ชรามรณะมีอยู่
เวลาพูดว่าว่าอะไรมีอยู่
ไม่ได้หมายความถึงว่ามัน "มีอยู่จริงๆ"
แต่มี "เมื่อมันเกิด"
พวกเรายังไม่เห็นชัดในข้อนี้
พอพูดถึงว่าสิ่งใดมีอยู่ ก็จะรู้สึกว่ามัน "มีจริงๆ"
การรู้สึกว่ามีจริงๆ ก็เป็นส่วนสุดข้างหนึ่ง
พอรู้สึกว่ามันดับ ก็รู้สึกว่ามัน "ดับจริงๆ"
การรู้สึกว่ามันหมดไปจริงๆ ดับไปจริงๆ ก็เป็นส่วนสุดข้างหนึ่ง
ต้องแม่นๆ ตรงนี้
การจะเข้าใจตรงนี้ต้องเข้าใจสายกลาง
คือปฏิจจฯ เข้าใจว่ามันเกิดขึ้นนี่มันไม่ได้มีจริงนะ
มันมีเพราะมันเกิด ที่มันเกิดก็เพราะเหตุเพราะปัจจัย
ที่มันอยู่นี่มันก็ไม่ได้อยู่จริงๆ
แต่มันอยู่ตามเงืื่อนไข
พอหมดเงื่อนไขมันก็ไป
แต่มันไปมันก็ไม่ได้ "ไปจริงๆ"
แต่มันไปเพราะมันหมดเงื่อนไข
ถ้าเงื่อนไขมาอีก มันก็มาอีกแหละ
เหมือนเวลาป่วย
ก็จะรู้สึกว่าป่วยจริงๆ รักษากันเข้ารพ.ว่ากันไป
พอหายป่วย ก็รู้สึก "หายจริงๆ" สบายใจ
สักหน่อยป่วยอีก "ป่วยจริงๆ" อีก
มันก็รู้สึกวนเวียนอยู่อย่างนี้
มีก็มีจริงๆ หายก็หายจริงๆ
อันนี้เป็นความเข้าใจผิด
งง ไม่มีปัญญา
มันมีก็เมื่อมันเกิดขึ้นนั่นแหละ
มีอยู่ก็ด้วยเงื่อนไขมันมีอยู่
เดี๋ยวสักหน่อยมันก็หมดไป
สักหน่อยนี่เมื่อไรล่ะ
ก็เมื่อมันหมดเงื่อนไขนั่นแหละ
แล้วเมื่อมันหมดเงื่อนไขแล้ว
มันสงบแล้ว
มันสงบจริงๆ มั้ย
ไม่
พอมีเงื่อนไขมันก็มาอีกแหละ 5555
ในโลกจึงไม่มีที่ที่ปลอดภัย
ธรรมจึงมี 2 ส่วนนี่แหละ คือสังขาร กับนิพพาน
ผู้ที่เข้าใจชัดก็คือพระโสดาบัน
ผู้ที่ไม่เข้าใจ ก็จะวุ่นวายอยู่นั่น
อยู่ในโลกก็จะให้มันเหนือโลก
ทุกข์ก็จะให้มันสุข
ของไม่เที่ยงก็จะให้มันเที่ยง
เขาเรียกเห็นผิด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น