจ้าชายสิทธัตถะ : ท่านเป็นคนเสนอนะเจ้าเมืองโกศัล ถ้าเช่นนั้นข้าจะเป็นคนเลือกเป้า

เจ้าเมืองโกศัล : แล้วเจ้าจะใช้อะไรเป็นเป้า

เจ้าชายสิทธัตถะ : ศีรษะท่าน กับศีรษะข้า....

มงกุฏคือสัญลักษณ์ของราชา มงกุฏข้าบนศีรษะท่าน และมงกุฏท่านบนศีรษะข้า ทำไมเราไม่ใช้มันเป็นเป้าเล่า มือธนูที่เก่งที่สุดของเราจะเป็นคนยิงเป้า ใครยิงถูกเป้าคนนั้นจะเป็นผู้ชนะ

วันอังคารที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2558

8 เม.ย.58

8 เม.ย.58

อย่าไปดูถูกลูกแมวน่ารัก แปลงร่างเป็นเสือกับเลือดโชกมาหลายครั้งแล้ว ยังไม่เข็ดอีก

วันใดที่เลิกตัดพ้อคนในบ้านได้ วันนั้นจะพบอิสระ

การให้ทานเรื่อยไป ลดการเพ่งโทษผู้อื่นได้อย่างมีนัยสำคัญ


วันศุกร์ที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2558

27 ก.พ.-3 มี.ค.58

27 ก.พ.-3 มี.ค.58

สัปดาห์นี้มีงานข้อมูลให้ต้องทำเยอะมากจนบางวันนอนไม่หลับ การอยู่กับข้อมูลนานๆ ทำให้พอเลิกงานแล้วจิตยังไม่เลิก ยังเคี้ยวกินอารมณ์ต่อ เบรกไม่ค่อยจะอยู่ เดี๋ยวผุด เดี๋ยวผุด กลับบ้านสวดมนต์ล้าง ช่วยได้แต่ก็สู้ความง่วงไม่ไหว พออารมณ์ไม่สะอาดค้างอยู่แล้วหลับไป ตื่นมาเหมือนไม่ได้นอน ร่างกายก็กระวนกระวาย ช่วงกลางสัปดาห์มีโอกสไปฟังหลวงพ่อปราโมทย์มาเทศน์การได้เข้าใกล้ครูบาอาจารย์รู้สึกเหมือนได้ล้างถังขยะแช่มชื่นเบิกบานได้ช่วงนึง

มีงานตัวนึงที่ทำอยู่ตอนนี้ต้องใช้กำลังใจสูง และต้องใช้ทักษะผู้นำประมาณนึง ลำบากใจที่จะเริ่มงานนี้มาระยะเวลานึงแล้วเพราะรู้ปกตินิสัยสองปัจจัยนี้มีต่ำ ตามจริตไม่ค่อยชอบทำงานบ้าพลังข้ามวัน แต่งานนี้กว่าจะเป็นรูปร่างก็น่าจะยืดเยื้อเอาเรื่อง แล้วรู้ว่าขยะจะเยอะแน่ ยังไม่ค่อยแน่ใจในระบบกำจัดขยะตัวเองว่าจะเทขยะใจได้ทันสักกี่วัน ลังเลอยู่นาน สุดท้ายก็เป็นทุกข์กับความลังเล ทุกข์เพราะคิด สุดท้ายเลยทำ (รู้สึกโดนกิเลสเฆี่ยนตียังไงไม่รู้ T_T)

ทุกวันก่อนไปทำงาน ก็ไปยืนกราบพระ ดูพระพุทธรูปขอกำลังใจจากท่าน น้อมระลึกว่าท่านเป็นนายกของโลก วรกายประทับตรง มั่นคง หนักแน่น ริมฝีปากยิ้ม แลดูเป็นเมตตาอันกว้างใหญ่ ได้กำลังใจเป็นพุทธานุสติ


วันอาทิตย์ที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2558

21 มี.ค.58 ทำพี่ติ้งเลือดออก

ขอโอกาสครูและพี่น้องค่ะ
เมื่อวานมีเหตุบางอย่างเกิดขึ้น กล่าวคือ เมื่อวานตอนจับคู่ซ้อมดาบกับพี่ท่านหนึ่ง หนูไปทำพี่เขาบาดเจ็บถึงขั้นเลือดออก ตอนเกิดเหตุก็เห็นเหตุการณ์ชัดเจนดีทุกอย่าง แต่เหมือนเห็นก็สักแต่เห็น ไม่มีความคิด มือไม่หยุด ไม่เบรก พลิกข้อมือตวัด แล้วก็ "โป๊ะ!!" ดาบเรากับหัวพี่เขากระทบกัน เห็นว่าหัวคิ้วเขาห้อเลือด ใจคิดบวมแน่ แล้วก็บอกน้องใกล้ๆ กันนั้นให้เอาน้ำแข็งมา สักพักเลือดออกใหญ่เลย ก็หอบหิ้วกันไปหาหมอให้เย็บแผล
สภาวะตอนเกิดเรื่องนั้นเฉย ไม่ได้ลนลาน แต่มาทวนย้อนหลังดู จะบอกว่าใจเฉยอุเบกขากลับไม่แน่ใจนัก อาจจะเป็นเฉยงงสภาวะ พอกลับมาทบทวนยิ่งนึกยิ่งรบกวนจิตใจค่ะ เช่นว่า
"เฮ้ย คือมันเห็นเต็มๆ ตาเลยนะว่าท่าการ์ดที่เขาตั้งน่ะรับไม่ได้แน่" (แต่ตอนนั้นมันไม่สมองแปลอะไรเลย)
"เฮ้ย แล้วถ้ามันไม่ใช่ดาบไม้แล้วผลมันไม่ใช่แค่คิ้วแตกละวะ"
"เฮ้ย แล้วแบบนี้มันเจตนารึป่าว" (คือแบบมันเห็นเหตุการณ์อ่ะ แต่แทรกแซงอะไรไม่ได้เลย หยุดมือ ยั้งแรง แล้วมันแปลว่าอะไรหนูใจลอยหรือ? หนูไม่มีสติหรือ?)
"แล้วจะป้องกันเหตุการณ์อย่างนี้ได้ยังไง"
ฮือ มันเกิดอะไรขึ้นคะครู T_T

