พวกใช้สมองคิด
พวกติดรูป จะติดสามมิติ
พวกรวมตัวอยู่กับรูปนี่จะแยกจิตออกจากรูปยาก
จะติดเอาเรื่องกายภาพเป็นตัวแบ่งแยก
เช่น แยกคนกับสัตว์
ที่ไม่มีหาง ที่ยืนสองขา เป็นต้น
จริงๆ สมองเป็นรูปธรรม
รูปธรรมนี้ก็เป็นที่เกิดของจิต
เพราะพวกขันธ์ 5 นี่ รูปกับนามมันแยกกันไม่ได้
แต่ถ้าพวกขันธ์ 4 นี่ จิตไม่มีรูปก็เกิดได้
สมองก็เป็นที่เกิดของจิต
หมายความว่า จิตไปเกิดที่สมองก็ได้ ไม่เกิดที่สมองก็ได้
จริงๆ ทั้งร่างกายนี้เป็นที่เกิดของจิตได้ทั้งนั้น ที่มีประสาทอยู่
จะว่าไปสมองก็เป็นเครื่องมือของจิต
แต่จิตก็เป็นจิต จะไม่ใช้สมองก็ได้
ถ้าเราเจริญสมาธิวิปัสสนา สามารถแยกจิตออกมาได้
เดินอยู่นอนอยู่ จิตเป็นคนรู้นะ
แล้วดันคิดได้อีกว่า 'ใครเดินอยู่วะนั่น'
ไม่ได้ใช้สมองคิดนะนี่
จิตที่คิด สำหรับคนที่ยึดติดกับรูป
แล้วแต่ความยึดติดของเขาว่าจะให้มันเกิดที่ไหน
ยุคหลังนี่ก็มักมายึดติดสมอง นักวิทยาศาสตร์เขาก็บอกว่า สมองเป็นตัวคิด
พอยึดงั้นมันก็เลยไปอยู่ตรงนั้นกะเขาด้วย
จริงๆ มันเป็นการใส่เครื่องหมาย
ถาม สมองคิดได้มั้ย
ตอบ ก็จิตมันไปเกิดตรงนั้นมันก็คิดได้สิ
ถาม เปลี่ยนจุดคิดได้มั้ย
ตอบ เปลี่ยนได้ ใช้ใจคิดก็ได้ จิตเกิดได้ทั้งตัวแหละ ใช้ขาคิดก็ได้
เมื่อจิตตั้งมั่น จะสามารถเห็นได้ว่า
จิตสามารถคิดได้ต่างหากเลย
ไม่ต้องอาศัยรูปก็ได้
คำว่าไม่ต้องอาศัยในที่นี้หมายถึงว่า
ไม่ต้องไปเกิดกับรูปอย่างนู้นอย่างนี้โดยเฉพาะเจาะจง
แต่ว่ามันก็เกิดกับรูปนั่นแหละ
คนฝึกสมาธินี่เขาจะเห็นว่าสมองมันก็ว่างอยู่ของมันต่างหาก
จิตก็เป็นตัวคิดได้ของมันต่างหาก
ถ้าเขาอยากให้สมองคิด เขาก็มาจดจ่อกับงาน
อันนี้คือมายึดติดกับรูป
เวลามายึดติดกับรูป
ก็จะเป็นทำนองเอามาทำงานทางโลก
ต้องขุดข้อมูลนั่นนี่มาจดจ่อ
สรุปคือ จะให้สมองคิดก็ได้ ไม่ให้มันคิดก็ได้ แล้วแต่
แต่ว่าจิตนี่ "ยังไงมันก็ต้องคิด"
ถ้าจะแยกก็ สมองนี้เป็นตัว "รูป"
ส่วนจิต เป็นตัวนามธรรม เป็น "นาม"
จิตไปเกิดตรงไหนก็ได้
โดยส่วนมากจิตที่คิดที่นึก เราก็ว่ามันอยู่ที่สมอง
แต่จริงๆ อยู่ที่ไหนก็ได้
ปกติถ้าฝึกสูงๆ ขึ้นไปมันจะอยู่ที่ "หทย"
หทยวัตถุ อยู่แถวๆ กลางตัว
เวลาคิด จะรู้สึกเหมือนมันคิดแถวๆ กลางตัว
เวลาหายใจเข้า-หายใจออก มันจะไม่ขึ้นข้างบน
มันจะอยู่ข้างล่าง อยู่แถวสะดือบ้าง หน้าอกบ้าง
