ความรู้สึกที่มีต่อสัญญา
ก็มักจะคล้อยกับสัญญา
จำไว้ดี เวทนาก็ดี เป็นสุข
จำไว้ไม่ดี เวทนาก็ไม่ดี เป็นทุกข์ขึ้นมา
ถ้าไม่รู้ว่าคืออะไร
ไม่รู้ว่าเป็นใครก็ อุเบกขา วนไป
ไม่รู้จะชอบดี ไม่ชอบดี
แล้วก็ปรุงแต่งตามเวทนาและสัญญา
ตามแบบฉบับความเคยชินของแต่ละคน
ความเคยชินนี้แหละ คือ ภูมิของจิต (หรือภพของจิต)
ถ้าอยากจะสร้างภพของจิตให้ดี
รู้ทันที่ผัสสะจะเร็วที่สุด
ถ้ารู้ไม่ทันก็มาฝึกตรงนี้ได้เหมือนกัน
ถ้าไม่เคยฝึกอะไรก็ทำดีไว้ก่อน
ละกรรมชั่ว
เพื่อให้จิตมันเคยชินจะปรุงสิ่งดีๆ
ถ้าจิตติดฝ่ายดี
ติดคำสอน
ติดสวดมนต์
ติดครูบาอาจารย์
ลักษณะนี้เป็นจิตภพสวรรค์
ถ้าดีบ้างไม่ดีบ้าง
แต่ไม่ถึงกับผิดศีลรุนแรง
จิตยังยึดในศีลในธรรม
แต่ไม่ดีเด่อะไรนัก
ลักษณะนี้เป็นจิตภพมนุษย์
ถ้าจิตเกาะความสงบ
ก็เป็นจิตพรหม
อยากรู้ว่าชาติต่อไปไปไหนง่ายนิดเดียว
เพราะกรรมที่จะนำเราไปเกิดที่แรงๆ มาแผ้วพาน
เช่น ฌาน, ฆ่าพ่อแม่, ฆ่าพระอรหันต์
กรรมที่จะให้ผลคือ อันนี้เลย "ภพของจิต" อภิธรรมเรียก "อาจิณกรรม"
มาดูว่าชาตินี้จิตเกี่ยวข้องกับอะไรอยู่
ถ้าสังเกตุดีๆ...
เวลาจิตติดข้องฝ่ายสูงนี้
มันจะเหมือนดันขึ้นไปข้างบน
เมื่อไรที่กิเลสครอบงำ
จิตมันจะดึงตัวเองลงไป
เหมือนอยู่แถวๆ อกนั่นแหละ แต่มันดึงลงข้างล่าง
อันนี้คือจิตมันไปติดภพภูมิที่ต่ำ
มองอย่างงี้ก็รู้แล้วว่าตายแล้วไปไหน
ทั้งนี้สังเกตไป ก็จะรู้ว่า "ภูมิของจิตก็ไม่เที่ยง"
ไม่ได้ให้ไปยึดดีอะไรอย่างนั้นหรอก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น