ปกติจะเห็นกิเลสเป็นเพื่อนแท้กัน
ไม่ได้เห็นเป็นปัญหา ไม่ได้เห็นเป็นข้าศึก
หมดกิเลสนึกไม่ออกเลยว่าจะอยู่กันยังไง
โดยหลักการปฏิบัติคือ อริยสัจ 4 นั่นล่ะ
ถ้าในแง่ปฏิบัติ
ต้องกำหนดทุกข์ให้ได้ก่อน
ถ้ากำหนดทุกข์ไม่ได้
สมุทัยจะกำหนดไม่ออก
ต้องมากำหนดทุกข์ก่อน
ว่าเป็นรูป-นาม ขันธ์
เป็นอนิจจัง ทุกขัง มาจากเหตุจากปัจจัย
มันเป็นของมันอย่างนั้น
ตัวปัญหาคือกิเลสนี่เอง
แต่ถ้ากำหนดทุกข์ยังไม่ได้
จะไปกำหนดกิเลสว่าเป็นปัญหานี่ กำหนดไม่ออก
เช่น
ผมมันก็เป็นผมของมันอย่างนั้น เล็บก็เป็นของมันอย่างนั้น
แต่การเห็นว่าเส้นผมมันสวยนี่....ปัญหามันอยู่ตรงนี้
แต่ถ้าเรากำหนดเส้นผมเป็นธาตุ 4 ยังไม่ได้นี่
จะกำหนดกิเลสมันกำหนดไม่ออก
เช่น
ถ้าไม่รู้ว่าร่างกายเป็นแค่ร่างกาย
กินข้าวเข้าไปก็แก่ลงทุกวัน เป็นเรื่องปกติ๊~~~ปกติ
จะไปกำหนดความอร่อยเป็นเหตุเกิดทุกข์ ....มันกำหนดไม่ออก
แต่ถ้ากำหนดได้
ร่างกายก็เป็นอย่างนี้ ไม่มีอร่อยไม่อร่ออย
อร่อยนี่เป็นกิเลสนี่นา
หลอกให้เรากิน
ถ้ากินธรรมดาก็พอได้ปัญญาบ้าง
แต่กินอร่อยนี่คือกินยาพิษเข้าไปด้วย
กินแล้วโง่ลง
เช่น
กำหนดชัดว่าผิวหนังนี่เป็นของไม่สวย
ต่อมาเห็นว่าสวยปั๊บ
ปัญหาอยู่ที่เห็นว่าสวยนี่แหละ
ส่วนหน้าที่ไม่สวยนี่เป็นธรรมชาติของมัน (เป็นทุกข์)
ส่วนเห็นว่าสวยนี่ เป็นเหตุเกิดทุกข์
แต่ถ้ากำหนดไม่ได้
มองหน้าตัวเองทีไรก็สวยดีไม่มีปัญหาอะไร
ปัญหาน่าจะอยู่ที่สิว
นี่คือภาวะกำหนดไม่ออก
คำตอบของคำถามว่า เรียนเรื่องกิเลสมาตั้งนาน
ทำไมยังกำหนดกิเลสว่าเป็นศัตรูไม่ได้
ก็เพราะว่า ยังกำหนดทุกข์ไม่ได้นั่นเอง
กำหนดขันธ์ 5 ว่าเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตาไม่ได้
มันเลยหาสมุทัยไม่เจอ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น