ใส่ใจ (มนสิการ) กับรู้ (วิญญาณ) นี่มันไม่เหมือนกัน
ตาเห็นรูป หูยินเสียงเหมือนกัน แต่จะใส่ใจแบบไหน
ถ้าไปเห็นเป็นพวกเรา พวกเขา สวย ไม่สวย เป็นหญิง เป็นชาย
อันนี้มันคือ
ใส่ใจ (มนสิการ)
พระพุทธเจ้าก็เห็นพวกเราเหมือนกัน
แต่ไม่ได้มนสิการ...
คือพระองค์ไม่ได้ใส่ใจว่าจะเป็นคนเป็นสัตว์ เป็นหญิงเป็นชาย
ที่พระองค์ใส่ใจ...ใจโน้มเอียงไปก็คือ สุญญตา
คำว่า ไม่มนสิการสรรพนิมิต ไม่ใช่ไม่รู้อะไรนะ
จิตมันก็รู้ทุกเรื่องนั่นแหละ สูงต่ำดำขาวก็รู้หมด
ตัวมนสิการนี้เป็นเจตสิก ...ไม่ใช่จิต
ตัวจิตเป็นตัวรู้
ท่านไม่ใส่ใจนิมิตภายนอก หมายถึง ไม่ใส่ใจนามรูป
สิ่งที่ไม่ใช่นิมิตมีอย่างเดียว คือนิพพาน
แต่พระองค์รู้นามรูปเพราะพระองค์มีวิญญาณ
พระองค์รู้จักมันตามความเป็นจริง เพราะพระองค์มีปัญญา
แต่พระองค์ไม่ใส่ใจมัน
เหมือนเรามองดูคนคนหนึ่ง
จิตมันรู้แจ้งแบบนั้นไปเลย คือรู้จักธรรมชาติ รู้รายละเอียดนั่นนี่นู่นหมด
แต่เวลาเราใส่ใจนี่ เราใส่ใจกันคนละแบบ
บางคนใส่ใจตาเขา บางคนใส่ใจจมูก บางคนใส่ใจตูดเขา
คือไอ้ตอนที่จิตเห็นมันก็เห็นเหมือนกัน มันรู้แจ้งอารมณ์เหมือนกัน
แต่ตอนใส่ใจนี่ ไม่เหมือนกัน
ถ้าใส่ใจแล้ว กิเลสมันเกิดมาครอบงำ
ทำให้เกิดความยินดียินร้าย
เขาก็เรียก “อโยนิโสมนสิการ”
คือใส่ใจไม่ถูก
พอไม่ถูกกิเลสก็จะท่วมเอา
แต่ถ้าใส่ใจถูก แล้วทำให้เกิดสติ เกิดปัญญา เขาเรียก โยนิโสมนสิการ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น