วันศุกร์ที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2558

15-20 มี.ค. 58

15 มี.ค.58
เกิดคำเตือนให้ไปศาลาลุงชิน แบบอยู่ๆ ก็นึกได้ว่าวันนี้น่าจะมีเทศน์น้า จิตหนึ่งงอแง รับปากหลวมๆ กับตัวเองว่าถ้าไม่เหนื่อยเกินไปก็จะไปละกัน จนแล้วจนรอดร่างกายก็จัดสรรตัวมันเอง ตื่ีนเร็วไม่งอแง ไม่งัวเงีย ไปถึงศาลาลุงชินจนได้ ทำให้ได้รู้ว่าอะไรพามา "หลวงปู่มั่น" ท่านให้โอกาสแล้ว

16-19 มี.ค.58
เพิ่งกลับจากแม่ฮ่องสอน นั่งรถระยะทางยาว เลี้ยวไปมา สังเกตกายได้ดีในช่วงแรก การเอี้ยวตัว เกร็งตัว การหายไปของลมหายใจ (หายไปในความคิด) การเกร็งตัวเพราะความคิด สักพักเบื่อดูก็ง่วงหลับ มีช่วงสนทนากับป้ามาลี ขณะฟังแกเล่าประสบการณ์ไปนั่งสมาธิที่วัดว่าถูกบังคับอย่างนู้นอย่างนี้แกทำไม่ได้ ก็เห็นใจเกิดขัดแย้งขึ้นแว่บนึง แล้วก็ละ เปลี่ยนเป็นเห็นใจว่ามันก็อย่างนั้นเอง เหตุอย่างนั้นธรรมดาที่ผลจะเป็นอย่างนั้น พอใจเป็นกลางก็เลยพูดออกเป็นกลางๆ สังเกตุใจตัวและน้ำเสียงของผู้ฟังค่อยเปลี่ยนเป็นโทนราบรื่นขึ้น จนหมดธุระจะพูด

สังเกตตัวจากการนั่งรถกับผู้อื่น คนรอบข้างจะชี้นั่นชี้นี่ แล้วก็คอยบอกว่านี่คือไอ้นั่น นั่นคือไอ้นี่ ใจกลับไม่ได้มีความกระตือรือร้นที่จะรู้ตามถามต่อแต่อย่างใด หรือบางทีคนรอบข้างส่งมุกมาเราก็เฉยซะงั้นเหมือนกึ่งรู้กึ่งไม่รู้ว่ามันเป็นมุก หรือบางทีก็ตอบกลับแบบอือออเท่านั้น ไม่แน่ใจว่าอย่างนี้คือติดเฉื่อยหรือเปล่า

วันอังคารที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

17 ก.พ.58

ช่วงเดือนกุมภาพันธ์

วงจรเดือนรอบนี้พ้นจากการจิตตก แต่ก็หวิดไป ด้วยเจอคำพูดพี่ท่านนึงที่เคารพ แล้วอยู่ในช่วง sensitive จึงเก็บมาวนเวียนมาก แต่พอระลึกได้ก็หาย แล้วลองเอามาพิจารณาดูใหม่ (ตอนหาย sensitive แล้ว) ก็รู้สึกว่ามันเป็นคำพูดธรรมดานี่นา ไม่เห็นมีอะไรเลย

สังเกตใน 1 เดือน จะมีวันที่พื้นอารมณ์มัวๆ อยู่ช่วงนึง ที่ต้องระวังเป็นพิเศษ

หลายวันก่อนคุยกับคุณนายมารดา เกิดความรู้สึกว่า ท่านแม่มีอารมณ์อยากช่วยคนอยู่เนืองๆ แต่ไม่ค่อยขวนขวายเท่าไร แล้วก็ย้อนมาหาตัวว่าเราเองก็มีธาตุแบบนี้อยู่เหมือนกัน ฮ่าๆ

