วันพุธที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2561

สักกายะ 20

เห็นรูปโดยความเป็นตัวตน
เห็นตนมีรูป
เห็นรูปในตน
เห็นตนในรูป

(เวทนา, สัญญา, สังขาร, วิญญาณ)

มันก็ไม่ได้เกิดตลอดเวลา
แต่ก็ถ้ายังมีเกิดอยู่ใน 20 อย่างนี้ ก็เรียกว่า ยังมีทิฏฐิเหลืออยู่

เห็นรูปโดยความเป็นตัวตน
เห็นรูปว่าเป็นตัวตน เช่น
เราเดิน เรายืน เรานั่ง เรานอน เราทำนั่น เราทำนี่

เห็นตนมีรูป
เรามีแขน เรามีขา เรามีจมูก มีปาก

เห็นรูปในตน
ตัวตนใหญ่ รูปมาอยู่ภายใต้ตน
เราเป็นใหญ่ เป็นเจ้านาย ใช้รูปไปทำนั่นทำนี่
ใช้แขน/ขามาทำนั่นนี่

เห็นตนมาอยู่ในรูป
รูปเป็นกรอบ มีตนมาอยู่ในรูป

แท้จริงความรู้สึกว่ามีตัวมีตน
เราเป็นนั่น เป็นนี่
ก็เป็นความรู้สึกธรรมดาๆ

ที่มันผิดคือความเห็น
เห็นว่ามันจริงจัง

เช่น เรามีความรู้เกิดขึ้น ปัญญาเกิดขึ้น
แล้วก็มีความเห็นผิดว่า "เรามีปัญญา"
เรารู้อย่างนั้น เรารู้อย่างนี้

ถ้าเราเห็นว่า ปัญญาเกิดขึ้นแล้วก็ดับไป
ทิฏฐิเกิดขึ้นแล้วก็ดับไป
ความยึดถือเกิดขึ้นแล้วก็ดับไป
มานะสำคัญตนเกิดขึ้นแล้วก็ดับไป
มันก็ไม่มีอะไร เป็นแต่ธรรมะ

แต่เรานี้จะไปหยุดอยู่ตรงความเห็น
ปัญญาเกิดขึ้นแล้วดับไป
แต่มันก็ไปจับอยู่แค่ว่า "ว้าว นี่เรารู้"
หยุดอยู่เท่านี้ ไอ้ตัวนี้ (ความเห็น) ไม่ยอมดับ

ซึ่งปุถุชนจะเป็นอย่างนี้
พระอริยเจ้าจะไม่เป็นอย่างนี้แล้ว
ไม่หยุดค้างเติ่งอย่างนี้

พระโสดาบันท่านก็ยังรู้สึกว่าเป็นตัวตนนะ
"แต่ไม่เห็นผิด"
เพราะว่าความรู้สึกเป็นตัวตนมันเป็นแค่กิเลส
คือท่านรู้ว่าอ่อ มันเกิด เกิดแล้วก็ดับ
คือจะไม่ไปเห็นผิดว่า มันมีตัวตนจริงๆ



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น