วันเสาร์ที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2560

กุสลสูปสมฺปทา

การยังกุศลให้ถึงพร้อม ให้สมบูรณ์

ตีความกุศลก่อน

โอวาทปาติโมกข์นั้นเป็นฝ่ายดับทุกข์
เป็นสัมมาปฏิปทา

มาดู...
อวิชชา ปัจจยา สังขารา
สังขารแบ่งเป็น
ปุญญา /อปุญญา /อเนญชา
อันนี้เป็นฝ่ายเกิดทุกข์นะ

เราต้องแยกกุศลให้ออก
ไม่งั้นจะปน
แยกให้ดีว่าเป็นฝ่ายเกิดหรือฝ่ายดับทุกข์

เหมือนรักษาศีล
ถ้ารู้สึกว่ายังมี "ตัวเรา" เป็นฐานรองรับผลของการรักษาศีล
อันนี้เป็นมิจฉาปฏิปทา
ให้ผลเหมือนกัน แต่ไปเกิดบนสวรรค์

ฌาน
ที่เป็นอริยมรรคก็มี
ไม่เป็นอริยมรรคก็มี

ศีล
ที่เป็นอริยมรรคก็มี
ไม่เป็นอริยมรรคก็มี

แค่ต้องการผลอย่างใดอย่างหนึ่ง
หรือมีตัวตนเป็นฐานรองรับผลอย่างใดอย่างหนึ่ง
คือทำด้วยอำนาจอวิชชา
ก็เป็นมิจฉาปฏิปทา

อวิชชาพาไปทำบุญก็ได้
ฉะนั้นดูดีๆ ว่ามันพาไปวัฏฏะ หรือวิวัฏฏะ

กุศลที่เรียนในอภิธรรมนี่ครอบจักรวาล
แต่กุศลในสัมมาปฏิปทาจะแคบกว่านั้น
เวลาเรียนเรียนดีๆ

กุศลนี่ก็พาไปภพภูมิไม่เยอะหรอก
แค่วนนาน~~~

ในโอวาทปาติโมกข์ไม่ได้แสดงกุศลทั่วไป
แสดงกุศลเพื่อความดับ
เป็นกรรมไม่ดำไม่ขาว
ไม่มีฐานรองรับ

ฐานรองรับที่ว่า
คือ ความรู้สึกว่ามีตัวเราทำนั่นนี่
เราก็เป็นคนดีนะ
เราก็เป็นนักปฏิบัตินะ

ความคิดจะดีเลิศขนาดไหนก็มาจากสายอวิชชา
ความเห็นที่ถูกนั้น
ไม่ใช่ว่าไปตามว่าความคิดนั้นดี ความคิดนั้นไม่ดี
แต่รู้ว่านี้เกิดเพราะเหตุปัจจัยแล้วไม่เที่ยง
จึงเป็นสัมมาทิฏฐิ

กุศลที่ถึงพร้อมคือจะเป็นไปในทางนี้
เป็นในทางไตรสิกขา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น