17 ก.พ.58

ไปสวนทิพย์งานมุฑิตาหลวงปู่บุญฤทธิ์กับเพื่อนก้อย บรรยากาศสัปปายะมากเข้าไปรู้สึกเย็นปลอดโปร่ง สวนกับครูบาอาจารย์และญาติโยมมากมายเนื่องจากช่วงที่ไปถึงเพิ่งเจริญพระพุทธมนต์เสร็จบางส่วนก็ทยอยกันออกมา เห็นโยมท่านหนึ่งถวายผ้าแก่พระทุกรูปที่เดินผ่าน จิตน้อมอนุโมทนา เกิดปีติง่ายมาก ตื้นตันในอกอยู่ตลอด น้ำตาไหลเป็นพักๆ สักพักก็เห็นครูบาอาจารย์องค์นึงนั่งรถเข็นมีญาติโยมล้อมหน้าหลังก็ยกมือไหว้ท่าน สักพักญาติโยมก็ช่วยกันยกท่านขึ้นรถตู้ แล้วท่านก็โบกมือๆ คือ หนูกะก้อยยืนอยู่หน้าท่านได้ชมบารมีท่านแบบอย่างนาน อิ่มใจ

แล้วก็เข้าไปด้านในฟังพระเทศน์ พร้อมนั่งสมาธิ รู้เลยว่าบรรยากาศและกระแสมีส่วนทำให้จิตสงบเร็ว รวบแต่ไม่รวม อยู่ฟังเทศน์จนถึงสี่ทุ่มครึ่งแล้วกลับบ้าน

ขากลับมาขึ้นรถ เห็นจังหวะบุญเพื่อนก้อยหลายช็อต (เดี๋ยวให้เจ้าตัวมาเล่าเอง) ก็อนุโมทนา

วันอังคารที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

สูกรมัทวะ

ในคัมภีร์พุทธวงศ์ ที่พระพุทธเจ้าตรัสเอง ระบุเอาไว้ว่า

 เรื่องธรรมดาของพระพุทธเจ้า               
               บัดนี้ เราจะประกาศธรรมดาทั่วไปของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ ธรรมดาของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ มี ๓๐ ถ้วน คือ 

 ๒๙. เสวยรสมังสะ ในวันปรินิพพาน. 

อรรถกถา ขุททกนิกาย พุทธวงศ์
พุทธปกิรณกกัณฑ์ ว่าด้วยเรื่องเบ็ดเตล็ดเกี่ยวกับพระพุทธเจ้า

คำขอเป็นศิษย์ภาษาบาลี

คำขอเป็นศิษย์

ศ. อาจริโย เม ภนฺเต โหหิ (ขอท่านจงเป็นอาจารย์ของข้าพเจ้า)
อ. ปาสาทิเกน สมฺปาเทถ (เธอจงอยู่ในอาการอันน่าเลื่อมใส)
ศ. นมาม (มิ) ภนฺเต (ข้าพเจ้าขอนอบน้อมท่านผู้เจริญ)

ถ้าไม่ใช้ "ปาสาทิเกน สมฺปาเทถ" อาจใช้ "อปฺปมาเทน สมฺปาเทถ"

ปฏิบัติ

ธาตุใดมีอรรถว่าไป ธาตุนั้นมีอรรถว่า

  1. ถึง
  2. รู้
  3. บรรลุ
ปฏิบัติ = ปติ + ปท (คติมหิ ในการไป) + ติ 

มีความหมาย 4 สถาน คือ การเดินทาง, ถึง, รู้, บรรลุ

----

มรรค 8 เป็นเจตสิก มรรคมีองค์ 8 คือสิ่งที่จะเกิดในจิต เป็นกุศลเจตสิก
มรรค 4 เป็น มรรคจิต เป็นกุศลจิต เป็นจิตที่เกิดขึ้น
ขณะที่มรรค 4 เกิดขึ้น มี "นิพพาน" เป็นอารมณ์

วันจันทร์ที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

บาลี

(คุณศัพท์ ที่หมายถึง ประเสริฐ ดีเลิศ สูงสุด)
อุตฺตม อนุตฺตร วร มุขฺย ปมุข ปวร เชฏฺฐ ปธาน ปาโมกฺข คามณิ เสฏฺฐ ปร
สตฺตม ปณีต อคฺค อคฺคญฺญ เสยฺย อุตฺตร วิสิฏฺฐ นาค ปุงฺคว เอก อริย อุสภ สีห
สทฺทูล กุญฺชร และ ปรม (๒๘ ศัพท์)

(คุณศัพท์ ที่หมายถึง บัณฑิต นักปราชญ์)
ปญฺญ สนฺต โปริส ปณฺฑิต พุธ โกวิท วิทฺวา วิภาวี ธีมา สุธี กวิ วิสารท พฺยตฺต สปฺปญฺญ วิจกฺขณ พุทฺธ ทพฺพ วิทฺทสุ โทสญฺญู วิทุร วิทู เมธาวี มติมา ธีร
วิปสฺสี และ ธิติมา (๒๗ ศัพท์)

(พระพุทธเจ้า ๓๕ พระนาม)
พุทฺโธ สพฺพญฺญู ทิปทุตฺตโม โลกนาโถ อนธิวโร นรสีโห นรวโร มารชิ สตฺถา ทสพโล ภควา มุนินฺโท ธมฺมราชา นาโถ สยมฺภู สมฺมาสมฺพุทฺโธ ภูมิปญฺโญ
จกฺขุมา องฺคีรโส มุนิ มหามุนิ สุคโต สมนฺตจกฺขุ มเหสี วินายโก โลกครุ เทว-
เทโว ธมฺมสฺสามิ ตถาคโต นายโก ชิโน วรปญฺโญ สมฺพุทฺโธ ติโลกนาโถ
และ อนุตฺตโร

