ถ้าเรายังทำกรรมอยู่
กรรมฝ่ายดีก็นี้ก็สำคัญในการปฏิบัติเช่นกัน
ควรทำฝ่ายดีเอาไว้
ทำเพื่อความละคลายตัวตน
ละความยึดมั่นถือมั่นต่างๆ
ละความติดข้องในวัตถุ เป็นต้น
ด้วยความที่จิตที่เป็นกุศลนี่
มันมีความใกล้กับจิตที่เป็นวิปัสสนา
มันจึงส่งเสริมกัน
ถ้าไม่ได้ทำความดีเอาไว้เป็นทุนเลย
เวลาไปเจริญวิปัสสนา
บางทีมันไม่ได้ผลจริง
มันจะมีปัญหา เช่น
เวลามีจิตที่ตระหนี่ ใจแคบ
จะมาฝึกสติสัมปชัญญะ ใจมันก็แคบ
คอยแต่จะเอาสงบ
พวกนี้จะเพี้ยน
จึงต้องมาฝึกให้ใจกว้าง
สละให้วัตถุต่างๆ ให้ใจเปิดออก
โล่ง เบาสบาย
เวลาไปดูกายดูใจ
มันก็จะโล่ง เบาสบายไปด้วย
ไม่คอยจะเอาแต่ได้
แต่ถ้าจิตที่เคยชินที่จะเอาแต่ได้
มาทำกรรมฐาน มันก็จะ "เอาแต่ได้"
หรือถ้าจิตของเรา
มีปกติเห็นอกเห็นใจ
ให้อภัย มีเมตตา ไม่ขี้โกรธ
การไปฝึกสติสัมปชัญญะมันก็จะดีไปด้วย
เวลาเรารู้จักให้อภัยคนอื่น
เราก็จะให้อภัยตนเองไปด้วย
เวลาดีก็ไม่เป็นไร
เวลาไม่ดีก็ไม่เป็นไร
ไม่มานั่งโกรธตัวเอง
แต่ถ้ามีปกติขี้โกรธแม้เรื่องเล็กๆ น้อยๆ
พวกนี้จะชอบโกรธตัวเอง
พอปฏิบัติดีก็ดีอยู่
พอไม่ดีก็โมโหตัว
ไม่น่าเลย
รู้สึกอย่างนู้นอย่างนี้ไปทั่ว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น