วันเสาร์ที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2561

วายมติ วิริยมฺ อารภติ

วายมติ วิริยมฺ อารภติ
วิริยะคือ ก้าวหน้าไปไม่ท้อถอย กล้าหาญยิ่งๆ ขึ้นไป
ตามเห็นความขยัน ขี้เกียจของจิต
มันก็ไม่เที่ยงหรอกนะ

จิตตัง ปัคคัณหาติ
ประคองจิต
ไม่ใช่ประคองจิตให้ดี
แต่ประคองให้มันเดินไปในทางที่ถูกต้อง ไม่ให้ออกนอกลู่นอกทาง

จิตมันจะดีบ้างไม่ดีบ้างก็ไม่เป็นไร
ขยันบ้าง ขี้เกียจบ้าง
ก็ยังประคองมันให้อยู่ทางนี้ตลอด

ประคองให้อยู่ในทางที่จะเห็นความจริง
ก็คือความจริงมันเป็นยังไง ก็ประคองให้มันเป็นไปตามนั้น
ส่วนมากจะหลงตรงนี้ !!!!

คือบางทีความเป็นมันเป็นอย่างนี้
ก็ประคองจิตให้มันเห็นตามนี้
ถ้าไปปรับ ไปดัดแปลง ไปกลับกลอก มันก็ไม่เห็นความจริงสักที

อาการดัดแปลง ถ้าทำถูกมันก็เป็นสมถะ
ก็ทำได้ตามสมควร ไม่ใช่ทำตลอด
ถ้าทำตลอด มันก็ไม่เห็นความจริง

ขี้เกียจบ้าง ก็ขยันดูความขี้เกียจ
ขยันบ้าง ก็ขยันดูความขยัน

ความเพียรที่เป็นสัมมัปปธาน ไม่ได้ต้องการเอาดี
เป็นความเพียรที่ต้องการพ้นทุกข์
เป็นความเพียรที่ให้เกิดปัญญา ก้าวหน้าไปในธรรม

เช่น มันขี้เกียจก็มาดูให้เห็นว่าความขี้เกียจนี่ก็เป็นธรรมอย่างหนึ่ง
บังคับไม่ได้ มีเหตุก็เกิด หมดเหตุก็ดับ
พอหมดขี้เกียจ สักหน่อยมันก็เฉยๆ หรือขยัน

ขยันก็ดูว่ามันขยัน วิธีดูก็เหมือนดูขี้เกียจนั่นแหละ

เพียรให้จิตมันเดินก้าวหน้าไปในธรรม
คำว่าก้าวหน้าไปในธรรมนี่
ไม่ได้แปลว่า เห็นอะไรแล้วมันดับหมด หรือจิตดีขึ้นเรื่อยๆ ฯลฯ
เราไม่ได้ดูให้มันดับนะ เราดูให้มันเห็นความเป็นจริง
ดูให้มันเห็นว่าทุกสิ่งทีเกิดขึ้นมันก็ดับไปนั่นแหละ
แต่จะดับตอนไหนก็ขึ้นกับเหตุ เหตุน้อยก็ดับเร็ว 

ความก้าวหน้าไปในธรรม หมายถึง จิตเป็นกลางต่อสภาวะธรรม
สภาวธรรมจะดีหรือไม่ดี จะสุขหรืออะไร ก็เป็นกลาง
เห็นว่าทุกอย่างเป็นธรรมะเท่านั้น จนมันเห็นว่าทุกอย่างเป็นทุกข์ล้วนๆ นั่นแหละจึงปล่อยได้

ไม่ใช่เพียรเอาดี เพียรหนีร้าย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น