(พระนิพพาน ๔๖ ศัพท์)
โมกฺโข นิโรโธ นิพฺพานํ ทีโป ตณฺหกฺขโย ปรํ ตาณํ เลณํ อรูปํ สนฺตํ สจฺจํ
อนาลยํ อสงฺขตํ สิวํ อมตํ สุทุทฺทสํ ปรายนํ สรณํ อนีติกํ อนาสวํ ธุวํ อนิทสฺสนํ อกตํ อปโลกิตํ นิปุณํ อนนฺตํ มกฺขรํ ทุกฺขกฺขโย อพฺยาปชฺฌํ วิวฏฺฏํ เขมํ เกวลํ อปวคฺโค วิราโค ปณีตํ อจฺจุตํ ปทํ โยคกฺเขโม ปารํ มุตฺติ สนฺติ วิสุทฺธิ วิมุตฺติ
อสงฺขตธาตุ สุทฺธิ และ นิพฺพุติ ฯ

8-9 ก.พ.

8 ก.พ.58

เดินออกมาด้านนอกรู้สึกร้อนบอกไม่ถูก เหมือนมีไข้ผ่าวๆ แต่ไม่ใช่ เห็นทิวทัศน์สยามกลางคืนแล้วจิตถูกดูด ต้องเดินปิดใจจึงรอดมาได้

9 ก.พ.58

รู้สึกตัวว่าเป้าหมายมรรคผลนิพพานหายไปแล้ว คือทางมันก็เดินอยู่ แต่ความอยากได้ผลนั่นนี่ไม่มี หรือไม่เด่นชัด รวมทั้งความพยายามด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตามรู้สึกว่าต้องออกกำลังกาย


วันศุกร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

墨守成规
论功行赏
料事如神
临危不惧
日复一日
敬而远之
冷眼旁观
据理力争
穷则独善其身,达则兼善天下
客套语

วันพฤหัสบดีที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

ครูเจี๊ยบเขียนตอบเรื่องปฏิฆะ อัตตา

ตัวอัตตานี่จริงๆ ถ้าเราใส่ใจมากมันยิ่งมีกำลัง แต่มันจะแพ้ตัวเมตตา คือถ้าอัตตาจัดๆ ต้องซัดด้วยเมตตา ถ้าอัตตาขึ้น ท่องเมตตาไปซักร้อยแปดจบ เอาให้เข็ด
ถ้าอัตตาไม่มาก เอาอัดฮาก็ได้ คือ อัตตา มันจะแพ้ความฮา เราลองปรับใจเราให้มันปล่อยวางง่ายๆ มีอารมณ์ขันให้บ่อยขึ้น อันนี้ก็ช่วยได้
ลองพิจารณาอัตตาดู คือมันตลก มันจริงจังไปทุกเรื่อง มันโดนหยามไม่ได้ มันต้องถูกเสมอ บางทีเราหักเลย คือใจมันเต็มไปด้วยอัตตา แตสติแว้บมา เราคว้าเลย เราหักหลัง ขอโทษ หรืออ้อนเค้าไปแทน หักหน้าอัตตากันแบบไม่ให้รู้ตัวเลย
อย่างที่ทำอยู่นี่แหละ ใช้ได้ เผลอไปแล้ว ก็ตามง้อสิ 555 มึงกล้าปฏิฆะใส่ใคร กรูก็กล้าง้อ กล้าขอโทษอ่ะ เอากะกรูสิ

23 ม.ค.58

23 ม.ค.58

ต้องมีประชุม นั่งเตรียมเรื่องมาเป็นเดือน เรื่องเนื้อหาไม่มีปัญหา ตั้งแต่ขั้นเตรียมการก็ไปถามคนนู้นคนนี้ทั่วไปหมด ว่าควรเดินแบบไหน อะไรยังไง แรงไปมั้ย เบาไปมั้ย ทำยังไงให้ลุล่วง  ไม่แตกแยก พอดีพองาม พอดำเนินขั้นเตรียมการเสร็จ ก็ยังกลัวอยู่เพราะรู้ตัวว่าแพ้ทางคนสไตล์รู้ว่าหน้าที่ตัวแต่ไม่ทำ เห็นแล้วโทสะจะขึ้นเร็วสุดๆ งานรอบนี้ดันเกี่ยวแบบนี้โดยตรง กลัวใจเกิดโทสะพาปัญญาดับ กลายเป็นนัดประชุมมาตีกันฟรีๆ ฟาล์วงานไป เลยไปขอคำปรึกษาบุคคลที่สามอยู่หลายคน มีตั้งแต่คนที่แนะการพูด การคิด การวางใจ ฯลฯ เรื่องพวกนี้ก็เตรียมมาเป็นสัปดาห์