จริงๆ หทยวัตถุนี่ก็อยู่ได้ทุกที่
แต่ตามหลักทั่วไป ท่านว่า พวกจิตที่คิดที่นึก มโนวิญญาณธาตุนี้มันเกิดที่หทย
หทย นี่จะถือเอาที่ไหนก็ได้ มันเป็น "รูป"
รูปใดเป็นทีเกิดวิญญาณธาตุ รูปนั้นเป็น หทย (หทยวัตถุ)
มโนวิญญาณธาตุอาศัยรูปใดเกิด รูปนั้นเป็น หทยวัตถุ
สมองก็เป็น หทย ได้ เพราะเราไปยึดมัน ให้มโนวิญญาณธาตุมันเกิด
หทยวัตถุ จึงอยู่ที่ไหนก็ได้ แต่โดยส่วนใหญ่แล้วมันอยู่กลางตัว
ตาก็เป็นจักขุวัตถุ (เป็นที่เกิดของจักขุวิญญาณ)
หูก็เป็นโสตวัตถุ (เป็นที่เกิดของโสตวิญญาณ) ฯลฯ
มันก็มีหลายวัตถุรวมกันอยู่ คือเป็นทีเ่กิดของจิต
และพวกนี้ก็ยังเป็นหทยวัตถุได้ด้วย ถ้ามโนวิญญาณมันมาเกิดที่นี่
(ถ้าความคิดความนึกมันมาเกิดที่นี่)
เรื่อง "วัตถุ" นี่ดูที่ว่าจิตมันไปเกิดที่ไหนเป็นหลัก
สมมติ ตา ไปเกิดตรงตูดงี้ ก็ต้องว่า จักขุวัตถุไปเกิดที่นั่น
ความคิดนึกปรุงแต่งมันไปเกิดที่ไหน สถานที่นั้นก็เรียก หทยวัตถุ
ใช้ใจคิด ไปคิดกลางๆ ตัวนี่
มันจะลึกซึ่้งกว่า มันใกล้กับการที่เราเชื่อมต่อกับโลกมากกว่า
การเชื่อมต่อกับโลกนี้มันเชื่อมต่อผ่านสะดือ
เวลาคิดแถวๆ สมองนี้มันจะรู้สึก
แบล้งๆ เบลอๆ ล่องลอยยังไงไม่รู้
แต่ถ้ารู้สึกเข้ามาที่ใจ แถวๆ กลางตัว
มันจะรู้สึกลึกซึ้งกว่าเยอะ เพราะมันสัมพันธ์กับโลกมากกว่า มันผ่านมาทางสะดือ
จะว่าไปมันก็เป็นความเคยชิน
แต่ว่าหลังๆ พอเรียนวิทย์เยอะๆ ก็ให้เราไปคิดนู่นคิดนี่
พอคิดนู่นคิดนี่ มันก็ไม่ค่อยรวม
เพราะว่ามันห่างไกลกับธรรมชาติของตัวเอง
พอไกลก็ฟุ้งสิ ไปเรื่อย จับไม่อยู่
ฉะนั้น ในการปฏิบัติเจริญสติสมาธิ
ถ้าเกิดความคิดแถวๆ สมอง
ท่านจึงให้ปล่อยไปก่อน มันไกลไป
ให้รู้สึกเข้ามาที่จิตที่ใจกลางๆ ตัว
เมื่อจิตมันเข้ามากลางๆ ตัวแล้วมันจะใกล้กับความจริงมากกว่า
จิตที่มารวมนี้ เขาเรียก จิตมีสมาธิ ตั้งมั่น
ดังนั้น สมองเป็นอันนึง
จิตก็เป็นอันนึง
ความคิดก็เป็นอีกอันนึง
ความคิดก็มีหลายอย่างรวมกัน
วิตก ก็เป็นส่วนหนึ่งของความคิด
วิจารณ์ ก็เป็นส่วนหนึ่งของความคิด
ทิฏฐิ ตัณหา ... แม้กระทั่งปัญญา ก็เป็นส่วนหนึ่งของความคิดได้
คิดแบบมีเหตุผล นี้ก็เป็นปัญญา แต่เป็นขั้นพื้นฐาน
ถ้าขั้นสูงขึ้นไปท่านจะไม่ใช้คำว่าคิด ท่านใช้คำว่า "รู้" และ "เห็น"
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น