หงุดหงิดงุ่นง่านเป็นพื้นอารมณ์ อาจด้วยความสั่งสมจากการห่างไกลรูปแบบ + ฮอร์โมน (นับเวลาน่าจะเป็นช่วงก่อเรื่องพอดี) พอไม่ทำมันก็ติดเป็นความผิดเล็กๆ ในใจ จะไม่ทำก็ไม่ปล่อยวาง
เมื่อวานตอนครูพี่หญิงเมตตาซักไซร้ อ่านถึงคำถามว่า "เป้าหมายในการปฏิบัติ" แล้วกระตุกวูบหนึ่ง ใจสงบลงแล้วจึงตอบ ไม่อาจตอบได้ว่าเป้าหมายคือมรรคผลนิพพาน ด้วยไม่รู้จัก จะให้พูดอย่างกล้าหาญใจมันไม่ไปอย่างนั้น เอาเป็นว่าได้ทบทวนว่าปัจจุบันกำลังเฝ้าฝึกฉันทะในการรู้กายใจ กำลังพยายามเปลี่ยนไพ่ตัณหา (หนีทุกข์จึงทำ) ให้ค่อยๆ กลายเป็นไพ่ฉันทะให้ครบสำรับ
ตอนครูพี่หญิงถามถึงผลจากความเพียร ก็กระตุกอีกด้วยว่าหาผลของเพียรตรงๆ ไม่เจอ ก็อาจจะแปลได้สองอย่างว่า
1. จริงๆ แล้วยังไม่เคยเพียร (มัวแต่เพี้ยน) หรือ
2. มัวดูอย่างอื่นอยู่ ไม่ได้เก็บผลด้านนี้
สังเกตุการปฏิบัติธรรมของตัวเอง เหมือนการขยับโต๊ะตัวใหญ่ด้วยตัวคนเดียว เลื่อนขวาที ไปต่อไม่ได้ เดินข้ามฟากไปขยับซ้ายอีกที ขยับทางนู้นทีทางนี้ที กระดึ๊บๆ ไป ไม่สามารถลากโต๊ะไปครั้งเดียวให้เคลื่อนทั้งตัวได้ ทั้งนี้เมื่อไรจะขยับอะไรหนูใช้สัญชาตญานเอาล้วนๆ ผิดถูกไม่รู้ ไม่มีใครบอก ฟังธรรมแล้วสะดุดอะไร จิตจะเริ่มรวมที่ธรรมนั้น เริ่มสังเกตในมุมมองนั้น เริ่มคิดในแบบนั้น เริ่มพูดในมุมนั้น เริ่มทำในมุมนั้น เป็นวงจร
ก่อนนอนสวดมนต์ + นั่งสมาธิสั้นๆ
-------------
บังเอิญอ่านเจอธรรมะพระอาจารย์ทองสุขแล้วรู้สึกเย็นลงได้ เลยเอามาฝากกันค่ะ
อย่าใช้พระเดชในการดูจิต
ต้องใช้พระคุณ
ต้องใช้พระคุณ
การดูจิตต้องดูอย่างนักปราชญ์
อย่าฉลาดวาดภาพจะผิดคำสอน
ธรรมะนั้นต้องเป็นไปตามขั้นตอน
ยืนเดินนอนกำหนดรู้ดูเบาๆ
ดูนุ่มๆ ชำเลืองดูอย่างหวานๆ
อย่ารำคาญจะผิดคำอาจารย์สอน
อย่าส่งจิตออกนอกจะขาดตอน
ความรุ่มร้อนที่ปรากฏค่อยหมดไป
อย่าฉลาดวาดภาพจะผิดคำสอน
ธรรมะนั้นต้องเป็นไปตามขั้นตอน
ยืนเดินนอนกำหนดรู้ดูเบาๆ
ดูนุ่มๆ ชำเลืองดูอย่างหวานๆ
อย่ารำคาญจะผิดคำอาจารย์สอน
อย่าส่งจิตออกนอกจะขาดตอน
ความรุ่มร้อนที่ปรากฏค่อยหมดไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น