พอถึงวันจริงมันก็เจอจริงๆ เห็นตอนแรกว่า บุคคลต้นเรื่องจะไม่เข้า เราก็แอบสบายใจ ที่ไหนได้ถึงเวลาจริงมา พูดเตะตัดขาทุกดอก โยนงานทุกประโยค ได้มีสายตาเปรี๊ยะๆ ไป 1 ดอก (สอบตกค่ะ 5555) สักพักหัวหน้าเขาเข้ามา เป็นหัวหน้าใหม่ สวรรค์ส่งมาช่วยชีวิตได้ทันเวลา นางน่ารักมากมีใจมารับฟัง ร่วมคิดร่วมแก้ เสร็จงานเลยแฮปปี้กันไป มีแอบสะใจที่ระหว่างการประชุม ไม่มีใครใส่ใจมนุษย์ต้นเรื่องที่พูดเป็นแต่อัปปิยะวาจาตั้งแต่เดินเข้ามา (อันนี้ก็สอบตกอีก 1 ดอก)

เสร็จงานเลยเดินไล่ขอบคุณเหตุปัจจัยผู้ให้คำแนะนำทั้งหลาย

นั่งย้อนดู เห็นว่าช่วงระหว่างที่ทำงานดังกล่าว จิตจับความกังวลจางๆ แทบจะตลอด ปล่อยไม่ออก แถมเป็นช่วงที่มีเหตุอื่นๆ ให้ได้พักล้างจิตได้น้อยอีก ไม่รู้จะทำไง

24 ม.ค.58

เมื่อคืนเพื่อนก้อยโทรมาเตือนว่าเช้านี้ไปสวนสันติธรรมกัน แล้วบอกให้ปลุกด้วย เพราะคราวที่แล้วก้อยไม่ตื่น ผลปรากฏคราวนี้นิ้งไม่ตื่นแทน รู้สึกตัวอีกทีก็ตี 5 ทำอะไรไม่ทันแล้ว (ยังดีที่ก้อยได้ไป ^_^) เลยนั่งสมาธิต่อ

แว่บแรกที่สะดุ้งตื่นขึ้นมา ไม่มีความงัวเงีย ไม่ตระหนกตกใจว่ากี่โมงแล้ว หันไปหยิบนาฬิกามาดูไม่รีบร้อน พอรู้ว่าไม่ทันก็เฉยๆ โทรหาก้อยไม่ติด

ทำอะไรไม่ได้เลยนั่งสมาธิต่อ ช่วงแรกราบเรียบ หลังจากนั้นความคิด ความเสียดายเล็กๆ น้อยๆ ก็เป็นคลื่นยุ่บยั่บมารบกวน มีแว่บนึกถึงการประชุมเมื่อวาน อยู่ๆ สติก็ตั้งมีกำลังตัดคลื่นเหล่านั้นวจีสังขารขาดกลางคำ แล้วก็นั่งสงบได้พักนึง มือถือก็ดังว่าก้อยติดต่อได้แล้ว มีเมสเซจว่าโทรมาตั้งแต่ตี 3 กว่า จึงสรุปได้ว่าก้อยตื่น อนุมานต่อได้ว่าก้อยไป ก็อนุโมทนา และขอให้พระคุ้มครองให้การเดินทางปลอดภัยดีทุกประการ พอหกโมงกว่าก้อยก็โทรมาว่าถึงวัดแล้ว ขณะรับโทรศัพท์รู้สึกถึงความสงบเย็นของปลายทาง ได้อนุโมทนาอีกรอบ

^_^ คราวหน้าต้องไม่พลาด






การบ้านเก็บน้อยผสมเล็ก ปลายมกราคม - 5 กุมภา 58 + my favourite things

ช่วงนี้ไม่อยากทำอะไรเลยนอกจากให้ทานค่ะครู สวดมนต์ตามโอกาส นั่งสมาธิตามโอกาส แต่อยากฝึกการให้ (เป็นความรู้สึกลึกๆ ว่า ถ้าให้ไม่ได้จะซวยเอา) ฝึกให้แบบให้เนียนๆ ฝึกระลึกให้คนที่ให้ได้ยาก ฝึกให้แบบไม่ต้องเงื่อนไขมาก ฝึกให้รอยยิ้ม ฝึกให้คำตอบแบบไม่ขอไปที ฝึกฟังเจตนาคนที่พูดออกมาไม่ถูก หาข้อมูลเรื่อยเปื่อยพวกคำพูด หรืออารมณ์ขันที่เก็บจะเอาไว้ช่วยชะลอจิตในสถานการณ์คับขันปัญญาดับ ช่วงพักกลางวันก็ไปนั่งสิ้นคิด (รึนั่งเหม่อก็ไม่แน่ใจ 555) ใต้เงาไม้ในสวนสาธารณะ หาสุนทรียะผ่อนคลายความตึง

วันก่อนไปฟังอ.วรภัทร ท่านพูดถึงเรื่องความเป็นอนัตตา ความไม่มี ใจหนูมันก็นั่งแยกตามท่านไป แต่พอเงยหน้ามาสบตาเจอคนมันก็เป็นคนกระทบใจอยู่ดี 555



"กลางวันสงเคราะห์
กลางคืนอยู่กับฌาน
ให้มันบันทึกลงในจิต
ให้จิตอ่อนหวาน
พลิ้วไหวสวยงาม"

"มะลิบาน"

เวลาคุยด้วยมีความต้องการอะไรอยู่ด้วยนี่มันก็ย้าก ยากที่จะทำใจให้เป็นปกติ แต่พอไม่มีความต้องการอะไร นิสัยเรามันก็ไม่ได้อยากจะคุยกะใครซะด้วย ก๊ากก

