ท่องพุทโธ ท่องไปท่องมาเคลิ้ม
เคลิ้มนี้เป็นภวังค์ เหมือนตอนง่วงนอน
พอง่วงนอน มันตกภวังค์ มันจะไม่สนใจ
มันจะไม่ส่งออก
ในช่วงขณิกสมาธิเล็กๆ มันยังไม่เข้มข้น
มันก็เป็นภวังค์แล้วนะ (ถ้าดูเป็นจะเห็น นี่เริ่มเป็นภวังค์แล้ว)
ภวังค์ ก็เป็นความรู้สึกตัว ที่จิตมันจะไม่ส่งออกไปข้างนอก
มันเข้าไปที่สภาพเดิมของมัน
ในขณิกสมาธิ นี่เรียก ภวังคุบาท
เช่น
ท่องพุทโธๆๆ ไม่ส่งออก อันนี้เป็นภวังค์
หยุดท่องภวังค์ขาดทันที
แต่ถ้าเริ่มไม่ขาด จิตเริ่มละเอียดขึ้น
ก็จะเริ่มเห็นอ่อที่เกิดดับไปไม่ใช่ตัวตนอย่างนี้
จะเป็นภวังค์ตัวที่สอง ชื่อภวังคจลนะ (อยู่ในอุปจารสมาธิ)
ภวังค์นี้เขาใช้เจริญวิปัสสนาญาณ
พอเข้าอัปปนาแล้วเจริญวิปัสสนาญาณไม่ได้
ในอัปปนาสมาธิจะเป็นภวังคุปัจเฉท มันตัดขาดหมด เรียกว่า แนบสนิทเป็นหนึ่ง
พอเป็นหนึ่งก็แน่วแน่ ไอ้ตัวกระบวนการทำงานภายใน ที่จะไปคิดนั่นนี่ก็หยุด
แต่ว่ามันก็ยังมี “เจตนา” อยู่ เป็นตัวภพ คือยังไม่ใช่มรรคผลนิพพานนั่นแหละ
ฌานนี่แปลว่าเพ่ง เจตนาที่จะเพ่งยังมีอยู่ จึงเป็นภพ
อัปปนาสมาธิ จึงเข้าฌาน ถ้ายังไม่อัปปนา ยังไม่เป็นฌาน
ฌานแปลว่าเพ่ง
ถ้าเพ่งลมหายใจ เพ่งกสิณ พวกนี้เรียกรูปฌาน
ถ้าเพ่งอากาศ ช่องว่า เรียกอรูป
ทีนี้พอเพ่งแล้วแน่วแน่เป็นหนึ่ง เรียก เอกัคคตา
วิตก วิจารณ์ ปีติ สุข เอกัคคตา
ตัวเอกัคคตานี้คือตัวสมาธิ
ฌานจึงทำให้เกิดสมาธิ ในสัมมาสมาธิก็คือฌานสี่
เพราะอาศัยการเพ่งจนเกิดเอกัคคตา
ทีนี้เวลาเจริญวิปัสสนา
จะถอยออกจากฌานมาที่อุปจารสมาธิ
เขาไม่ได้ทิ้งสมาธิ เขาเก็บความตั้งมั่นไว้
แต่ถอนออกจากการเพ่ง
เพราะจิตที่มันได้ความตั้งมั่นจากการเพ่งนี่มันได้มาแล้ว
แต่ทีนี้ถ้ามันแน่วแน่เกินไป มันจะไม่มีการทำงานภายใน
เขาก็ถอยออกจากการเพ่ง
แต่ความตั้งมั่นยังอยู่
พอมาอยู่ในอุปจารสมาธิ ความจำปรากฏขึ้นมันก็เห็น
“อ้าว
ความจำไม่มีตัวตนนี่” เพราะตัวตั้งมั่นมันเป็นผู้ดู
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น