รู้สึกไม่ค่อยสบายใจ น่ารำคาญ
ถึงแม้จะเป็นความรู้สึกสบายแบบกิเลส เช่น ร้องคาราโอเกะ ก็ยังรู้สึกไม่ค่อยสบาย
เวทนาที่เป็นอกุศล จึงเป็นของหยาบ เพราะให้ความรำคาญใจ และให้วิบากเป็นทุกข์
เวทนากุศล
ไม่มีความกระวนกระวาย ปลอดโปร่ง
ให้วิบากเป็นสุข ก็ละเอียดขึ้นมา
อัพยากตะ
อันนี้ละเอียดสุด
เพราะมันไม่ให้วิบาก
และเป็นแค่ผล
จึงไม่ต้องมีความขวนขวายจัดแจงให้เกิดอะไร
ไม่ได้มีเจตนาจะจัดแจงนู่นนี่ ไม่มีวิบาก
กุศล - อกุศล เมื่อเทียบกกับอัพยากตก็เรียกว่าหยาบ
เพราะมันยังต้องขวนขวายจัดแจงทำให้เกิดอะไรๆ ขึ้น
อัพยากตะ มันเป็นผล ก็ไม่ต้องไปขวนขวายอะไร
กุศล - อกุศล ต้องมีการปรุงแต่งขึ้นมา
ก็ต้องเหน็ดเหนื่อยบ้างตามสมควร
มีการกระทำ และก็ให้ผล
กุศล/อกุศล = สิ่งที่ให้ผล
อัพยากตะ = สิ่งที่เป็นผล
อันนี้แยกให้ดูโดยชาติ
---
แยกดูโดยสภาวะ
สุข/ทุกข์ ก็ยังเป็นของหยาบ เมื่อเทียบกับ อทุกขมสุข
สุข/ทุกข์ ยังมีการกระจัดกระจาย หวั่นไหว
อทุกขมสุข มีความสงบ มันจึงละเอียดกว่า
---
แยกโดยบุคคล
เวทนาของผู้ที่ไม่ได้เข้าสมาบัติเป็นของหยาบ
จิตไม่มีที่อยู่นิ่งๆ จะเป็นของหยาบ เดี๋ยวกระโดดไปนั่นไปนี่
สมาบัติ หมายถึง เข้าไปพักจุดใดจุดหนึ่ง
---
แยกโดยโลกิยะ โลกุตตระ
เวทนาที่เป็นอารมณ์ของอาสวะเป็นของหยาบ
เวทนาที่ไม่เป็นอารมณ์ของอาสวะ เป็นของละเอียด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น