จิตไม่เคยบอกว่าอะไรเป็นอะไร
ตัวที่บอกว่านี่คืออะไรคือ อุปาทาน (เป็นสังขารชนิดหนึ่ง)
สัญญา ธรรมชาติมันก็เป็นความจำ
มันก็ไม่ได้ว่ามันเป็นอะไรๆ
ตัวที่บอกว่ามันเป็นอะไรๆ คือสังขาร
สังขาร สิ่งปรุงแต่งว่ามันดีไม่ดี
มันก็เป็นอย่างนั้นอย่างที่มันเป็น
ตัวที่ไปบอกว่ามันดีไม่ดี เป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ก็เป็นสังขาร
วิญญาณมันก็เป็นวิญญาณ จิตมันก็เป็นจิตนี่แหละ
ตัวที่ไปบอกว่ามันเป็นอะไรๆ คือสังขาร
ตัวบอก ตัวพากย์ทุกตัวนี่ ก็เป็นสังขารหมด
อยู่ที่จะบอกเป็นอะไร
ถ้าบอกว่าเป็นตัวเรา เป็นของเรา อันนี้ก็ทิฏฐิมันเห็นผิดอยู่
ถ้าบอกว่าไม่เที่ยง ไม่ใช่ตัวตน อันนี้ก็ปัญญา
ซึ่งตัวบอกพวกนี้ ก็สังขารหมดนั่นล่ะ
แขน ก็อย่างนี้ ใครไปคนไปบอกว่ามันเป็นแขน ... ก็สังขาร
สังขารนี่มีเยอะ แล้วแต่ตัวไหนจะบอก
อาจจะบอกว่า แขนนี่ของเรา แขนเรา แขนสวย ... นี่ก็สังขาร
อาจจะบอกว่า นี่แขนไม่เที่ยง ... นี่ก็สังขารอีกเหมือนกัน
แสงสว่างเกิดขึ้น มันไม่ใช่จิต ใครเป็นคนไปบอก อ้าวนี่แสงสว่างเกิดขึ้นนี่ .... ก็สังขาร
เดิมสังขารก็บอกแบบโง่ๆ
ฝึกๆ ไปมันก็เริ่มบอกแบบฉลาด
กิเลสนี่ก็สังขารทั้งนั้นล่ะ
ธรรมที่เลิศสุดในฝ่ายสังขาร คือ อริยมรรคมีองค์ 8
อันนี้เลิศสุด และต้องทำให้มีขึ้น
ความเลิศของมันอยู่ที่
เมื่อมันเกิดขึ้น มันละอันอื่นได้ด้วย
ไม่เหมือนพวกบุญ เกิดขึ้นแต่ละกิเลสไม่ได้ คือละตัวไม่ดีไม่ได้
ตอนมันมีอำนาจมันก็ดี แต่ไม่กำจัดฝ่ายไม่ดี
พอวันหนึ่งมันกลับข้าง มันก็วนๆ เวียนๆ อย่างนี้
เมื่อมรรคเกิดขึ้น
จะละกิเลสที่ยังไม่เกิดไม่ให้มันเกิด และไม่เกิดอีกเลย
ทำลายภพชาติที่ยังไม่มีไม่ให้มันมี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น