วันอาทิตย์ที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2560

ปัญญาแบบสมถะ ปัญญาแบบวิปัสสนา

ปัญญาแบบสมถะ ลูกเล่นเยอะ

เช่น

รู้ว่าสัตว์ท.มีกรรมเป็นของของตน
มองปั๊บไม่ค่อยวิจารณ์ใคร
สงบดี

ใครว่าอะไรมาก็นึกถึงธรรมะนั่นนี่ได้
เป็นเพียงเสียงกระทบ
ไม่เที่ยง

นึกถึงธรรมะ
นึกถึงความจริง
เป็นธัมมานุสติ
ตัดสินนั่นนี่ได้หมด

เห็นจิตเห็นใจตนเอง
มองหน้าคนอื่น
รู้อีกเขาคิดอะไร

ระลึกอดีตได้บ้างเล็กๆ น้อยๆ

บางทีก็รู้สึก
พ้นแล้วม้างงงง
ไม่มีกิเลสตั้ง 2-3 วัน

หรือบางทีสว่างไสวโล่งขึ้นมา
เหมือนดวงอาทิตย์
สักพักมืดเหมือนเดิม

คือผู้พ้นจริง (พระอรหันต์)
จะมีญาณ ปัจเวกขณญาณ
ถ้าไม่มีญาณนี้ เหมือนจะใช่แค่ไหน
ก็ไม่ใช่

ปัญญาแบบวิปัสสนา
จะเห็นไตรลักษณ์ต่อหน้าต่อตา
เกิดดับ ต่อหน้าต่อตา

ปฏิบัติไปสังขารก็ละเอียดมากขึ้น
จิตยังจำสภาวะไม่ได้
ก็รู้ไม่ทัน

หน้าที่ก็ทำเหมือนเดิม
เหมือนกับตอนสังขารหยาบ
ดูไป รู้ไป ให้จำสภาวะได้

ไม่ใช่โกรธดับ...นิ่ง
พอนิ่ง ไม่เห็น
เพราะละเอียดไป
งง ไม่ดูนิ่ง
ไม่เห็นว่านิ่งก็เกิดดับ

ทุกอย่าง หยาบ ละเอียด ไกล ใกล้
เกิดขึ้นแล้วดับไปทั้งสิ้น

ปัญญาวิปัสสนาเท่านั้น
จึงจะมีผลให้เบื่อหน่าย
ส่วนปัญญาสมถะ
จะรู้แค่ไหนก็ไม่เบื่อจริง

เบื่ออันนึง
เห็นอีกอันดีอยู่

เช่น เจริญอสุภะ
เบื่อร่างกาย
แต่จิตที่เจริญอสุภะอยู่นี่ดีจัง

ในการปฏิบัติปัญญาสมถะจะมาเยอะ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น