ยิ่งทำงานบางทีเราก็รู้สึกว่าเราไม่ได้ดีลกะคนในแบบที่เค้าเป็น
แต่ดีลกะคนในแบบที่เราเป็นมากกว่า
แล้วชอบเอาสามัญสำนึกไปใส่ในคนอื่น
คิดว่าคนอื่นมี
55555
สุดท้ายเป็นทุกข์เอง
แถมหลายครั้ง
คิดว่าพูดแค่ 70 สำหรับปัญญาชนระดับนี้พึงจะเข้าใจได้แล้ว
ในใจตัวเองคือคิดว่าให้เกียรติสติปัญญาเขานะ
แต่กลับกลายเป็นว่า อ่าววววว....
55555555
พักนี้เจอเรื่องเงิบๆ แบบนี้เยอะเหมือนกัน

วันอาทิตย์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

วันอาทิตย์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2558

สำนวนวันนี้

闻过则喜 Wénguò zé xǐ 
Delighted to hear criticism
ยินผิดจิตรู้เรื่องเปรมปรีดิ์

人弃我取 rén qì wǒ qǔ

高世之才gāoshìzhī cái

语冰人 lěng yǔ bīng rén  
แม้นล้อลามหยามหยาบไม่ปลาบปลื้ม

体大思精 tǐ dà sī jīng
 extensive in scope and penetrating in thought;long and precise

วันอังคารที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2558

อ่านแล้วชอบ

กระบี่ ใบไม้



ลากรอยเส้นเป็นภาพฝันร้อยพันวาด
เขียนภาพงามลงกระดาษปรารถนา
สร้างสีขาวเป็นปุยเมฆของขอบฟ้า
พู่กันแต้มเขียวงามตาทุ่งหญ้าพรม
.
ขีดเส้นโค้งโยงฟ้าทาบดังภาพฝัน
รุ้งลาวัลย์วูบวับวามแสนงามสม
ฉากบ้านน้อย,ธารน้ำใสพลิ้วไหวชม
นั่งรับลมริมน้ำเล่นเย็นสบา
.
วาดคุณพ่อวาดคุณแม่ที่อบอุ่
เติมปล่องควันไอข้าวคุ้นที่ขาดหาย
กลางผ้าขาวมีอาหารอยู่เรียงราย
ป้ายพู่กันจุดสุดท้าย...ชะงักงัน...
.
จิตรกรในห้องเก่ายืนเหงาโศก
มองดูโลกอีกหนึ่งโลกเปี่ยมสีสัน
จะให้แต้มจุดสุดท้ายอย่างไรกัน
หยิบภาพสวยดังภาพฝัน...นั้นขึ้นมา
.
ไม่เคยมีภาพในใจที่อบอุ่น
ไม่เคยมีรักละมุนอันล้ำค่า
ไม่เคยมีความหมายใดในสายตา
แค่เกิดเป็นเด็กกำพร้าในสังคม
.
จะแต้มจุดสุดท้ายที่หายไป
จะขีดเขียนรูปอย่างไรให้เหมาะสม
เงียบสนิทในห้องหนาวร้าวระบ
...จุดสุดท้าย...พลันถูกพรม...ด้วยหัวใจ...
.
จิตรกรวาดสำเร็จเสร็จภาพฝัน
มโนคิดลิขิตผันแปลงโลกใหม่
โลกสดสวยมีตัวเองอยู่ข้างใน
เติมเส้นสี...ที่เขียนไว้...จนสมบูรณ์!

วันจันทร์ที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2558

จับฉ่าย

17 ม.ค.58

ระหว่างฟุ้งซ่านว่ากะลังเถียงกะพี่คนนึงอยู่ว่าความเป็นผู้ใหญ่คืออะไร จิตก็ตอบโพลงออกมาแบบไม่ให้รู้เนื้อรู้ตัวว่า คือ จิตที่ตั้งเห็นความเป็นเหตุเป็นผลธรรมดาอยู่อย่างนั้นเอง

18 ม.ค.58

กลับบ้านสวดมนต์เดินจงกรมทำสมาธิ จิตไม่สนเฟสบุค

19 ม.ค.58

เจอมนุสเทโวโดยบังเอิญ เหมือนตั้งใจมาเตือนอะไรสักอย่าง ก่อนนอนรู้สึกถึงกายเป็นศพหนักๆ แล้วความคิดเหมือนของเหลวกระฉอกไปๆ มาๆ ในแก้ว

20 ม.ค.58

อ่านการบ้านเพื่อน รู้สึกจิตสงบเรียบ ไม่เกิดคลื่นเหมือนที่ผ่านๆ มา

วันศุกร์ที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2558

ว่าด้วยการสวดมนต์

1) สวดให้มันถูก คือ หัดสวด ให้อักขระได้ ทำนองได้ สวดคล่อง ทัน และไม่ผิด
2) สวดคล่องแล้ว ก็จะสวดให้ต่อเนื่อง มาดูเสียงด้วย ให้เสียงสม่ำเสมอ มาดูจิต ว่าเวลาสวดนั้นตั้งมั่นดีไหม ดูสติไม่ให้หลุดออกไปจากบทสวด ให้จดจ่อกับบทสวด
3) สวดคล่องขึ้นไปอีก เริ่มเบื่อ สามารถสวดไม่ผิด แต่ส่งจิตล่องลอยไปไหนๆ รวมทั้งจะคิดอะไรไปด้วยสวดไปด้วยก็ได้ อ่านหนังสือไปสวดไปยังได้ 

อันนี้ต้องมาฝึกกำหนดสติ


3.1 กำหนดสติในการสวดทีละอักขระ คือให้มีสติกำกับ ออกเสียงชัดทีละอักขระเลย บางทีนึกภาพตัวอักษรคาราโอเกะขณะสวด

3.2 กำหนดรู้คำแปล (ก่อนนั้นเราอ่านคำแปลไปสวดไปบ้าง จนจำได้แล้วเวลาสวดบาลี ก็แปลความหมายไปด้วย) 

3.3 เข้าฌานขณะสวด แล้วก็สลับไปมาระหว่างกำหนดรู้ในฌาน กับบทสวด ซึ่งถ้าเป็นบทง่ายอย่างอิติปิโส นี่มันก็ดูสภาวะในฌานกับสติปัฏฐานเป็นหลัก กาย-เวทนา-จิต-ธรรม ไปในขณะสวด


4) สวดเก่งแล้ว ไม่ต้องพูดถึงเรื่องอักขระ พยัญชนะ คือรู้หมดแล้ว ฌานก็ได้แล้ว สติก็มีแล้ว กำลังก็มีแล้ว

ทีนี้จะสวดมนต์เป็นงานเป็นการ สวดให้เขา สวดให้มันทั้งศาลา สวดถวายหลวงพ่อ หรืออะไรก็ตาม


ปกติสวดแบบนี้ พระต้องมีฌานด้วย เราถึงจะไต่ขึ้นไปได้
และมักจะต้องวอร์มด้วยบทสวดตั้งแต่ต้น ถ้าจู่ๆ มาสวดแบบไม่วอร์ม ก็จะไม่ขึ้นถึงระดับนี้ 

สวดแบบนี้เราเข้าฌานสวด สติกับสมาธิเสมอกัน สวดแล้วว่าง สว่าง บางครั้งไม่เหลืออะไร เหลือแต่หัว บางครั้งหัวก็ไม่เหลือ เหลือแต่ความว่าง สว่าง แต่ก็แปลกทียังสวดได้อยู่ น่าจะเทียบสักฌานสาม แต่มันเป็นสมาบัติ ไม่ใช่ฌานธรรมดา คือทุกอย่างขาวโพลนดับหายหมด 

สติอยู่ที่จิต จิตอยู่กับบทสวด ตั้งมั่นบนฐาน เหมือนว่าสวดออกมาจากจิต หรือจิตมีปากนี่แหละ ตาลืมแต่มองไม่เห็นอะไร 

รู้ชัดหมดทุกอย่าง แต่เราจอจ่อกับบทสวด ขยับคิดนิดนึงจะสวดผิดทันที ห้ามขยับเลย ขยับนิดนึง หรือสติอ่อน สัญญาดับ พระดับกับเราไปด้วย ดังนั้นถ้าไปต่อกับพระเข้า เราก็ห้ามหลุด เดี๋ยวดึงพระหลุดทั้งแถบ 555

กระแสเวทนาเข้ามา เราคันคอ พระนำสวดก็ไอ มันต่อกันขนาดนั้นเลย คือเราก็นำสวดด้วย โดยไม่ต้องใช้ไมค์ ถ้าพระจิตโอเคก็ไปด้วยกันแบบพิเศษสุข พระนำสวดก็ไม่เหนือย เราก็ไม่เหนื่อย ญาติโยมในศาลาวันนั้นโชคดีเป็นพิเศษ

แต่ถ้าพระจิตไม่โอเค เราก็ไม่ต่อ สวดของเราเอง สบายเอง ไม่สนใจใคร 

ถ้าสวดได้แบบนี้มันสุดยอด เวทนาเข้าไม่ได้เลย คือสวดแล้วเหมือนอยู่กับหลวงพ่อ คือถ้าสวดได้แบบนี้ทุกว้ัน ก็ไม่ต้องขึ้นกราบหลวงพ่อ สภาวะใกล้เคียงกัน เหมือนท่านอยู่กับเรา อิ่มเหมือนกัน 

สวดระดับนี้ เราไม่ได้ทุกครั้งหรอก นานๆ ที เหมือนกัน

แต่ถ้าได้แน่ๆ แล้ว ได้เจอสภาวะระดับนี้แล้ว จะรู้เลยว่าการสวดมนต์เป็นวิชชาอย่างหนึ่ง สำหรับเอาไว้ประดับจิต ที่หลวงพ่อสอนมา เออ ไม่ได้อภิญญาก็ได้วิชชาสวดมนต์ไป ใช้หากินทำกินเลี้ยงตัวเองได้ แล้วก็ช่วยคนอื่นได้ด้วย


**************

ส่วนมากเราสวดประจำวันได้แค่ระดับที่ 3 แล้วก็ต้องสู้กับเวทนามหาศาล เลยมักจะไม่เข้าฌานแบบหลบหรือหนี แต่เน้นเจริญสติ เพราะถ้าเข้าฌานมันดึงพระโดยอัตโนมัติ และดูดเวทนาเข้ามาด้วย

หมายถึงว่าถ้าสวดมนต์แล้วเคลิ้มๆ สบายๆ นี่คือผิดแล้ว 


มันจมในโมหะตะหาก พวกสวดแล้วจะง่วงซึม จะต่างจากฌานที่ประกอบพร้อมด้วยสติ มันจะสว่าง และรู้ชัด 

ซึ่งแน่นอนว่า เวทนามันจะชัดไปด้วย ส่วนใหญ่ดูน้องๆ สวด เจอตรงนี้จะหลบ คือหนีเข้าฌาน แต่มันเป็นฌานเจือโมหะ

(ถ้าไม่ออกมาทำสติ แล้วทนเวทนา แล้วเอาฝึกเอาปีติ สู้กับเวทนา ก็จะติดนิสัยดูดกำลังโดยไม่รู้ตัว เป็นผู้ไม่น่านั่งใกล้เวลาสวดมนต์ 555)

แต่ถ้าเราฝึกสู้เวทนา ใช้ปีติฌานสองนะ แล้วสู้เวทนา ทีนี้เวลาเข้าฌานสวด ก็มีสติ มันถึงจะได้สัมผัสกับระดับ 4 ที่เจ้เล่า 

มันสุดยอด คือหายหมดเลย ทุกสิ่งอย่าง มีแต่บทสวดกะจิต กะกำลัง


ปกติเราทำฌานไม่ค่อยได้อย่างนี้หรอก มันจะพาลดับหรือหลับไปก่อน จึงอาศัยทำฌานเวลาสวดมนต์ยาว 

ถึงจะได้สภาวะที่ครูอาจารย์บอกว่าหายหมด แบนราบ เรียบ คือโลกมันหายหมด ตัวก็หายหมด เหลือแต่ความว่าง ขาว สว่าง แต่มันก็ยังสวดมนต์ได้ 


หลวงพ่อใหญ่ท่านเคยรองรับสภาวะอย่างนี้ แต่ท่านไม่ยอมบอกว่าฌานอะไร ท่านบอกว่าอัปปมาณะสุภา ซึ่งไปหาเอาก็ประมาณฌาน 3 สมัยที่ถาม ท่านบอกว่ายังไม่เต็มนะ ยังได้อีก ก็เพียรทำต่อมาจนคาดว่าเต็มแล้ว แต่ไม่ได้ไปถามท่านอีก 

คือพอถึงจุดหนึ่งได้แล้ว ก็ทำ และใช้ประโยชน์ หมดสงสัยในสมมติ

แต่เคยถามพอจ.ฉํนนะ พอบอกหลวงพ่อไม่บอก ท่านก็ไม่บอกบ้าง ท่านบอกมันเลยฌาน เป็นผลของฌาน ก็เดาว่าเป็นสมาบัติ แต่สมาบัติที่เท่าไหร่ ไม่รู้ รู้แต่ว่านานๆ ได้ที ก็ดีเหมือนกัน เอาไว้เป็นมาตรวัดความสำเร็จ ในการสวดมนต์


แต่ทุกวันนี้ถ้าสวดมนต์แล้วนำสวด ก็ไม่ได้เข้าฌานหรือใช้สมาบัติ เพราะไม่ได้สวดกับพระที่เก่งจริงๆ 

** หมายถึงฌานสูงสุดที่เข้าได้ แต่ปกติสวดมนต์ก็ต้องเข้าฌาน หนึ่งบ้างสองบ้าง แล้วแต่พระจะนำไป สูงสุดของเราคือ ฌาน 5 ที่สวดมนต์ได้ 


แต่จะคอยช่วยเลี้ยงพระบ้าง ดึงกำลังบ้างไม่ให้ตก เดี๋ยวหลวงพ่อเจ็บ ก็จะเป็นวง back up ให้ คอยเลี้ยงพระ พระก็สวดดีไป เราก็อาศัยเจริญสติ อัดกำลังบ้าง แล้วปรับแต่งประคองวงไป 

ถ้าสวดกับพระที่ยังไม่เก่งมานำสวด เราก็ต้องช่วยหล่อเลี้ยง ไม่ต้องพูดถึงสภาวะส่วนตน แต่ถ้าพระท่านเก่งมา นิ่งมา เราก็ค่อยได้เสพผลสภาวะส่วนตนเอา นานๆ ได้ที ก็ปีติไปได้หลายชั่วโมง


จากเบสิค ถึงแอดว๊านซ์ ก็ได้ประมาณนี้ คงแอดว๊านซ์สุดแล้ว เพราะหลวงพ่อบอกกำลังเราสมบูรณ์แล้ว ท่านเคยชมแล้ว และหลังจากน้ันต่อให้รู้สึกว่าสวดดีมากๆ ท่านก็ไม่ได้ชมอีก แสดงว่าหมดแล้ว คือที่สุดแค่นั้น เลยจากนั้นเป็นดีเทล ความไม่เที่ยง เป็นการเรียนรู้สภาวะในรายละเอียด ซึ่งมันไม่เที่ยงหรอก ขึ้นๆ ลงๆ บางวันได้แต่สู้เวทนาก็มี บางวันก็สู้กะตัวเองก็มี แล้วแต่เหตุปัจจัย 

ทีนี้ใครอยากถามจุดไหนก็ถามแล้วกัน มันมี 4 จุดหลักๆ